Apple พร้อมทำตลาดหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุด AirPods 4 อย่างทางการในไทยแล้ว หลังจากเปิดตัวพร้อม iPhone 16 Series ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ โดยการกลับมาของ AirPods ระดับเริ่มต้น มีความพิเศษกว่าครั้งก่อน เพราะมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ AirPods 4 และ AirPods 4 พร้อม ANC (Active Noise Cancellation) ซึ่งอย่างหลังมีความโดดเด่นกว่าที่มีฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ หรือ Active Noise Cancellation (ANC) ดังนั้น ทีมงาน @flashfly จะขอรีวิวโดยเน้นไปที่ AirPods 4 พร้อม ANC เป็นหลัก
สเปก AirPods 4 พร้อม ANC
- การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (Active Noise Cancellation)
- เสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม (Adaptive Audio)
- โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency mode)
- การรับรู้เมื่อมีการสนทนา (Conversation Awareness)
- การแยกเสียง (Voice Isolation)
- ระบบเสียงเชิงมิติพื้นที่ (Spatial Audio) พร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก
- EQ แบบปรับได้เอง (Adaptive EQ)
- ไดรเวอร์ High-excursion แบบเฉพาะของ Apple
- ตัวขยายสัญญาณช่วงไดนามิกสูงแบบเฉพาะ
- ระบบช่องระบายอากาศเพื่อการรักษาแรงดันให้เท่ากัน
- ไมโครโฟนคู่แบบบีมฟอร์มมิ่ง
- ไมโครโฟนที่หันเข้าด้านใน
- เซ็นเซอร์แบบอินเอียร์ออปติคัล, ตรวจจับการเคลื่อนไหว, ตรวจจับการเคลื่อนไหวจากการพูด
- เซ็นเซอร์แรงกด สำหรับการควบคุมหูฟังด้วยการบีบที่ก้าน
- ชิปหูฟัง H2
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3
- ป้องกันเหงื่อและน้ำที่ระดับ IP54 ตามมาตรฐาน IEC 60529
- AirPods 4 พร้อมเคสชาร์จ ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 30 ชั่วโมง
แกะกล่อง AirPods 4
AirPods 4 และ AirPods 4 พร้อม ANC จัดส่งมาในกล่องสีขาว ที่มีขนาดเท่ากัน แต่มีความแตกต่างกันที่รูปภาพบนหน้ากล่อง โดย AirPods 4 รุ่นปกติ จะมีรูปภาพหูฟังวางเสมอกัน แต่รูปภาพหูฟังบนกล่อง AirPods 4 พร้อม ANC จะวางเหลื่อมกัน (หูฟังฝั่งขวาจะอยู่สูงขึ้นไป)
หลังกล่องจะระบุชื่อ AirPods 4 with Active Noise Cancellation ไว้อย่างชัดเจน รวมถึงขอบกล่องจะมีข้อความ Active Noise Cancellation กำกับไว้ใต้ชื่อ AirPods ภายในกล่องของทั้งคู่มีเอกสารคู่มือ เคสชาร์จ และหูฟังทั้ง 2 ข้าง (เก็บอยู่ในเคสชาร์จ) ไม่มีสายชาร์จ USB-C หรืออะแดปเตอร์แปลงไฟมาให้ (ถ้าไม่มีของเดิม ต้องซื้อแยกต่างหาก)
เคสชาร์จเล็กลงกว่าเดิม
AirPods 4 ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ตั้งแต่เคสชาร์จ โดยทำให้มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อน 10% จึงเพิ่มความสะดวกสบายในการพกพาได้ดีกว่า AirPods 3 โดยเฉพาะการเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า หรือ กระเป๋ากางเกง ก็จะให้ความรู้สึกที่คล่องตัวกว่า แต่น่าเสียดายที่ยังทำออกมาเฉพาะสีขาวเหมือนเดิม
