เรียกได้ว่าสิ้นสุดการรอคอยกันไปเรียบร้อยหลังจากที่ Samsung จัดงาน Galaxy Unpacked ครั้งที่ 2 ของปี 2023 ในวันที่ 26 กรกฎาคม โดยมีการเปิดตัวกองทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะบุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งพระเอกก็ไม่พ้นสมาร์ทโฟนจอพับได้นั่นก็คือ Galaxy Z Flip5 และ Galaxy Z Fold5 ที่เป็นกระแสแรงในตอนนี้ รวมถึงแท็บเล็ตระดับเรือธง Galaxy Tab S9 Series และสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุด Galaxy Watch6 Series ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้มีโอกาสได้สัมผัสเครื่องจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงถือโอกาสพาทุกคนไปสัมผัสตัวจริงอย่างใกล้ชิด
Samsung Galaxy Z Flip5
มาเริ่มกันที่ Galaxy Z Flip5 ที่ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนเพื่อต่อกรกับคู่แข่งในตลาดที่กำลังดุเดือด โดยเฉพาะจอแสดงผลด้านนอกที่ใหญ่ขึ้นอย่างมาก และยังได้รับการปรับปรุงบานพับให้พับได้แนบสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมทนทานมากขึ้นอีกด้วย
จอแสดงผลด้านนอกของ Galaxy Z Flip5 มีขนาด 3.4 นิ้ว (เพิ่มขึ้นจาก 1.9 นิ้ว) จึงรองรับการใช้งานได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิดเจ็ตจากแอปต่างๆ การแจ้งเตือนแสดงผลได้หลายรายการ โหมด AOD (Always-On Display) แสดงตัวอย่างภาพขณะเซลฟี่ได้เต็มตา หรือ แม้แต่ตอบกลับข้อความ ก็สามารถป้อนข้อความได้อย่างสะดวกผ่านคีย์บอร์ดแบบ QWERTY
ใกล้กับจอแสดงผลด้านนอก จะพบกับกล้องคู่ 12 + 12 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย กล้องหลัก + กล้อง Ultra Wide พร้อมด้วยแฟลช LED สามารถใช้กล้องคู่หน้าถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสะดวก โดยดูตัวอย่างภาพแบบเรียลไทม์ได้จากจอแสดงผลด้านนอกที่มีขนาดใหญ่
เมื่อกางเครื่องออก จะพบกับจอแสดงผลหลัก Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว พร้อมกล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล
ด้านประสิทธิภาพ Galaxy Z Flip5 ได้รับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ความจำ RAM 8GB ที่เก็บข้อมูลในตัว 128GB ความจุแบตเตอรี่ 3,700mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W และทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 13 คาดว่ารุ่นนี้จะได้รับความนิยมอย่างมากแน่นอน
Galaxy Z Fold5
อีกรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกันตลอดก็คือ Galaxy Z Fold5 ที่ออกมาสานต่อ Galaxy Z Fold4 ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้ระดับไฮเอนด์ของ Samsung และในรุ่นใหม่ล่าสุดได้มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงบานพับที่พับได้แนบสนิทแล้ว ดีไซน์โดยรวมยังดูคล้ายกับรุ่นก่อนหน้าแต่บางเบากว่าเดิม
Samsung ผลิต Galaxy Z Fold5 ออกมาทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Cream, Phantom Black และ Icy Blue ซึ่งเป็นเฉดสีฟ้าอ่อนๆ
กลไกบานพับของ Galaxy Z Fold5 ได้รับการออกแบบใหม่ ทำให้อุปกรณ์พับได้แนบสนิทมากขึ้น รอยพับบนหน้าจอก็สังเกตเห็นได้ยากขึ้น และยังทำให้บานพับแข็งแรงมากขึ้น
ขอบด้านข้าง ดูเหมือนว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นตำแหน่งของปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์ ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้ด้วย
จอแสดงผลด้านนอก ใช้จอ AMOLED ความละเอียด HD+ ขนาด 6.2 นิ้ว พร้อมเจาะหลุมเล็กๆ ตรงกึ่งกลาง สำหรับติดกล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล
ด้านหลังจะเห็นว่ามีการติดตั้งกล้อง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล, Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล และ กล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซล จัดวางในแนวตั้งแบบรุ่นก่อน แต่ที่ต่างออกไป คือ ตำแหน่งแฟลช LED จากเดิมวางอยู่ใต้เลนส์กล้องตัวล่าง ในรุ่นใหม่ย้ายมาอยู่ข้างเลนส์กล้องตัวบน
เมื่อกางอุปกรณ์ออก จะพบกับจอแสดงผลหลัก AMOLED ความละเอียด QXGA+ ขนาด 7.6 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz และซ่อนกล้องหน้า 4 ล้านพิกเซล ไว้ใต้หน้าจอ
