Samsung นำเสนอเทรนด์ใหม่ของคนมีสไตล์ที่ใส่ใจสุขภาพด้วยแหวนอัจฉริยะ Galaxy Ring ซึ่งพร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนสัมผัสและทดลองใช้งานอย่างใกล้ชิดที่งาน Thailand Mobile Expo 2024 ก่อนจะเริ่มทำตลาดช่วงปลายปีนี้ โดยมีจุดเด่นที่สวมใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน ติดตามสุขภาพได้คล่องตัวกว่าสมาร์ทวอทช์ ดีไซน์พรีเมียมทนทาน และแบตเตอรี่ให้พลังงานยาวนานตลอดสัปดาห์
สเปก Samsung Galaxy Ring
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, PPG และ Skin Temperature
- ความจำ RAM 8MB
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.4
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68 / 10 ATM
- วัสดุไทเทเนียม เกรด 5
- แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 7 วัน
- แหวนมีให้เลือก 9 ขนาด 05 – 13 (ในไทยเริ่มต้นที่ขนาด 06)
- น้ำหนักแหวน 2.3 – 3.0 กรัม (ขึ้นอยู่กับขนาดแหวน)
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Titanium Black, Titanium Silver และ Titanium Gold
- ขนาดเคสชาร์จ 48.9 x 48.9 x 24.51 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 61.3 กรัม
แกะกล่อง Galaxy Ring
Samsung Galaxy Ring จัดส่งมาในกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำ ภายในมาพร้อมเคสชาร์จแบบโปร่งใส โดยมี Galaxy Ring วางอยู่ข้างใน ขณะที่คู่มือแนะนำการใช้งาน Quick Start Guide และสายชาร์จแบบ USB Type-C to C ยาว 1 เมตร ถูกเก็บไว้ในกล่องแบนๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ฝา
ดีไซน์เรียบหรู ทนทาน
แหวนอัจฉริยะ Samsung Galaxy Ring ถูกเก็บไว้ในเคสชาร์จที่มีดีไซน์หรูหราและทันสมัย โดยพื้นผิวตัวเคสมีลักษณะโปร่งใส ด้านหลังมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และส่วนฐานก็รองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย
เมื่อเปิดฝาเคสชาร์จขึ้นมา จะพบกับแหวน Galaxy Ring ซึ่งดูเหมือนเครื่องประดับระดับพรีเมียม ผลิตด้วยวัสดุไทเทเนียม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Titanium Black (พื้นผิวด้าน), Titanium Silver (พื้นผิวด้าน) และ Titanium Gold (พื้นผิวมันเงา) อย่างไรก็ตามสี Titanium Gold จะวางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์ของเว็บไซต์ Samsung.com
หากมองผ่านๆ ขณะสวมแหวนแล้ว อาจไม่ทันสังเกตว่าเป็นแหวนอัจฉริยะ แต่ถ้าหยิบขึ้นมาสำรวจอย่างใกล้ชิด จะเห็นว่าด้านในของวงแหวนติดตั้งเซ็นเซอร์สำหรับวัดค่าสุขภาพมาให้ ดังนั้น Galaxy Ring จะดูหนากว่าแหวนทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หนาจนเกินไป วัดได้ 2.6 มิลลิเมตร
Galaxy Ring ออกแบบมาให้สวมใส่ได้อย่างสบายและคล่องตัว ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 2.3 กรัม สำหรับขนาดเล็กสุด และ 3 กรัม สำหรับขนาดใหญ่ที่สุด โดย Samsung ผลิตออกมาทั้งหมด 9 ขนาดด้วยกัน แต่ในไทยนำเข้ามา 8 ขนาด ตั้งแต่ 06 ถึง 13 (ขนาด 06 และ 13 วางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์ Samsung.com)
Galaxy Ring มีความกว้างเพียง 7 มิลลิเมตร มาพร้อมดีไซน์ Iconic Concave Surface ทำให้พื้นผิวเว้าลงไปเล็กน้อย แทนที่จะมีลักษณะแบนราบ ซึ่งช่วยป้องกันริ้วรอยขณะใช้งานได้อย่างดี
Samsung Galaxy Ring สามารถสวมใส่ได้ทุกนิ้ว แต่ถ้าจะให้ผลลัพธ์ในการติดตามสุขภาพที่ดีที่สุด แนะนำให้สวมไว้ที่นิ้วชี้ หรือ นิ้วกลาง หรือ นิ้วนาง และทาง Samsung ก็มี Sizing Kit ช่วยให้หาขนาดแหวนที่พอดีกับนิ้วของผู้ใช้งานมากที่สุด
