OPPO พร้อมแล้วสำหรับการทำตลาดสมาร์ตโฟน OPPO Reno12 Series 5G ในประเทศไทย หลังจากเปิดตัวในระดับโลกไปก่อนหน้า โดยชูจุดเด่นที่เทคโนโลยี Generative AI จาก OPPO AI ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในสมาร์ตโฟนไม่กี่รุ่น และจำกัดเฉพาะระดับเรือธง แต่ OPPO นำมาใช้กับสมาร์ตโฟนระดับระดับกลาง ที่มีราคาเพียงหมื่นต้นๆ เท่านั้น
นอกจากฟีเจอร์ Gen AI ที่ช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น OPPO Reno12 5G ยังมีดีไซน์พรีเมียมด้วยจอแสดงผลแบบไร้ขอบหน้าจอโค้ง 3D ป้องกันหน้าจอด้วยกระจกรุ่นใหม่ล่าสุด Corning Gorilla Glass 7i ใช้ชิปประมวลผล 4 นาโนเมตร ที่ได้รับการปรับแต่งในเชิงลึกสำหรับ OPPO Reno12 5G โดยเฉพาะ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับเทคโนโลชีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC และปิดท้ายรีวิวด้วย OPPO Enco Air4 Pro หูฟังไร้สายที่ตัดเสียงรบกวนได้ดีที่สุดในช่วงราคาเดียวกัน
สเปก OPPO Reno12 5G
- จอแสดงผล 3D Curved Screen ขนาด 6.7 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
- กล้องหลัง 50MP Main (Sony LYT600) + Ultra Wide + Macro Camera
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB / RAM 12GB + ROM 512GB
- สนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 1TB
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค (Face Unlock)
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC, IR Blaster, USB-C
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 14.1 บนพื้นฐาน Android 14
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP65
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
- ขนาดตัวเครื่อง 161.4 x 74.1 x 7.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 177 กรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน Astro Silver, สีชมพู Sunset Pink และ สีน้ำตาล Matte Brown
แกะกล่อง OPPO Reno12 5G
OPPO Reno12 5G จัดส่งมาในกล่องสีขาว หน้ากล่องระบุชื่อรุ่นสมาร์ตโฟนไว้ใต้โลโก้ OPPO AI และมีตัวเลข 12 ขนาดใหญ่ อยู่ในกรอบสีเงินที่มีเอฟเฟกต์สะท้อนแสงสีรุ้งอย่างสวยงาม เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะเห็นว่าสมาร์ตโฟนถูกห่อมาให้อย่างเรียบร้อย ถัดลงมาจะพบกับเคสและเอกสารต่างๆ รวมถึงเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด และชั้นล่างสุดของกล่องเป็นช่องเก็บสายชาร์จ และ หัวชาร์จ 80W SUPERVOOC Power Adapter
ดีไซน์เพรียวบาง ทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา
OPPO Reno12 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหราพรีเมียม ด้วยวัสดุคุณภาพสูงจากกรอบโลหะผสม ผสานวิศวกรรมโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ทำให้มีความทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Reno Series โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีใหม่นำเทรนด์อย่างสีชมพู Sunset Pink และ สีน้ำตาล Matte Brown ขณะที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับสีเงิน Astro Silver มารีวิว
OPPO Reno12 5G สีเงิน Astro Silver ได้รับแรงบันดาลใจจากยานอวกาศ มาพร้อมฝาหลังกระจกดีไซน์ล้ำ Futuristic Fluid ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างจินตนาการไซไฟกับแฟชันล้ำสมัย เรียกได้ว่าเป็นโทนสีแห่งอนาคตที่มีสัมผัสริ้วคลื่น เอกสิทธิ์ของ OPPO โดยใช้เอฟเฟกต์พารัลแลกซ์ เพื่อสร้างระลอกคลื่นที่มองเห็นได้บนพื้นผิวที่เรียบเนียนราวกับกระจก
