ปีที่แล้ว vivo X100 Series ได้สร้างมาตรฐานใหม่ของกล้องมือถือ ด้วยกล้อง ZEISS APO Floating Telephoto ซึ่งให้คุณภาพการซูมที่ยอดเยี่ยม และมาถึงรุ่นล่าสุด vivo X200 Series ก็ได้รับการยกระดับให้บันทึกทุกช่วงเวลาได้ชัดกว่าที่เคย โดยยังคงทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์อย่าง ZEISS อย่างใกล้ชิด เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของการถ่ายภาพและวิดีโอบนสมาร์ตโฟนมาพร้อม 2 รุ่น vivo X200 และ vivo X200 Pro โดยครั้งนี้มาพร้อมสโลแกนว่า “ซูมชัดทุกเรื่องราว”
แกะกล่อง vivo X200 Series
vivo X200 และ vivo X200 Pro ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีดำ บนฝากล่องระบุชื่อรุ่นขนาดใหญ่ภายในกรอบวงแหวน พร้อมข้อความระบุว่ามีการทำงานด้านวิศวกรรมร่วมกันกับ ZEISS เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับสมาร์ตโฟน vivo X200 Series ถูกเก็บไว้ในซอง ที่มีลิ้นช่วยดึงตัวเครื่องออกจากถาดรอง
หลังจากหยิบถาดรองสมาร์ตโฟนออกไป จะพบกับกล่องแบนๆ สีดำ แยกไว้เป็นสัดส่วน ประกอบด้วยกล่องสำหรัจัดเก็บเอกสารอย่างคู่มือ Quick Start Guide ข้อมูลสำคัญและบัตรรับประกัน แถมเคสมาให้ 1 อัน พร้อมแนบเข็มช่วยถอดถาดใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย
สำหรับสายชาร์จ และหัวชาร์จ (Power Adapter) ถูกแยกเก็บไว้อีกกล่อง โดยทาง vivo ให้สายชาร์จแบบ USB-C to USB-C ขณะที่หัวชาร์จ รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 90W FlashCharge
ดีไซน์หน้าจอใหม่ Micro Quad Curved Screen
vivo X200 Series ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการออกแบบหน้าจอใหม่ โดยปรับให้มีขอบมุมโค้งมนเล็กน้อยทั้ง 4 ด้าน เรียกว่าดีไซน์ Micro Quad Curved Screen ช่วยลดปัญหาการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกัน ยังมีพื้นที่ขอบจอที่บางเฉียบ เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่ดื่มด่ำมากขึ้น และยังมีขอบหน้าจอที่บางเท่ากันทั้ง 4 ด้าน ทำให้ทั้งคู่ดูคล้ายกันมาก มีความแตกต่างที่ขนาดหน้าจอเท่านั้น
vivo X200 มาพร้อมจอแสดงผล 6.67 นิ้ว ตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร ผสานกับดีไซน์ขอบมุมโค้งมน Micro Quad Curved Screen ช่วยให้จับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยมีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Midnight Black, Aurora Green และ Ocean Blue
สี Midnight Black ของ vivo X200 มีพื้นผิวดำด้าน ให้ความรู้สึกทรงพลัง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบความคลาสสิค ขณะที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว 2 สี ทั้งสีเขียว Aurora Green ที่สะท้อนความงดงามของธรรมชาติ และ สีน้ำเงิน Ocean Blue ให้ภาพลักษณ์ที่ดูเรียบหรู มีระดับ และสร้างความโดดเด่นในมือของผู้ใช้งาน
จอแสดงผลของ vivo X200 Pro มีขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ตัวเครื่องสีดำ Midnight Black มีความบาง 8.20 มิลลิเมตร ขณะที่สีเทา Titanium Grey มีความบาง 8.49 มิลลิเมตร
vivo X200 Pro สี Midnight Black มาในโทนสีดำด้านเช่นเดียวกับสีดำของ vivo X200 สำหรับสี Titanium Grey ซึ่งทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการขัดลาย ช่วยเพิ่มความเปล่งประกาย ให้ความหรูหราและทนทานมากยิ่งขึ้น
กล้องหลังระดับโปร ซูมชัดกว่าที่เคย
ระบบกล้องหลังของ vivo X200 และ vivo X200 Pro ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Telephoto และ กล้อง Ultra Wide โดยทั้ง 3 ตัว มาพร้อมเทคโนโลยีเคลือบเลนส์แบบ ZEISS T* (T Star) ทำให้ภาพคมชัดใส อีกทั้งยังช่วยลดเอฟเฟกต์แสงหลอกและแสงแฟลร์
vivo X200 Series มีการตั้งค่ากล้องหลังแตกต่างกันเล็กน้อย vivo X200 ได้รับกล้องหลัก VCS True Color Main Camera ที่มาพร้อมเทคโนโลยี vivo Camera-Bionic Spectrum (VCS) ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และลดการคลาดเคลื่อนของสี, กล้อง ZEISS Telephoto Camera สามารถเก็บรายละเอียดของภาพถ่ายภาพระยะไกลได้สวยคมชัดกว่าที่เคย และ กล้อง Ultra Wide-Angle Camera ให้มุมมองภาพกว้าง 119 องศา
