Friday, December 19, 2025
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home Feature

รีวิว Apple Watch Series 8 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ตรวจจับการชน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิและดูแลสุขภาพอย่างครบครัน

Jackrich T. by Jackrich T.
November 7, 2022
in Feature, iPhone, NEWS, Recommended, Review & Preview
0
SHARES
4.3k
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

Apple Watch รุ่นใหม่ในปีนี้ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Apple Watch SE รุ่นที่ 2, Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ Series 8 มารีวิว ซึ่งออกมาทำตลาดแทนที่ Series 7 ในปีที่แล้ว ส่วนจะมีความเหมือนหรือแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร และมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง? เลื่อนลงมาอ่านรีวิวกันได้เลย

สเปก Apple Watch Series 8

  • จอภาพ LTPO OLED Retina แบบ Always-On Display
  • ชิป SiP รุ่น S8 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual‑core 64-bit, ชิประบบไร้สาย W3 และ ชิป U1 (Ultra Wideband)
  • ความจุ 32GB ทั้งรุ่น GPS + Cellular และ GPS  
  • ตรวจจับการชนกัน, ตรวจจับการล้ม, ตรวจสอบเสียงรบกวน, ติดตามการเดินด้วยเข็มทิศ, ติดตามค่าอุณหภูมิ, ติดตามรอบเดือน
  • เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3, มาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด, เข็มทิศ, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง, ไจโรสโคปแบบช่วงไดนามิกสูง, เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
  • ระบบนำทาง GPS (L1), GLONASS, Galileo, QZSS และ BeiDou
  • ลำโพงและไมโครโฟนในตัว
  • SOS ฉุกเฉิน, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก, การใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ
  • ผ่านการรับรองทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร และทนฝุ่นที่ระดับ IP6X
  • การเชื่อมต่อรุ่น GPS: Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
  • การเชื่อมต่อรุ่น GPS + Cellular: 4G LTE, 3G UMTS, Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
  • แบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
  • ขนาดตัวเรือน (45 มม.) 45 x 38 มม. x 10.7 มม. 
  • น้ำหนัก (45 มม.) 38.8 – 51.5 กรัม (อะลูมิเนียม – สแตนเลสสตีล)
  • ขนาดตัวเรือน (41 มม.) 41  x 35 x 10.7 มม. 
  • น้ำหนัก (41 มม.) 31.9 – 42.3 กรัม (อะลูมิเนียม – สแตนเลสสตีล)

แกะกล่อง Apple Watch Series 8

Apple Watch Series 8 จัดส่งมาในกล่องรูปทรงแท่งสีขาวแบนๆ มีกระดาษห่อหุ้มชั้นนอก ด้านบนมีโลโก้ Apple Watch ข้างใต้ระบุชื่อรุ่น ขนาดตัวเรือน และอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง โดย Apple Watch Series 8 ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เป็นรุ่น 45 มม. ตัวเรือนอะลูมิเนียม สีมิดไนท์ พร้อมสาย Sport Band สีมิดไนท์เช่นกัน


เมื่อแกะแผ่นกระดาษชั้นนอกออกมา จะพบว่าภายในแบ่งออกเป็น 2 กล่อง โดยกล่องบนพิมพ์รูปภาพด้านหน้าของ Apple Watch อีกกล่องพิมพ์รูปภาพสาย  Apple Watch บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าแต่ละกล่องเก็บอะไรไว้


กล่อง Apple Watch Series 8 ปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวตรงขอบกล่องทั้ง 2 ด้าน เมื่อลอกแถบกระดาษกาวออกไป ก็สามารถยกฝากล่องขึ้นได้อย่างง่ายดาย และภายในกล่องจะพบกับตัวเรือน Apple Watch วางแยกช่องกับซองเอกสารต่างๆ 

ใต้ช่องเก็บเอกสาร จะพบสายชาร์จแบบแม่เหล็กที่ใช้พอร์ต USB-C

สำหรับกล่องบรรจุสาย Apple Watch ก็ถูกปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวเช่นกัน ภายในมีสายให้เลือกใช้ตามขนาดข้อมือ ได้แก่ M/L และ S/M พร้อมด้วยแผ่นพับแนะนำวิธีการติดตั้งสายกับตัวเรือน

ดีไซน์เดิมเน้นเพิ่มเติมนวัตกรรม

ดีไซน์โดยรวมของ Apple Watch Series 8 แทบจะแยกไม่ออกว่าแตกต่างไปจากรุ่นก่อนอย่างไรบ้าง เนื่องจาก Apple มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมใหม่ อีกทั้ง Apple Watch Series 7 ก็ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ครั้งใหญ่ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ Apple เปลี่ยนแปลงดีไซน์ในช่วงเวลาที่ห่างกันเพียง 1 ปี 

ตัวเรือน Apple Watch Series 8 มีให้เลือก 2 ขนาด 41 มม. และ 45 มม. ทั้ง 2 ขนาดมีวัสดุให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ อะลูมิเนียม และ สแตนเลสสตีล โดยตัวเรือนอะลูมิเนียม ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% มีให้เลือก 4 สี ได้แก่  สีสตาร์ไลท์, สีเงิน, สีแดง (PRODUCT)RED และ สีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับ Series 8 มารีวิว เรียกว่าสีมิดไนท์ ขณะที่ตัวเรือนสแตนเลสสตีลมาในสีเงิน, สีกราไฟต์ และ สีทอง


ด้านหน้าเป็นคริสตัลที่มีความหนาพร้อมฐานที่แบน เพื่อความแข็งแกร่ง และทนทานต่อการแตกร้าว มาพร้อมจอแสดงผล LTPO OLED Retina แบบ Always-On Display สามารถมองหน้าจอเพื่อดูข้อมูลต่างๆ ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องปลุกหน้าจอ ให้ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต ป้องกันรอยด้วยกระจกหน้า Ion‑X สำหรับตัวเรือนอะลูมิเนียม และใช้ผลึกแซฟไฟร์สำหรับตัวเรือนสแตนเลสสตีล

ด้านหลังใช้วัสดุเซรามิกและผลึกแซฟไฟร์ ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับวัดสุขภาพทั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3 และมีเซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิเพิ่มเข้ามา แต่ไม่ได้ใช้สำหรับวัดไข้อย่างที่เคยมีข่าวลือ ส่วนจะมีความสำคัญอย่างไร? อ่านต่อไปก็จะได้ทราบกัน

ด้านข้างตัวเรือนมีปุ่ม Digital Crown ตอบสนองแบบสั่นเมื่อถูกหมุน ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน และปุ่มกดด้านข้าง

อีกข้างเป็นช่องลำโพง ส่วนความบางนั้นอยู่ที่ 10.7 มม. เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นขนาด  41 มม. หรือ 45 มม. 

นอกจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน Apple Watch Series 8 ยังได้รับรองมาตรฐานกันฝุ่นที่ระดับ IP6X และยังป้องกันน้ำถึง 50 เมตร (WR50) ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 จึงสามารถสวมใส่เพื่อทำกิจกรรมในน้ำตื้น อย่างว่ายน้ำในสระหรือทะเล แต่ไม่ควรสวมใส่ลงไปดำน้ำลึก หรือ เล่นกีฬาผาดโผนทางน้ำ

จอแสดงผล


Apple Watch Series 8 มาพร้อมจอแสดงผล LTPO OLED Retina ความละเอียด 396 x 484 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 1,143 ตร.มม. สำหรับรุ่น 45 มม. และ ความละเอียด 352 x 430 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 904 ตร.มม. สำหรับรุ่น 41 มม.

ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 41 มม. หรือ 45 มม. ต่างก็มีพื้นที่จอภาพที่กว้างสุดขอบ ให้พื้นที่ใหญ่ขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 6 ให้ความสว่าง 1,000 นิต และรองรับการแสดงผลแบบ Always-On จึงมองเห็นหน้าปัดนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา แม้ไม่ได้ยกข้อมือขึ้นมา นอกจากนี้ จอภาพขนาดใหญ่ยังรองรับกลไกหน้าปัดได้ทั้งหมด และยังช่วยให้การแตะ พิมพ์ หรือปัดทำได้อย่างรวดเร็ว

ติดตามค่าอุณหภูมิ

Apple Watch Series 8 ได้รับเซ็นเซอร์ใหม่ สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้สวมใส่ และติดตั้งมาให้ 2 ตัว (เซ็นเซอร์ตัวหนึ่งจะอยู่ที่ด้านหลังของนาฬิกาซึ่งใกล้กับผิวหนังที่สุด และเซ็นเซอร์อีกตัวจะอยู่ใต้จอภาพ) ช่วยบันทึกอุณหภูมิบนข้อมือเพื่อคาดคะเนช่วงไข่ตก และคาดคะเนรอบเดือน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้าสวมใส่ที่เป็นผู้หญิง ที่กำลังวางแผนการมีบุตร นอกจากนี้ ฟีเจอร์ติดตามรอบเดือน ยังสามารถส่งการแจ้งเตือน หากประวัติรอบเดือนที่บันทึกไว้แสดงถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ หรือ มานานกว่าปกติ

เมื่อผู้ใช้งานสวม Apple Watch Series 8 ในเวลากลางคืน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิ จะสุ่มตรวจตัวอย่างอุณหภูมิจากข้อมือทุกๆ 5 วินาที เพื่อให้ผู้ใช้งานดูความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกายในตอนกลางคืน และสามารถเทียบกับช่วงที่ผ่านมาได้ในแอปสุขภาพ โดยเซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิสามารถวัดการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยที่สุดได้ถึง 0.1 องศาเซลเซียส ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ

ตรวจจับการชนกัน

นอกเหนือจากฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม Apple Watch Series 8 ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์ตรวจจับการชนกัน หรือ Crash Detection ทำให้ Apple Watch รุ่นใหม่ สามารถตรวจจับได้ว่าผู้สวมใส่ประสบเหตุรถชน หรือ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง หลังจากตรวจจับการชนแล้ว Apple Watch Series 8 จะโทรไปยังบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้งานไม่ตอบสนอง พร้อมแจ้งเตือนไปยังผู้ที่อยู่ในรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน และส่งตำแหน่งปัจจุบันไปให้หน่วยบริการฉุกเฉินด้วย

ฟีเจอร์ตรวจจับการชนกันใน Apple Watch Series 8 อาศัยการทำงานร่วมกันของไจโรสโคปแบบ 3 แกนม เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง ตรวจจับแรง g ได้สูงสุด 256, ไมโครโฟน, บารอมิเตอร์, GPS รวมถึงอัลกอริทึมแบบรวมเซ็นเซอร์ขั้นสูง ซึ่งพัฒนาขึ้นจากข้อมูลการขับขี่และการชนกันที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงกว่า 1 ล้านชั่วโมง สำหรับตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ การโทรออกไปยังหน่วยฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ ทำได้เฉพาะ Apple Watch รุ่น GPS + Cellular กรณีใช้รุ่น GPS จะต้องจับคู่กับ iPhone ที่อยู่ใกล้ เพื่อให้ระบบอัตโนมัติโทรผ่าน iPhone (ฟีเจอร์ตรวจจับการชนกันยังมีอยู่ใน Apple Watch Ultra, Apple Watch SE รุ่นที่ 2 และ iPhone 14 ทุกรุ่น)

ติดตามสุขภาพ

ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบครัน ที่มีมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ ก็ยังถูกถ่ายทอดมาถึง Apple Watch Series 8 ไม่ว่าจะเป็นการวัดออกซิเจนในเลือด  (SpO2) ที่ให้ผู้ใช้งานอ่านค่าออกซิเจนในเลือดได้ทุกเมื่อที่ต้องการผ่านแอปออกซิเจนในเลือด และยังทำการอ่านค่าที่วัดได้ในเบื้องหลังทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย

ผู้ใช้ Apple Watch Series 8 ยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ทันทีที่ต้องการ ด้วยแอปอัตราการเต้นของหัวใจ และยังมีการแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ หาก Apple Watch พบว่าผู้สวมใส่มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วหรือช้าผิดปกติ รวมถึงยังมี ECG การวัดคล่นไฟฟ้าหัวใจอีกด้วย


