Apple กำลังขยายบริการ Self Service Repair และเปิดตัวเครื่องมือวินิจฉัยใหม่ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและอิสระในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ใช้ วันนี้ Self Service Repair พร้อมให้บริการแล้วสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 และ Mac รุ่นต่างๆ ที่ใช้ชิปตระกูล M2 ซึ่งรวมถึง MacBook Pro รุ่น 14 และ 16 นิ้ว, MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว, Mac mini, Mac Pro และ Mac Studio นอกจากนี้ Self Service Repair ยังเปิดให้ผู้ใช้ Apple ในยุโรปได้ใช้งานเพิ่มอีก 24 ประเทศ เช่น โครเอเชีย เดนมาร์ก กรีซ เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการขยายบริการในครั้งนี้ทำให้ Self Service Repair รองรับผลิตภัณฑ์ 35 ตัวใน 33 ประเทศและ 24 ภาษา
พร้อมกันนี้ยังมีการเปิดตัว Apple Diagnostics สำหรับ Self Service Repair ให้ใช้งานแล้ววันนี้ในสหรัฐอเมริกา และจะเปิดให้ใช้งานในยุโรปในปีหน้า โดยเซสชั่นการแก้ไขปัญหาด้วย Apple Diagnostics นั้นจัดทำมาเพื่อให้ลูกค้าที่มีความรู้ความชำนาญในการซ่อมอุปกรณ์ Apple สามารถทดสอบอุปกรณ์ว่าชิ้นส่วนแต่ละชิ้นทำงานและมีประสิทธิภาพอย่างที่ควรเป็นหรือไม่ รวมถึงตรวจหาชิ้นส่วนที่อาจต้องซ่อมได้เหมือนกับผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple และผู้ให้บริการซ่อมอิสระ
Self Service Repair ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2022 เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีประสบการณ์ในการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถเข้าถึงคู่มือ, ชิ้นส่วนแท้ของ Apple และเครื่องมือต่างๆ เหมือนกับที่ใช้ใน Apple Store และผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple และโปรแกรมนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในคำมั่นสัญญาของ Apple ที่จะเพิ่มทางเลือกในการซ่อมให้แก่ลูกค้าด้วย
สำหรับลูกค้าที่ไม่มีประสบการณ์ในการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว การไปพบผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple ซึ่งมีช่างเทคนิคที่ผ่านการรับรองและใช้ชิ้นส่วนแท้ของ Apple ที่ได้รับการออกแบบและทดสอบตามมาตรฐานสากล ยังคงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากที่สุดในการซ่อม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา Apple ได้เพิ่มจำนวนสถานที่ให้บริการที่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วน เครื่องมือ และการฝึกอบรมที่ Apple ใช้จริงเกือบสองเท่า รวมถึงผู้ให้บริการซ่อมอิสระอีกกว่า 4,500 ราย และมีเครือข่ายผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตของ Apple ทั่วโลกกว่า 5,000 ราย คอยให้ความช่วยเหลือช่างเทคนิคที่ปฏิบัติงานอยู่กว่า 100,000 ราย