ด้านประสิทธิภาพ Galaxy Z Fold5 ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ความจำ RAM 12GB ที่เก็บข้อมูลในตัว 256GB / 512GB / 1TB ความจุแบตเตอรี่ 4,400mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W และทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 13
จอแสดงผลหลักของ Galaxy Z Fold5 รองรับการทำงานร่วมกับปากกา S Pen แต่ไม่มีช่องเก็บปากกาในตัว อย่างไรก็ตาม Samsung ได้ผลิตเคสที่มีช่องเก็บปากกา S Pen ไว้ที่ด้านหลัง ช่วยประหยัดพื้นที่ของสมาร์ทโฟน โดยที่ยังคงพกพา S Pen ได้อย่างสะดวก
Galaxy Tab S9 Series
แท็บเล็ตเรือธงรุ่นใหม่ของ Samsung มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Galaxy Tab S9, Galaxy Tab S9+ และ Galaxy Tab S9 Ultra โดยทั้งหมดมาพร้อมจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ขนาด 11 นิ้ว, 12.4 นิ้ว และ 14.6 นิ้ว ตามลำดับ
แน่นอนว่า Galaxy Tab S9 Ultra เป็นรุ่นไฮเอนด์ของ Series ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ที่สุด โดยมีความละเอียด WQXGA+ ขอบจอบางเฉียบ และบางกว่ารุ่นอื่นๆ ใน Series เดียวกัน ทำให้ขอบจอด้านบนต้องทำรอยบากสำหรับติดตั้งกล้องหน้า 2 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล
ด้านหลังมีกล้อง 2 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล วางคู่กับกล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล ใกล้กันมีแฟลช LED และมีแถบแม่เหล็กสำหรับแนวติดกับปากกา S Pen ขอบบนมีปุ่มเพาเวอร์ ปุ่มปรับระดับเสียง ไมโครโฟน 2 ตัว และ ช่องใส่ซิมการ์ด อีกทั้งยังซ่อนแม่เหล็กสำหรับแนบติดกับ S Pen ด้านล่างถูกออกแบบมาสำหรับเชื่อมต่อกับเคสคีย์บอร์ด สำหรับใช้งานในรูปแบบแล็ปท็อป
ด้านประสิทธิภาพ Galaxy Tab S9 Ultra ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ใน Series เดียวกัน ความจำ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB / 512GB แบตเตอรี่ 11,200mAh ชาร์จเร็ว 45W
Galaxy Watch6 Series
สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ของ Samsung มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Galaxy Watch6 และ Galaxy Watch6 Classic ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มีความแตกต่างที่ชัดเจนด้านขนาดตัวเรือน ส่วนสายรัดข้อมือ สามารถถอดเปลี่ยนได้ และมีให้เลือกหลายแบบ
Galaxy Watch6 Series มาพร้อมหน้าปัดวงกลม ส่วนขอบสามารถหมุนได้เพื่อเลื่อนหรือควบคุม User Interface ขณะที่ตัวเรือนเป็นโลหะขัดเงา สวยงามพรีเมียม ด้านหลังสีดำเงาเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์ติดตามสุขภาพ และจุดเชื่อมต่อกับแท่นชาร์จ
- Galaxy Watch6 ผลิตออกมา 2 รุ่น ที่มีขนาดแตกต่างกัน 40 มม. และ 44 มม. ทั้ง 2 รุ่น ยังมีให้เลือกทั้งเวอร์ชัน Bluetooth และ Bluetooth + 4G
- Galaxy Watch6 Classic ผลิตออกมา 2 รุ่น ที่มีขนาดแตกต่างกัน 43 มม. และ 47 มม. ทั้ง 2 รุ่น ยังมีให้เลือกทั้งเวอร์ชัน Bluetooth และ Bluetooth + 4G
Galaxy Watch6 Series ได้รับชิปประมวลผล Exynos W930 ความจำ RAM 2GB ที่เก็บข้อมูลภายใน 16GB ความจุแบตเตอรี่ 300mAh สำหรับขนาด 40 มม. และ 43 มม. ขณะที่ขนาด 44 มม. และ 47 มม. จะมีขนาดแบตเตอรี่ 425mAh
สรุป
ผลตภัณฑ์ทั้งหมดที่ Samsung เปิดตัวในงาน Galaxy Unpacked ครั้งที่ 2 ของปี 2023 ถูกสร้างมาเพื่อแทนที่รุ่นก่อนหน้าจากปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series ซึ่งแทั้งหมดได้รับการปรับปรุงทั้งการออกแบบ และประสิทธิภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ได้เวลาอัปเกรดรุ่นใหม่
ส่วนการปรับปรุงที่โดดเด่นที่สุด ต้องยกให้ Galaxy Z Flip5 โดยมีการขยายจอแสดงผลด้านนอกให้ใหญ่ขึ้นอย่างมาก สามารถใช้งานได้หลากหลาย จนแทบไม่ต้องกางอุปกรณ์เพื่อใช้งานจอแสดงผลหลักบ่อยจนเกินไป ขณะที่ Galaxy Z Fold5 ก็พับได้แนบสนิทมากขึ้นด้วยกลไลบานพับที่ได้รับการออกแบบใหม่
แท็บเล็ต Galaxy Tab S9 Series มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพ สามารถทำงานแทนแล็ปท็อปได้ โดยให้ความสะดวกในการพกพาที่คล่องตัวกว่า และ Galaxy Watch6 Series ก็ได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราพรีเมียมมากขึ้น อีกทั้งยังนำขอบหน้าปัดหมุนได้ที่เคยใช้งานในรุ่นเก่ากลับมาตามคำเรียกร้อง