สำหรับผู้ใช้งานที่มีโรคประจำตัว หรือ มีอาการป่วยจนต้องรับประทานยา Apple Watch Series 8 ก็สามารถแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาทานยาหรือวิตามิน โดยเข้าไปบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับตัวยาหรือวิตามินในแอปทานยา สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มีอาการป่วย แต่มีอาหารเสริมที่ทานเป็นประจำ ก็สามารถใช้แอปทานยาบันทึกข้อมูลของอาหารเสริมได้เช่นกัน ช่วยป้องกันไม่ให้ลืมทานเมื่อถึงเวลา

Apple Watch Series 8 ยังสามารถติดตามสุขภาพการนอนหลับ ซึ่งจะคอยบันทึกข้อมูลการนอนหลับขณะสวมใส่ในเวลากลางคืน และตื่นมาดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่าใช้เวลานอนในระยะหลับฝัน นอนหลับจริง หรือหลับลึกมากแค่ไหน เพื่อปรับปรุงการนอนหลับในคืนต่อไป

ติดตามการออกกำลังกาย

แอปการออกกำลังกาย ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ด้วย watchOS 9 ที่มาพร้อมมุมมองใหม่ๆ ในระหว่างเซสชั่น เช่น เซ็กเมนต์ สปลิทส์ และ ระดับความสูง ให้ข้อมูลการออกกำลังกายที่แม่นยำยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานยังสามารถยกระดับการฝึกซ้อมไปอีกขั้นด้วยประสบการณ์การออกกำลังกายขั้นสูงที่มีทั้งโซนอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกายแบบกำหนดเอง ตัววัดเวลาเฉลี่ย

โซนอัตราการเต้นของหัวใจ สามารถรับรู้ว่าผู้ใช้สวมใส่ออกกำลังกายเข้มข้นแค่ไหน เพื่อคำนวณและปรับแต่งโดยอัตโนมัติผ่านการใช้ข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้งาน หรือคุณจะสร้างขึ้นเองก็ได้ 

Apple Watch Series 8 ยังสามารถปรับแต่งช่วงเวลาการออกกำลังกายและการฟื้นฟูให้เหมาะกับสไตล์การออกกำลังกายของผู้ใช้งาน และคอยส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเวลาเฉลี่ยต่อระยะทาง อัตราการเต้นของหัวใจ ความเร็วรอบขา และ พลังงานได้อีกด้วย

แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 36 ชั่วโมง

Apple Watch Series 8 มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง แต่ด้วยโหมดประหยัดพลังงานใหม่ (Low Power Mode) จึงสามารถยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม Low Power Mode จะปิดใช้งานหรือจำกัดการทำงานของเซ็นเซอร์และคุณสมบัติบางตัวชั่วคราว รวมถึงปิดการแสดงผลแบบ Always-On รวมถึงปิดฟีเจอร์การเริ่มออกกำลังกายอัตโนมัติ การแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ และ อื่นๆ

watchOS 9

Apple Watch Series 8 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ watchOS 9 ที่ช่วยยกระดับการออกกำลังกายของผู้สวมใส่ที่เป็นนักไตรกีฬา ที่ทำกิจกรรมทั้งว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือวิ่งต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ก็มีการออกกำลังกายแบบมัลติสปอร์ตที่จะตรวจจับโดยอัตโนมัติ แล้วสลับระหว่างการออกกำลังกายแต่ละประเภทได้ง่ายๆ watchOS 9 ยังช่วยติดตามว่าผู้ใช้วิ่งอย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน โดยค่าฟอร์มการวิ่งใหม่ๆ ที่สามารถเพิ่มลงในมุมมองขณะออกกำลังกายได้มีทั้งความยาวก้าว ระยะเวลาสัมผัสพื้น และการกระเด้งตัวในแนวดิ่ง

แอปเข็มทิศใน watchOS 9 สามารถดึงข้อมูลเชิงลึกขึ้นมาแสดงมากขึ้นใน 3 มุมมองที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมมองแบบผสม ที่แสดงทั้งหน้าปัดเข็มทิศแบบอนาล็อกพร้อมๆ กับมุมมองแบบดิจิทัลได้ เมื่อหมุน Digital Crown ผู้ใช้จะเห็นมุมมองอื่นๆ เพิ่มเติมที่แสดงละติจูด ลองจิจูด ระดับความสูง และความชัน รวมทั้งมุมมองสำหรับการใช้เข็มทิศนำทางที่แสดงจุดอ้างอิงเข็มทิศและการติดตามการเดิน