นอกจากนี้ แหวน Galaxy Ring ยังถูกสร้างมาให้สามารถสวมใส่ได้สบายตลอดทั้งวัน และไม่จำเป็นต้องถอดออกขณะอาบน้ำ ว่ายน้ำ หรือ ล้างมือ เนื่องจากได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP68 / 10 ATM จึงทนต่อความดันน้ำสูงสุด 100 เมตร
จับคู่กับสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
ก่อนจะเริ่มใช้งาน Galaxy Ring ก็ต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก่อน โดย Galaxy Ring รองรับการจับคู่กับสมาร์ทโฟน Galaxy ของ Samsung ที่ทำงานบนพื้นฐาน Android 11 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า มีความจำ RAM อย่างน้อย 1.5GB และควบคุมการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Samsung Health เวอร์ชัน 6.27 ขึ้นไป
วิธีการจับคู่ Galaxy Ring กับสมาร์ทโฟน ก็ทำได้ง่ายๆ เหมือนกับ Galaxy Watch เพียงเปิดฝาเคสชาร์จใกล้ๆ กับสมาร์ทโฟน หน้าจอสมาร์ทโฟนก็จะแสดงหน้าต่างการเชื่อมต่อ Galaxy Ring ขึ้นมา ให้แตะปุ่ม Connect แต่ถ้าหน้าต่างการเชื่อมต่อไม่แสดงผลขึ้นมา ให้กดปุ่มในเคสชาร์จค้างไว้ 3 วินาที จนเห็นหน้าต่างการเชื่อมต่อ Galaxy Ring
หลังจากแตะปุ่ม Connect ให้เปิดแอปพลิเคชัน Wearable แล้วลงชื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Samsung หรือสร้างบัญชีใหม่ ถ้ายังไม่มีมาก่อน เพียงเท่านี้ก็สามารถสวมแหวนได้ และสามารถตั้งค่าการใช้งานได้จากแอป Wearable ส่วนการติดตามข้อมูลสุขภาพเข้าถึงได้จากแอป Health
ยกระดับคุณภาพการนอน
ถึงแม้สมาร์ทวอทช์ในปัจจุบัน จะมีฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับอยู่แล้ว แต่มีผู้ใช้งานหลายคนที่ไม่ชอบสวมนาฬิการะหว่างพักผ่อน อาจด้วยความรู้สึกรำคาญและเกะกะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนด้วย แต่ความรู้สึกนั้นจะไม่เกิดกับแหวน ที่มีขนาดเล็กกว่ามาก และสวมไว้ที่นิ้วมือ ให้ความคล่องตัวกว่านาฬิกาบนข้อมือ
Samsung Galaxy Ring สามารถติดตามสุขภาพการนอนหลับได้ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น ภาวะก่อนการนอนหลับ (Sleep latency) หรือ การเคลื่อนไหวระหว่างนอน (Nighttime Movement) รวมไปถึงวัดค่าออกซิเจนภายในเลือด (SpO2) และ อัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ขณะนอนหลับ เมื่อตื่นนอนสามารถเข้าไปตรวจสอบคะแนนคุณภาพการนอนได้ที่แอป Samsung Health
ที่สำคัญก็คือ Galaxy Ring มีฟีเจอร์ Snoring Detection สามารถตรวจจับการนอนกรน พร้อมบันทึกเสียงอัตโนมัติขณะหลับ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Galaxy ของ Samsung อีกทั้งยังมี Sleep Coaching ช่วยประเมินคุณภาพการนอนอย่างละเอียด ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจรูปแบบการนอนของตัวเองมากขึ้น พร้อมด้วยโปรแกรมพัฒนาการนอนให้ดียิ่งขึ้น
ติดตามสุขภาพได้ตลอดทั้งวัน
Galaxy Ring ถูกสร้างมาให้สวมใส่ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง จึงไม่ได้มีเพียงฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ แต่ยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพอื่นๆ ในชีวิตประจำวันด้วย ไม่ว่าจะเดินหรือวิ่ง Galaxy Ring ก็จะติดตามและนับก้าวให้อัตโนมัติ พร้อมบันทึกระยะเวลา และคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ ซึ่งเพียงพอสำหรับคนรักสุขภาพ แต่ไม่ได้มุ่งเน้นการออกกำลังกายตามโรงยิมอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ Galaxy Ring ยังมีฟีเจอร์ Stress Monitoring ติดตามความเครียด และฟีเจอร์สำหรับผู้หญิงอย่าง Cycle Tracking โดยประเมินช่วงเวลาวันนั้นของเดือนจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกาย
แหวนอัจฉริยะของ Samsung สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ และมีระบบแจ้งเตือนหากพบว่าผู้สวมใส่มีอัตราการเต้นหัวใจสูงหรือต่ำกว่าปกติจากที่ตั้งค่าไว้
Energy Score
เช่นเดียวกับ Galaxy Watch รุ่นใหม่ๆ แหวนอัจฉริยะ Galaxy Ring ก็มีฟีเจอร์ Energy Score มาให้เหมือนกัน โดยใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการนอนหลับ กิจกรรม และอัตราการเต้นของหัวใจ ที่แหวนติดตามได้ในแต่ละวัน จากนั้นจะประมวลผลออกมาเป็นคะแนนพลังงานของร่างกาย เพื่อให้ผู้ใช้งานประเมินความพร้อมของร่างกาย และรับคำแนะนำด้านสุขภาพสำหรับผู้สวมใส่แต่ละคน
ฟีเจอร์เสริม
นอกเหนือจากติดตามสุขภาพและการนอน Samsung Galaxy Ring ยังรองรับคำสั่งท่าทาง หรือ Gestures เพื่อปิดเสียงปลุก และใช้เป็นรีโมทสั่งถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอได้ง่ายๆ ด้วยการแตะนิ้ว 2 ครั้ง (จีบนิ้วมือ 2 ครั้งติดกันในข้างที่สวมแหวน) โดยสามารถเปิดใช้งาน Gestures ได้ที่แอป Wearable
สำหรับใครที่กังวลว่าจะทำแหวนหล่นหายหรือลืมว่าวางไว้ที่ไหน Galaxy Ring ก็มีฟีเจอร์ Find my Ring ในแอป Wearable ช่วยให้สามารถค้นหาตำแหน่ง Galaxy Ring ได้อย่างแม่นยำ
แบตเตอรี่และการชาร์จ
Samsung Galaxy Ring มีแบตเตอรี่ในตัว แต่มีความจุแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดแหวน โดยแหวนขนาด 5, 6, 7 มีความจุแบตเตอรี่ 18mAh แหวนขนาด 8, 9, 10, 11 มีความจุแบตเตอรี่ 19.5mAh และแหวนขนาด 12, 13 มีความจุแบตเตอรี่ 23.5mAh สามารถให้พลังงานยาวนาน 7 วัน เมื่อใช้งานคู่กับเคสชาร์จ ซึ่งเคสชาร์จมีความจุแบตเตอรี่ 361mAh สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับเคสชาร์จได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที ได้ระดับแบตเตอรี่ 40%
นอกจากนี้ Galaxy Ring ยังรองรับการทำงานร่วมกับ Galaxy Watch เพื่อขยายอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Galaxy Ring ให้ยาวนานมากขึ้น 30% เนื่องจากบางฟีเจอร์จะอาศัย Galaxy Watch ในการติดตามแทน Galaxy Ring
สรุปราคาและการจำหน่าย
Samsung Galaxy Ring เป็นอุปกรณ์ติดตามสุขภาพรูปแบบใหม่ที่ Samsung ไม่ได้ตั้งใจให้มาแทนที่ Galaxy Watch แต่เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถทำงานร่วมกันได้ หรือจะใช้งานแยกจากกันก็ได้ แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน บางคนอาจจะชอบดีไซน์และการติดตามได้ทั้งสุขภาพและการออกกำลังกาย Galaxy Watch จะตอบโจทย์มากกว่า แต่ไม่ชอบให้มีอะไรมาเกะกะเวลานอน ก็สามารถซื้อ Galaxy Ring ไว้ติดตามการนอนหลับได้
สำหรับใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์ติดตามสุขภาพ โดยที่มีนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดอยู่แล้ว Galaxy Ring ก็ตอบโจทย์ได้อย่างดี เพราะสามารถสวมใส่คู่กับนาฬิกาเรือนเดิมได้ และยังสามารถติดตามกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ทั้งการนับก้าว วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ติดตามระดับความเครียด และที่สำคัญก็คือ ติดตามคุณภาพการนอนหลับได้อย่างครบวงจร โดยไม่รบกวนการนอนแบบสมาร์ทวอทช์ ในราคา 14,900 บาทสามารถไปสัมผัส Samsung Galaxy Ring ตัวจริงและทดลองใช้งานได้ที่งาน Thailand Mobile Expo 2024 ระหว่างวันที่ 24 – 27 ตุลาคมนี้ ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป