Akiyoshi Chosokabe ผู้กำกับเกมจาก Konami และ Tomm Hulett ผู้กำกับเกมจาก ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเกม Contra: Operation Galuga ซึ่งเป็นการนำเกม Contra จากยุค 80s มาปรับโฉมใหม่ และกำลังจะปล่อยออกมาให้เล่นภายในปี 2024
อะไรอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจนำ Contra ภาคแรกกลับมาในรูปแบบใหม่?
Akiyoshi Chosokabe: ซีรีส์เกม Contra มีมานานกว่า 35 ปีแล้ว แต่ละภาคก็มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย และมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง แต่ภาพลักษณ์ที่เป็นภาพจำมากที่สุดของ Contra ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของแฟนๆ ก็คือภาพของทหาร 2 คน Bill Rizer และ Lance Bean ต่อสู้อยู่ในป่าที่ลุกไหม้ “เราตัดสินใจนำ Contra ภาคแรกมาทำใหม่ เพราะเราเชื่อว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะนำ Contra ที่แท้จริงกลับมาตามที่แฟนๆ Contra ต้องการ”
Contra: Operation Galuga จะถูกนำเสนออย่างไร เพื่อรักษาสมดุลระหว่างความเป็นต้นฉบับและการแนะนำองค์ประกอบใหม่ๆ?
Tomm Hulett: Contra: Operation Galuga จะเริ่มต้นด้วยสถานที่ตั้งเดียวกันกับต้นฉบับ แต่จากนั้น เรื่องราวก็ขยายออกไป (คล้ายกับจักรวาลภาพยนตร์ของ Marvel อาจใช้ความต่อเนื่องหลายปีของการ์ตูนในภาพยนตร์เรื่องเดียว) และตัวเกมเองก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยกราฟิกแบบ 2D แต่บางฉากก็ไม่ได้ยึดติดกับต้นฉบับ เช่น การเผชิญหน้ากับบอส อย่างฉาก Snowfield ของภาค Operation Galuga ไม่มีอะไรที่เหมือนกันกับต้นฉบับเลยนอกจากฉากของมัน
Akiyoshi Chosokabe: Contra: Operation Galuga มีพื้นฐานมาจากเกม Contra รุ่นก่อนๆ เช่น NES Contra แต่การออกแบบเลเวลและตัวละครเปลี่ยนไปอย่างมาก ในแง่นั้นถือได้ว่าเป็นเกมใหม่ โดยพื้นฐานแล้ว เราได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Contra เวอร์ชันดั้งเดิม แต่ไม่ได้ยึดถือไว้ทั้งหมด
Tomm Hulett: Konami มีความชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจ็กต์ คือ ต้องการให้ Contra: Operation Galuga เป็นเกมแอ็คชั่น 2D แบบคลาสสิก เพื่อเล่นบนคอนโซลรุ่นใหม่ในปัจจุบัน เนื่องจากพวกเขาต้องกาiเล่นเกมสไตล์ Run N Gun แบบ 2D และนั่นคือสิ่งที่ WayForward มีความเชี่ยวชาญ
อะไรคือปรัชญาในการขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาเนื้อหาใหม่ และทำให้มั่นใจว่าเนื้อหาจะสอดคล้องกับเกมต้นฉบับและมีเอกลักษณ์ของภาคใหม่?
Akiyoshi Chosokabe: เราถือว่า “การควบคุมแบบเลื่อนแนวนอนที่เรียบง่าย” “สมาธิเข้มข้นในการหลีกเลี่ยงการโจมตี” “ความเบิกบานใจในการเอาชนะศัตรู” และ “การเล่นร่วมมือที่ง่ายดาย” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Contra และเราใช้สิ่งเหล่านี้เป็นแนวทางในกระบวนการตัดสินใจ นอกจากนี้ เรายังได้ทำการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น เช่น เป้าหมาย 8 ทิศทางแบบดั้งเดิม เพื่อปรับปรุงเกมให้ทันสมัย (แต่ยังคงมีตัวเลือกในการเลือกการเล็ง 8 ทิศทาง) และเช่นเดียวกับที่ผู้พัฒนา Contra ดั้งเดิมตั้งเป้าไว้ หลักการสำคัญสำหรับเกมนี้คือ การทำให้รู้สึกเหมือนเป็นภาพยนตร์แอคชั่นฮอลลีวูด
ประสบการณ์และความท้าทายใหม่?
Tomm Hulett: Contra: Operation Galuga มีระดับความยาก 3 ระดับ ดังนั้น จึงไม่มีความกดดันในการก้าวข้ามขอบเขตความสะดวกสบายของผู้เล่นในตอนแรก หากเล่นในโหมด Arcade (ซึ่งตรงข้ามกับโหมด Story) บอสแต่ละคนจะมีการปรับแต่งหรือรูปแบบเพิ่มเติมสำหรับความท้าทายที่มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถปลดล็อก Perks ที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นหรือมีตัวเลือกเชิงกลยุทธ์เพิ่มเติม และเมื่อผู้เล่นมีความเชี่ยวชาญและต้องการผลักดันตัวเองให้ก้าวไปอีกขั้น Operation Galuga ก็มีด่านท้าทาย 30 ด่าน ซึ่งเป็นตัวอย่างจากเกมหลัก แต่ได้รับการเปลี่ยนแปลง เพื่อทดสอบแง่มุมเฉพาะบางประการของระบบการเล่น
ทั้งนี้ เกม Contra: Operation Galuga จะปล่อยออกมาให้เล่นภายในปีนี้ บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch, PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X|S, และ PC ผ่าน Steam
ที่มา – Gamingbolt