นอกจากสีเงิน OPPO Reno12 5G ยังมีอีก 2 ตัวเลือก ได้แก่ สีชมพู Sunset Pink ใช้กระบวนการกราฟิกคริสตัลเหลวของ OPPO เพื่อสร้างเฉดสีใหม่แห่งปี 2024 อย่าง Peach Fuzz และ สีน้ำตาล Matte Brown ให้ความรู้สึกคลาสสิก และป้องกันรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี
มุมมองด้านหน้าสะท้อนถึงความพรีเมียมอย่างชัดเจน โดยใช้จอแสดงผลแบบขอบโค้ง 3D ทำให้มีพื้นที่ขอบจอบางเพียง 1.56 มิลลิเมตร แทบจะไร้ขอบ ให้ประสบการณ์การรับชมที่เต็มอิ่ม อีกทั้งยังซ่อนกล้องหน้าไว้ในหลุมบนหน้าจอ และฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล
จอแสดงผลของ OPPO Reno12 5G ยังได้รับการปกป้องด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Reno Series มีความทนทานเป็นพิเศษระดับเรือธง ทนต่อการกระแทก การตก การโค้งงอ และ รอยขีดข่วน
OPPO Reno12 5G มีดีไซน์บางเพียง 7.6 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียงไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
มุมมองด้านบนจะพบกับไมโครโฟนตัวที่ 2 ถัดมาเป็นตำแหน่งของอินฟราเรด และ ลำโพงสเตอริโอ (ขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านล่าง)
ด้านล่างประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด ไมโครโฟนตัวหลัก พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพงสเตอริโอ ซึ่งสามารถเพิ่มความดังได้อีกผ่านโหมด Ultra Volume เพียงเพิ่มระดับเสียงจนสุด 100% และกดเพิ่มระดับเสียงอีกครั้ง ก็จะเข้าสู่โหมด Ultra Volume ที่สามารถเพิ่มระดับเสียงได้ถึง 300% หมดกังวลเมื่อใช้งานในบริเวณที่มีเสียงดัง
ถึงแม้จะมีรูปลักษณ์เพรียวบาง แต่ OPPO Reno12 5G ก็ใช้กรอบโลหะผสมที่มีความทนทานสูง โดยรวมสารประกอบโลหะผสมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO ช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน ทนต่ออุณหภูมิ การนำความร้อน และอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะเดียวกันก็ให้ความแข็งแกร่งในระดับเกรดการบินและอวกาศ
ที่น่าสนใจก็คือ OPPO ได้มีการออกแบบวัสดุกันกระแทกภายในใหม่ ทำให้ส่วนประกอบหลักภายใน OPPO Reno12 5G ถูกล้อมรอบด้วยวัสดุกันกระแทกที่ใช้เทคโนโลยีการเลียนแบบทางชีวภาพ (ฟองน้ำไบโอนิคกันกระแทก) เพื่อให้แน่ใจว่ามีการดูดซับแรงกระแทกเพียงพอจากแรงกระแทกจากทุกมุม นอกจากนี้ OPPO Reno12 5G ยังมีความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP65 พร้อมเสริมความแข็งแรงส่วนประกอบที่สำคัญอย่าง ช่องเปิด ลำโพง พอร์ต USB-C และ ถาดซิมการ์ด เพื่อให้ต้านทานน้ำได้ดียิ่งขึ้น
จอแสดงผลจอโค้ง 6.7 นิ้วรีเฟรช 120Hz
OPPO Reno12 5G มาพร้อมจอแสดงผลระดับพรีเมียม ดีไซน์ขอบจอโค้ง 3D ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.2% ซึ่งหมายถึงมีพื้นที่ขอบจอที่บางเฉียบ เรียกได้ว่าเกือบจะไร้ขอบ โดยมีความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 394 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) อัตราส่วนภาพ 20:9 รองรับอัตรารีเฟรชแบบไดนามิก 60Hz / 90Hz / 120Hz ให้ความสว่างสูงสุด 1200 นิต เมื่อใช้งานกลางแจ้ง และรองรับ HDR10 / HDR10+ เพิ่มความคมชัดในการรับชมคอนเท้นต์ HDR
จอแสดงผลของ OPPO Reno12 5G ยังมีฟีเจอร์ใหม่ Splash Touch ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานแตะและปัดหน้าจอได้ตามปกติ ถึงแม้บนหน้าจอจะมีหยดน้ำหรือนิ้วมือเปียกอยู่ก็ตาม และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i ต้านทานรอยขีดข่วนได้อย่างดี และป้องกันการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ ด้วยโซลูชันเพิ่มประสิทธิภาพการสัมผัสแบบหลายมิติเต็มรูปแบบ เพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการสัมผัส ลดโอกาสที่จะเกิดการสัมผัสผิดพลาดด้วยมือเดียว ซึ่งเกิดขึ้นได้บ่อยในสมาร์ตโฟนที่มีขอบจอโค้ง
ด้านสุขภาพของดวงตา OPPO Reno12 5G มีโหมด Bedtime สามารถปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอตลอดทั้งวันอย่างชาญฉลาด เพื่อลดผลกระทบต่อระดับเมลาโทนินตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ใช้งานพักผ่อนยามค่ำคืนได้อย่างเต็มอิ่ม มีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น และช่วยถนอมดวงตา ด้วยการใช้ฮาร์ดแวร์ลดแสงสีฟ้าให้อยู่ในระดับต่ำ พร้อมเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 2160Hz จึงสามารถลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานเป็นเวลานานได้
ฟีเจอร์ GenAI จาก OPPO
นอกเหนือจากคุณภาพกล้อง OPPO Reno12 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำจาก AI ที่ช่วยให้การตกแต่งแก้ไขภาพถ่ายเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องเสียเวลาถ่ายโอนรูปภาพไปแก้ไขใน PC และไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยมีเครื่องมือ AI ที่น่าสนใจอย่าง ยางลบ AI 2.0, AI Best Face, AI Clear Face และ AI Studio
ยางลบ AI 2.0 ได้รับการปรับปรุงให้สามารถรีทัชภาพถ่ายได้แนบเนียนยิ่งขึ้น โดยใช้ประโยชน์จาก AI ช่วยลบวัตถุที่ไม่ต้องการจากภาพถ่ายได้ทั้งหมดในครั้งเดียว พร้อมเติมพื้นหลังที่ขาดหายไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีเลือก Remove People เพื่อเลือกลบคนออกจากภาพถ่ายโดยเฉพาะ
AI Best Face ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปรับแต่งใบหน้าในภาพถ่ายให้ออกมาดูดีที่สุด เช่น ถ้ามีบางคนในภาพเผลอหลับตาหรือกะพริบตา AI สามารถแก้ไขให้ลืมตาได้ อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และจะสามารถทำงานได้เต็มรูปแบบหลังจากอัปเดตซอฟต์แวร์ในอนาคต (คาดว่าจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ในเดือนสิงหาคม 2567)
AI Clear Face ไม่ว่าจะถ่ายเซลฟี่แบบเดี่ยวหรือกลุ่ม สามารถใช้ AI ช่วยปรับผิวหน้าให้สวยเนียนเป็นธรรมชาติ รวมถึงโครงหน้า ผม และคิ้ว ได้มากถึง 10 คน โดยประมวลผลภายในอุปกรณ์จึงทำงานได้อย่างรวดเร็วเพียง 1.8 วินาที
AI Studio ใช้เทคโนโลยี Generative AI ช่วยเปลี่ยนภาพถ่ายให้แปลกตาและน่าสนใจยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับใช้เป็นรูปโปรไฟล์หรือแชร์ลงโซเชียลมีเดีย โดยมีเทมเพลตให้เลือกหลายแบบ จึงสามารถเปลี่ยนภาพถ่ายได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะสร้างบุคลิกดิจิทัลที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง หรือเปลี่ยนฉากหลังก็ทำได้อย่างง่ายดาย และกรณีที่ต้องการแก้ไขภาพถ่ายที่เป็นภาพหมู่ ก็สามารถแชร์ลิงก์ HTML5 เพื่อเชิญเพื่อนๆ ให้เข้าร่วมในภาพถ่าย AI แบบกลุ่มได้ด้วย
AI Toolbox
นอกจาก OPPO Reno12 5G จะมี AI ในการช่วยตกแต่งภาพถ่ายให้สวยงามแบบขั้นสุดแล้ว ยังมี AI Toolbox เครื่องมือ AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google Gemini มาให้ใช้งานอีกด้วยนั่น ซึ่งจะอยู่ในแถบด้านข้างหน้าจอ พร้อมให้ใช้งานทันทีอย่าง AI Writer ที่เป็นผู้ช่วยในการคิดแคปชั่นหรือเขียนความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียแบบสุดปังให้เรา ถ้าใครคิดแคปชั่นเด็ดๆไม่ออกให้บอก AI Writer ได้เลย
และเมื่อเราเปิดใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ก็จะมีฟีเจอร์ AI Speak และ AI Summary ปรากฎขึ้นมาที่แถบด้านข้างสามารถให้ AI อ่านเนื้อหาบนหน้าเว็บให้เราฟังได้ รวมถึงสรุปเนื้อหาข่าวสาร บทความต่างๆที่มีเนื้อหายาวหลายหน้าได้อย่างรวดเร็ว
AI Recording Summary
อีกฟีเจอร์ที่คนทำงานหรือนักเรียนนักศึกษาต้องชอบนั่นก็คือการใช้ OPPO Reno12 5G ในการอัดเสียงไม่ว่าจะเป็นในห้องประชุมหรือห้องเรียน แล้วให้ AI Record Summary ช่วยทำการสรุปเนื้อจากไฟล์เสียงที่อัดให้เป็นข้อความทันที โดยเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ก็จะมีการเชื่อมต่อกับแอป Notes ในการสรุปข้อมูล เช่น รายการสิ่งที่ต้องทำ เวลา และสถานที่ จะถูกไฮไลท์และจัดรูปแบบเพื่อให้อ่านง่าย โดยตอนนี้รองรับเฉพาะภาษาจีน อังกฤษ และฮินดี โดยมีความยาวสูงสุด 45,000 อักขระ และในอนาคตอาจรองรับภาษาไทยด้วย
กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดสูงสุด 50MP
OPPO Reno12 5G ได้รับกล้องหลัง 3 ตัว AI Camera System ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล, กล้อง Ultra Wide และ กล้อง Macro รองรับการถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์ อีกทั้งยังได้รับการปรับปรุงความสามารถของ AI ให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น ช่วยให้ถ่ายภาพพอร์ตเทรตเหมือนเป็นมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย
- กล้องหลัก 50MP เซนเซอร์ Sony LYT600 ขนาด 1/1.95” เลนส์ 26 มม. f/1.8 ระบบออโต้โฟกัส All Pixel Omni-Directional PDAF ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultra Wide 8MP เซนเซอร์ Sony IMX355 เลนส์ 16 มม. f/2.2 ให้มุมมองกว้าง 112 องศา
- กล้อง Macro 2MP เซนเซอร์ OMNIVISION OV02B10 รองรับการถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะโฟกัสเพียง 4 เซนติเมตร
แอปกล้องของ OPPO Reno12 5G รองรับโหมดถ่ายภาพ Pro, Video, Photo, Portrait, Night, Hi-res, Panorama, Macro, Slo-mo, Time-lapse, Dual-view Video, Sticker และ Document Scanner
โหมด Portrait ซูมได้ 2 ระยะ 1x และ 2x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายพื้นหลัง มี Filters ที่ออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพพอร์ตเทรตโดยเฉพาะ อย่างเช่น AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait รวมถึงฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide จากนั้นสามารถซูมได้สูงสุด 10x โดยมีฟีเจอร์ Filters เพิ่มโทนสีหรือเปลี่ยนอารมณ์ภาพตามฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกหลายแบบ และ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า โหมด Pro ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่มีทักษะด้านการถ่ายภาพเป็นพิเศษ สามารถปรับดารตั้งค่ากล้องได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์ ค่าชดเชยแสง, ระยะโฟกัส, สมดุลสีขาว
โหมด Video รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 1x จนสูงสุด 10x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายพื้นหลังได้เหมือนโหมด Portrait มี Filters ให้ใช้งานเช่นกัน รวมถึง AI Color Portrait ส่วนความละเอียดวิดีโอรองรับการบันทึกสูงสุด 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080P ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที
กล้องหน้า 32MP
กล้องหน้าของ OPPO Reno12 5G ถูกซ่อนไว้ในหลุมบนจอแสดงผล รองรับทั้งการถ่ายภาพเซลฟี่ และ สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค โดยมีความละเอียด 32MP ใช้เซนเซอร์ Galaxycore GC32E1 ขนาด 1/3.1” เลนส์ 21 มม. f/2.0 รองรับระบบออโต้โฟกัส CDAF + PDAF
โหมด Photo ของกล้องหน้า ซูมได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x โดยเฉพาะระยะ 0.8x ให้ภาพถ่ายเซลฟี่ในมุมมองกว้างพิเศษ เหมาะสำหรับถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม หรือ ถ่ายเซลฟี่พร้อมเก็บภาพสวยๆ ที่เป็นฉากหลัง และมีฟีเจอร์ Retouch ที่สามารถปรับความงามบนใบหน้าได้อย่างละเอียดเช่นเดียวกัน
โหมด Portrait ของกล้องหน้าสามารถซูมได้ 2 ระยะ 0.8x หรือ 2x มี Filters สำหรับถ่ายภาพพอร์ตเทรตโดยเฉพาะ อย่าง AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait ขณะที่ฟีเจอร์ Retouch ก็สามารถปรับความงามบนใบหน้าได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง ตั้งแต่ผิว โครงแก้ม ขนาดดวงตา รูปทรงศีรษะ
โหมด Video ของกล้องหน้า ซูมได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายพื้นหลังได้เหมือนโหมด Portrait ของกล้องหลัง มี Filters อย่าง AI Color Portrait และมีฟีเจอร์ Retouch ที่ปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียด และสามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที
ใช้งานลื่นไหลด้วย AI Communication
ถึงแม้สมาร์ตโฟนในปัจจุบัน จะมีความสามารถรอบด้าน แต่หน้าที่หลักก็คือช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร และ OPPO ก็ไม่เคยละเลยในจุดนี้ ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น AI LinkBoost ใน OPPO Reno12 5G ถือเป็นเจเนอเรชั่นใหม่แล้ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในพื้นที่ที่มีความหนาแน่น รวมถึงพื้นที่ที่สัญญาณอ่อนแอ ทำให้สัญญาณไร้สายมีคุณภาพและเสถียร ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางคอนเสิร์ต ในลิฟต์ รถไฟใต้ดิน ก็ยังสามารถใช้งานโทรศัพท์และรับ-ส่งข้อมูลได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด
OPPO Reno12 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ BeaconLink ซึ่งเป็นโปรโตคอลการสื่อสารที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่พลาดการติดต่อ เนื่องจาก BeaconLink มีความสามารถในการอัปลิงค์ Bluetooth ได้ถึง 300% ทำให้สามารถโทรด้วยเสียงระหว่างอุปกรณ์ผ่าน Bluetooth ในระยะทางสูงสุด 200 เมตร ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมี AI Clear Voice ทำให้การสนทนาผ่านโทรศัพท์โดยใช้ลำโพงหูฟังในตัวมีความดังและชัดเจน โดย AI จะทำหน้าที่กรองเสียงรบกวนรอบข้างและตัดออกไป เพื่อให้เสียงสนทนามีคุณภาพที่ดีขึ้น
Dimensity 7300-Energy For Reno ชิป 4nm ขั้นสูง
OPPO Reno12 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno ที่ได้รับการปรับแต่งในเชิงลึกสำหรับ OPPO Reno12 5G โดยเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับ Trinity Engine ของ OPPO ใน ColorOS 14 จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นอยู่ตลอดเวลา
ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno ถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการ 4nm ขั้นสูง ให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม ประกอบด้วย CPU แบบ 8 คอร์ ที่มีคอร์ด้านประสิทธิภาพสูง Arm Cortex-A78 (4 คอร์) + คอร์ด้านประหยัดพลังงาน Arm Cortex-A55 (4 คอร์) และ GPU ใช้ Arm Mali-G615
ด้านความจำ OPPO Reno12 5G มี 2 ตัวเลือก ได้แก่ พื้นที่เก็บข้อมูลในตัว 256GB และ 512GB ทั้ง 2 ตัวเลือก จะได้รับความจำ RAM 12GB เท่ากันสามารถขยายได้อีก 12GB ด้วย RAM expansion จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอป Antutu ทำคะแนนได้ 622833 คะแนน
ชาร์จไว 80W SUPERVOOC