นอกจากขนาดที่เล็กลง เคสชาร์จของ AirPods 4 ยังได้รับการออกแบบใหม่ ถึงแม้ภาพรวมยังดูคล้ายรุ่นก่อน แต่มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วยการซ่อนไฟ LED ด้านหน้าไว้ในเคสอย่างแนบสนิท เมื่อไม่มีการใช้งาน จะมองไม่เห็นจุดที่เป็นตำแหน่งไฟ LED ด้านหน้าอีกต่อไป จนกว่าจะเปิดฝา หรือ เริ่มใช้งาน จึงจะมองเห็นไฟแสดงสถานะส่องสว่างขึ้นมา
ด้านหลังเคสชาร์จ ก็ไม่มีปุ่มวงกลมให้เห็นแล้ว ซึ่งปกติจะมีไว้จับคู่กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ Apple อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานที่ต้องการจับคู่ AirPods 4 กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ Apple อย่างเช่น สมาร์ทโฟน Android ก็สามารถจับคู่กันได้โดยเปิดฝาเคสชาร์จ (ยังเก็บหูฟังไว้ข้างใน) แล้วแตะสองครั้งที่ด้านหน้าของเคสชาร์จ จนไฟแสดงสถานะกะพริบเป็นสีขาว จากนั้นไปที่สมาร์ทโฟน Android เข้าไปในการตั้งค่า Bluetooth แล้วค้นหาชื่อ AirPods เพื่อทำการจับคู่ตามปกติ
ด้านหลังเคสชาร์จของ AirPods 4 พร้อม ANC ยังสนับสนุนการชาร์จไร้สาย โดยใช้ที่ชาร์จสำหรับ Apple Watch หรือที่ชาร์จที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi (AirPods 4 รุ่นพื้นฐานไม่รองรับการชาร์จไร้สาย)
เคสชาร์จของ AirPods 4 ยังได้ชื่อว่าเป็นเคสชาร์จที่เล็กที่สุดในอุตสาหกรรมที่สามารถชาร์จแบบไร้สายได้ โดยเคสชาร์จมีความกว้างเพียง 50 มิลลิเมตร
ด้านล่างของเคสชาร์จมีช่องต่อ USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ผ่านสาย USB-C แต่ถ้าเป็น AirPods 4 พร้อม ANC จะมีรูลำโพงเพิ่มเข้ามา เพื่อรองรับแอป Find My เพิ่มความสะดวกในการค้นหาหูฟังเมื่อเผลอทำตกหล่นหรือลืมว่าวางไว้ที่ไหน
หูฟังสวมใส่สบายมากขึ้น
นอกจากปรับปรุงเคสชาร์จใหม่ให้เล็กลง และดูมินิมอลมากขึ้น หูฟัง AirPods 4 ก็มีการปรับปรุงเช่นกัน ถึงแม้ภาพรวมยังดูคล้ายเดิมด้วยดีไซน์แบบ open-ear แต่ส่วนของหูฟังมีการปรับรูปทรงให้สวมใส่ได้กระชับพอดีมากขึ้น และยังมอบความสบายเหมือนเดิม
เบื้องหลังในการปรับปรุงหูฟัง AirPods 4 ให้มีความกระชับแต่ยังคงสวมใส่ได้สบายที่สุด เป็นผลจากวิเคราะห์รูปทรงหูหลายพันแบบ รวมถึงจุดข้อมูลเฉพาะบุคคลรวมกว่า 50 ล้านจุดอย่างแม่นยำ ด้วยเครื่องมือการสร้างแบบจำลองขั้นสูง จนออกมาเป็น AirPods ที่ใส่สบายที่สุดเท่าที่เคยมี
ภายในหูฟังก็ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยชิป H2 แบบเดียวกับที่พบใน AirPods Pro 2 ทำให้รองรับเสียงคุณภาพระดับ 16-bit ที่มีความละเอียด 48kHz
ก้านหูฟังยังรองรับการควบคุมด้วยการบีบเหมือนรุ่นก่อน
- บีบหนึ่งครั้ง เพื่อเล่นหรือหยุดพักเพลงหรือวิดีโอ
- บีบหนึ่งครั้ง เพื่อรับสายโทรศัพท์ ปิดเสียงหรือเปิดเสียง
- บีบสองครั้ง เพื่อวางสาย
- บีบสองครั้ง เพื่อข้ามไปข้างหน้า
- บีบสามครั้ง เพื่อข้ามไปข้างหลัง
สำหรับ AirPods 4 พร้อม ANC สามารถเข้าไปตั้งค่าการควบคุมการบีบ ให้เปิดสลับระหว่างโหมด ANC และ Transparency ได้ด้วย