สำหรับกล้องหลังของ vivo X200 Pro ประกอบด้วย กล้องหลัก ZEISS True Color Main Camera ที่มาพร้อมเทคโนโลยี VCS เช่นกัน, กล้อง ZEISS APO Telephoto Camera ผสานกับเซ็นเซอร์กล้องขนาดใหญ่ พิกเซลสูง ทำให้ซูมได้ที่คมชัดยิ่งขึ้น และ ยังมีกล้อง Ultra Wide ให้มุมมองภาพกว้าง 119 องศา เช่นเดียวกัน
ด้วยความสามารถกล้อง ZEISS APO Telephoto Camera ทำให้ vivo X200 Pro รองรับโหมดถ่ายภาพใหม่ Telephoto Super Stage ที่ผสานการทำงานร่วมกับ AI ช่วยถ่ายภาพการแสดงบนเวทีให้สวยงามคมชัดแม้ซูมจากระยะไกล เหมาะสำหรับบันทึกภาพคอนเสิร์ต เทศกาลดนตรี หรือ ละครเวที
โหมดถ่ายภาพ Portrait ของ vivo X200 Pro มาพร้อม ZEISS Multifocal Portrait ช่วยให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นระยะ 85 มิลลิเมตร ก็ให้ภาพพอร์ตเทรตที่คมชัดระดับ HD หรือจะเป็นระยะ 135 มิลลิเมตร ทำให้ได้มุมมองภาพถ่ายพอร์ตเทรตที่แตกต่างไปจากเดิม และยังเพิ่มความโดดเด่นได้มากขึ้นกับเอฟเฟกต์ละลายฉากหลัง ZEISS Planar Style Bokeh
vivo X200 Pro ยังมีฟังก์ชัน Zero Shutter Lag Motion Snapshot ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจับภาพความเร็วสูงของ vivo ทำให้ชัตเตอร์มีความหน่วงเป็นศูนย์ หมายความว่า ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญในชีวิต
สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังของ vivo X200 Pro รองรับการซูมสูงสุด 30 เท่า สามารถสลับไปโหมดถ่ายภาพนิ่งระหว่างบันทึกวิดีโอได้ พร้อมช่วยปรับแสงและสีให้อัตโนมัติ อีกทั้งยังรองรับการซูมเสียง Pure Sound Recording จึงบันทึกเสียงได้อย่างชัดเจน และให้เสียงมีมิติสมจริง เมื่อย้อนกลับไปดูวิดีโอที่บันทึก จะให้ความรู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง
vivo X200 Pro สามารถถ่ายวิดีโอในรูปแบบ 4K HDR Cinema Portrait Video ที่มีสไตล์สำหรับถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตให้เลือก 6 แบบ และให้ความคมชัดมากขึ้นระดับ 4K พร้อมโหมด HDR ที่สามารถซูมได้ 2x และ 3.7x ผ่านกล้อง ZEISS APO Telephoto
กล้องหลังของ vivo X200 Series สามารถถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ได้ดีกว่ารุ่นก่อนผ่านโหมด Super Landscape พร้อมสไตล์การถ่ายภาพที่มีให้เลือกระหว่าง Atmosphere และ Soft ทำให้ภาพความงามของธรรมชาติที่อยู่เบื้องหน้ามีมิติสมจริง พร้อมรองรับการถ่ายภาพ Landscape แบบ Long Exposure ที่สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูง ผ่านเอฟเฟกต์ HDR และ Slow Shutter ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ vivo X200 Series ยังรองรับ XDR Photo 3.0 ช่วยยกระดับคุณภาพการแสดงผลของภาพ ตั้งแต่การถ่ายและประมวลผล ไปจนถึงการแสดงผลภาพ มอบการถ่ายทอดแสงและเงาได้อย่างสมจริงและละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น
สรุปราคาและการจำหน่าย
vivo X200 และ vivo X200 Pro ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อบกระดับการถ่ายภาพอย่างรอบด้าน ทำให้ผู้ใช้งานกลายเป็นช่างภาพมืออาชีพ ไม่ว่าจะถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ไปจนถึงภาพถ่ายจากระยะไกลผ่านเลนส์ซูมสุดล้ำ ขณะเดียวกัน vivo X200 Series ยังมีดีไซน์สวยงามพรีเมียม เพียบพร้อมด้วยความสามารถครับครัน สมกับเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงแห่งปี 2024 ของ vivo ซึ่งทีมงาน @flashfly กำลังจะนำเสนอรีวิวอย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้
ทางด้านราคาทางการในประเทศไทยนั้นมีดังต่อไปนี้ vivo X200 5G (12GB + 256GB) ราคา 29,999 บาท และ vivo X200 Pro 5G (16GB + 512GB) ราคา 39,999 บาท วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2024 เป็นต้นไป ที่ร้านค้า Official Shop ทั่วประเทศ
โปรโมชั่น ! เมื่อซื้อสินค้าทั้งสองรุ่น รับฟรี หูฟัง vivo TWS 3e มูลค่า 1,799 บาท ,vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง (มูลค่า 10,999.-) ,Premium Case (มูลค่า 890.-) ,สิทธิ์แลกซื้อ vivo Watch 3 ในราคาส่วนลด 50% พร้อมโปรเครื่องเก่าแลกเครื่องใหม่ จากราคาประเมินสูงสุด 8,000 บาท
#vivoX200Series #ซูมชัดทุกเรื่องราว #ZEISSImageGoFar