OPPO Reno12 5G ได้รับความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ที่ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างแอโนดและแคโทดในแบตเตอรี่ให้มีความหนาแน่นของพลังงานมากขึ้น โดยไม่ทำให้สมาร์ตโฟนหนาขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานยิ่งขึ้น สแตนด์บายนานสูงสุดถึง 25 วัน จึงมั่นใจได้ว่า OPPO Reno12 5G จะรองรับการใช้งานยาวนานข้ามวันอย่างแน่นอน อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่และสุขภาพแบตเตอรี่ให้เหมาะสมที่สุด แม้ผ่านการใช้งานไปนานกว่า 4 ปี
ที่สำคัญ OPPO Reno12 5G ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จไว 80W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับพลังงาน 1% ถึง 48% ภายในเวลาเพียง 18 นาที หรือชาร์จจาก 1% ถึง 100% ในเวลาเพียง 47 นาที ดังนั้น ไม่ว่าจะมีเรื่องเร่งด่วนให้ทำขนาดไหน OPPO Reno12 5G ก็พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา เพียงใช้เวลาชาร์จเพียงไม่กี่นาที
OPPO Enco Air4 Pro
ในโอกาสเดียวกันนี้ OPPO ยังได้เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ OPPO Enco Air4 Pro ที่มีจุดเด่นในด้านตัดเสียงรบกวน สามารถตัดเสียงรบกวนโดยปรับอัตโนมัติได้สูงสุด 49dB เรียกได้ว่าเป็นหูฟังไร้สายที่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน
OPPO Enco Air4 Pro ให้เสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res ด้วย LHDC 5.0 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.4 ที่มีความหน่วงต่ำและเสถียร และยังได้รับการติดตั้งไมโครโฟนความละเอียดสูง 3 ตัว ช่วยให้การโทรชัดเจน แม้สนทนาภายนอกอาคารที่มีลมแรง
หูฟังรุ่นใหม่ของ OPPO มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Moonlight White และ สีดำ Midnight Black น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ 47 กรัม เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบายตลอดทั้งวัน และมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานสูงสุดถึง 44 ชั่วโมง เมื่อหูฟังและเคสชาร์จมีแบตเตอรี่เต็ม 100%
สรุปราคาและการจำหน่าย
OPPO Reno12 5G พร้อมแล้วที่จะพาผู้ใช้งานไปสู่ยุคใหม่ของสมาร์ตโฟน ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Gen AI ช่วยยกระดับการใช้งานขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะการปรับแต่งภาพ ที่สามารถเนรมิตภาพถ่ายได้ตามต้องการ รวมไปถึงการแก้ไขภาพถ่ายให้ออกมาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพกล้องที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอย่างแท้จริง ทำให้ OPPO Reno12 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์คนรักการถ่ายภาพได้ครบวงจร ตั้งแต่การถ่ายภาพ ไปจนถึงการตกแต่งแก้ไข ทำงานจบในอุปกรณ์เดียว
OPPO Reno12 5G ยังเป็นสมาร์ตโฟนที่มีดีไซน์พรีเมียมระดับเรือธง ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงรองรับการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ชาร์จไว 80W จากระดับ 1% ถึง 100% ในเวลาเพียง 47 นาที และตอบสนองความบันเทิงด้วยจอแสดงผล 120Hz ขอบจอโค้ง 3D ลำโพงคู่สเตอริโอที่เพิ่มระดับเสียงได้ถึง 300% แต่ถ้าต้องการรับชมความบันเทิงแบบส่วนตัว แนะนำหูฟังไร้สาย OPPO Enco Air4 Pro ที่ให้ทั้งความคุ้มค่าและประสิทธิภาพเกินราคา เป็นคู่หู OPPO Reno12 Series 5G ที่ลงตัว
OPPO Reno12 5G วางจำหน่ายในราคา 14,999 บาทในรุ่นความจุ 256GB และราคา 16,999 บาทในรุ่นความจุ 512GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน Astro Silver, สีชมพู Sunset Pink และ สีน้ำตาล Matte Brown รับฟรีของสมมาคุณรวมมูลค่า 9,499 บาท
#Reno12SeriesTH #AIPortraitExpert #ยางลบAIลบภาพเนียนในคลิกเดียว #ก้าวไปอีกขั้นกับOPPOAI