ส่วนการเรียกใช้งาน Siri สามารถใช้คำสั่งเสียง “หวัดดี Siri” หรือจะบีบค้างไว้ เพื่อเรียกใช้งาน Siri ก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถโต้ตอบกับ Siri ด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหน้า ตัวอย่างเช่น เมื่อ Siri ถามว่าต้องการรับสายเรียกเข้าหรือไม่ สามารถพยักหน้าหากต้องการรับ หรือ ส่ายหน้าเบาๆ เพื่อปฏิเสธ ด้วยฟีเจอร์ใหม่ Head Gestures ที่ Apple เพิ่มเข้ามาใน AirPods Pro ก็มีให้ใช้งานใน AirPods 4 ทั้ง 2 รุ่นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตอย่างมาก ที่บางครั้งมือไม่ว่างกดรับสายในขณะนั้น
เมื่อพูดถึงเซ็นเซอร์แรงกดที่ตัวก้าน AirPods 4 ยังมีเซ็นเซอร์ใหม่ที่นำมาใช้แทนของเดิม นั่นคือ เซ็นเซอร์ที่ช่วยให้หูฟัง รับรู้ว่าผู้ใช้งาน สวมหรือถอด AirPods 4 ออกจากหู โดยรุ่นก่อนอาศัยเซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนัง ที่อาจทำงานได้ไม่มีในบางครั้ง เมื่อถอดหูฟังออก แต่เพลงยังคงเล่นต่อ ดังนั้น Apple จะทดแทนเซ็นเซอร์ดังกล่าว ด้วยเซ็นเซอร์แบบอินเอียร์ออปติคัล ที่ให้ความแม่นยำในการตรวจจับมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาเพลงหรือสื่อไม่หยุดเล่นแม้หยิบหูฟังออกจากหูแล้ว
นอกจากนี้ หูฟังและเคสชาร์จ AirPods 4 ยังสามารถทนฝุ่น เหงื่อ และน้ำ ในระดับ IP54 เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนที่ป้องกันเฉพาะของเหลวไม่ทนฝุ่น
ตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (Active Noise Cancellation)
แน่นอนว่า AirPods 4 พร้อม ANC ต้องมีฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ หรือ ANC (Active Noise Cancellation) ตามชื่อรุ่น ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างจาก AirPods 4 รุ่นปกติ โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างชิป H2 และ ไมโครโฟนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยลดเสียงรบกวนความถี่ต่ำที่อยู่รอบข้าง เช่น เสียงเครื่องยนต์, เสียงการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า, เสียงการจราจร ซึ่งสามารถลดเสียงรบกวนเหล่านี้ได้ดีพอสมควร
แต่ไม่ถึงกับตัดเสียงออกได้มากเท่า AirPods Pro 2 เนื่องจากใช้ดีไซน์แบบ open-ear ขณะที่ AirPods Pro 2 มีจุกหูฟังที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนได้อีกชั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยดีไซน์แบบ open-ear ก็ทำให้การสวมใส่ AirPods 4 มีความสบาย สวมใส่ได้ยาวนานตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกอึดอัด
โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency mode)
โหมดฟังเสียงภายนอก ทำงานตรงกันข้ามกับการตัดเสียงรบกวน ช่วยให้ผู้ใช้งาน AirPods 4 ได้ยินเสียงรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกจากหู เหมาะสำหรับการเปิดใช้งาน ขณะฟังเพลงอยู่ริมถนน ช่วยให้ได้ยินเสียงจากยานพาหนะ เพื่อความปลอดภัยระหว่างเดินทาง หรือ เปิดใช้โหมดฟังเสียงภายนอก ระหว่างนั่งรอรถไฟ หรือ รอคิวในธนาคาร ช่วยให้ไม่พลาดเสียงประกาศจากสถานที่ต่างๆ
เสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม (Adaptive Audio)
ฟีเจอร์ Adaptive Audio เป็นการนำจุดเด่นของโหมด Transparency และ ANC มาทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ช่วยปรับแต่งการควบคุมเสียงรบกวนให้เป็นไปอย่างราบรื่นในระหว่างที่ผู้ใช้เคลื่อนไหวไปมาตลอดทั้งวันท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุยของคนในที่ทำงาน เครื่องดูดฝุ่น หรือ เสียงในร้านอาหาร
การรับรู้เมื่อมีการสนทนา (Conversation Awareness)
หูฟัง AirPods 4 สามารถรับรู้ได้ว่าผู้ใช้งานกำลังพูดคุยกับคนรอบข้าง หมายความว่า ขณะที่ฟังเพลงไปด้วยแล้วเดินไปด้วย แต่ถ้าต้องแวะซื้อกาแฟก็สามารถสั่งกาแฟได้ทันที โดยไม่ต้องหยุดเล่นเพลง หรือ ถอดหูฟังออก เนื่องจากฟีเจอร์ Conversation Awareness จะช่วยลดระดับเสียงของหูฟังโดยอัตโนมัติ และจะเพิ่มเสียงเพลงหลังจากพูดคุยเสร็จแล้ว
การแยกเสียง (Voice Isolation)
ฟีเจอร์ Voice Isolation ช่วยให้การสนทนาทางโทรศัพท์ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อจับคู่ AirPods 4 กับ iPhone โดยอาศัย Machine Learning ที่มีอยู่ในชิป H2 ช่วยแยกเสียงและปรับปรุงคุณภาพเสียงให้กับผู้ฟัง พร้อมลดเสียงรบกวนรอบข้าง รวมถึงลดเสียงลมที่อยู่รอบตัว
ใช้งานนานสูงสุด 30 ชั่วโมง
AirPods 4 พร้อม ANC ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อปิด ANC และใช้งานร่วมกับเคส แต่ถ้าเปิด ANC จะฟังได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง ขณะที่หูฟังเพียงอย่างเดียว สามารถฟังได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง เมื่อปิด ANC หรือสูงสุด 4 ชั่วโมง เมื่อเปิด ANC และรองรับการสนทนาได้นานสูงสุด 4.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
เมื่อชาร์จหูฟังในเคสเพียง 5 นาที ก็ให้พลังงานเพียงพอสำหรับฟังเพลงได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ สนทนาได้นานประมาณ 45 นาที นอกจากนี้ เคสชาร์จของ AirPods 4 พร้อม ANC ยังรองรับการชาร์จไร้สายด้วยที่ชาร์จสำหรับ Apple Watch หรือที่ชาร์จที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi
สรุปราคาและการจำหน่าย
AirPods 4 เป็นหูฟังไร้สายแบบ TWS ของ Apple ที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac เพราะสามารถสลับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างราบรื่น โดยให้คุณภาพเสียงที่น่าพอใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือฟีเจอร์ล้ำสมัยต่างๆ ที่หาได้ยากในหูฟังระดับเดียวกัน ขณะที่ AirPods 4 พร้อม ANC ก็มีความพิเศษกว่า 2 – 3 อย่าง เช่น ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน รองรับการค้นหาตำแหน่งผ่านแอป Find My และสนับสนุนการชาร์จไร้สาย ถ้าหากไม่ต้องการใช้ 3 ฟีเจอร์ดังกล่าว AirPods 4 ก็เพียงพอแล้ว แต่เนื่องจากมีราคาห่างกัน 1,500 บาท เชื่อว่าการเพิ่มเงินจำนวนนี้ เพื่อซื้อ AirPods 4 พร้อม ANC ก็น่าจะคุ้มค่าสำหรับใครหลายคน
ทั้งนี้ AirPods 4 พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ในราคา 4,990 บาท ขณะที่ AirPods 4 พร้อม ANC มีราคา 6,490 บาท ซึ่งถือว่าถูกลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับ AirPods 3 ที่เคยเปิดตัวเมื่อ 3 ปีก่อนที่มีเพียงระบบเสียง Spatial Audio และไม่มีตัดเสียงรบกวน ANC ด้วยราคา 6,790 บาท https://www.apple.com/th/shop/buy-airpods/airpods-4