ฟีเจอร์ติดตามการเดิน จะใช้ข้อมูล GPS เพื่อสร้างเส้นทางที่ผู้ใช้เดินผ่านมา ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่หลงทิศหรือหลงทาง และต้องการความช่วยเหลือในการเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้คุณสมบัตินี้ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณได้ด้วย และยังมีฟีเจอร์จุดอ้างอิงเข็มทิศ เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วในการปักตำแหน่งหรือจุดสนใจลงในแอปโดยตรง แตะไอคอนจุดอ้างอิงเข็มทิศเพื่อวางจุดอ้างอิง เมื่อเลือกจุดอ้างอิง ก็จะเห็นมุมมองแบบเจาะจงที่แสดงทิศทางของจุดอ้างอิงนั้น รวมถึงระยะทางโดยประมาณว่าจุดอ้างอิงนั้นอยู่ห่างออกไปเท่าไหร่

ผู้ใช้ Apple Watch ด้วยฟีเจอร์ ECG ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ประวัติภาวะ AFib ที่ผ่านการรับรองโดย US FDA และเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ รวมถึงค่าโดยประมาณว่าจังหวะการเต้นของหัวใจแสดงสัญญาณของภาวะ AFib บ่อยแค่ไหน และยังดูประวัติโดยละเอียดได้ในแอปสุขภาพบน iPhone รวมถึงปัจจัยในการใช้ชีวิตที่อาจส่งผลต่อภาวะ AFib 

watchOS 9 ยังเพิ่มหน้าปัดนาฬิกา Nike ให้ผู้ใช้ Apple Watch ทุกรุ่น (ที่รองรับ watchOS 9) ได้ดาวน์โหลดไปใช้ และสามารถซื้อสาย Nike แบบ Sport Band และสายแบบ Sport Loop ใหม่พร้อมโลโก้ “Just Do It” ที่ถักทอลงบนสาย มาสลับเปลี่ยนได้เอง

สรุปราคาและการจำหน่าย

Apple Watch Series 8 ถูกสร้างมาทำตลาดแทนที่ Apple Watch Series 7 โดยยกคุณสมบัติทุกอย่างที่ดีอยู่แล้วจากรุ่นก่อนมาอยู่ในรุ่นใหม่ และเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการตรวจจับการชน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิ และยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครบครัน ทำงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีความสามารถอีกมากมายจาก watchOS 9 ทำให้ Apple Watch Series 8 เป็นทั้งเทรนเนอร์ส่วนตัว และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ที่สามารถแจ้งเตือนความผิดปกติของร่างกายได้ทันท่วงที เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน Apple Watch รุ่นเก่าที่ต้องการอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ แต่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ Apple Watch Series 8 พร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท  






Tags: Apple WatchApple Watch Series 8Review
ShareTweetShare

Related Posts

รีวิว vivo Y31 5G สมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น ทนน้ำทนฝุ่นระดับสูงสุด IP68 & IP69 ลำโพงคู่สเตอริโอพลังเสียง 400% แบตเตอรี่ 6500mAh
Feature

รีวิว vivo Y31 5G สมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น ทนน้ำทนฝุ่นระดับสูงสุด IP68 & IP69 ลำโพงคู่สเตอริโอพลังเสียง 400% แบตเตอรี่ 6500mAh

December 19, 2025
ผู้ใช้ Apple Watch สามารถควบคุมโดรน DJI Neo 2 ได้แล้ว
iPhone

ผู้ใช้ Apple Watch สามารถควบคุมโดรน DJI Neo 2 ได้แล้ว

December 13, 2025
รีวิว iQOO 15 สมาร์ตโฟนเรือธง “Born for MVPs” เอาใจเกมเมอร์ด้วยชิปแรงสุด Snapdragon 8 Elite Gen 5 จอเทพ 144Hz ลื่นไหลด้วย OriginOS 6
Feature

รีวิว iQOO 15 สมาร์ตโฟนเรือธง “Born for MVPs” เอาใจเกมเมอร์ด้วยชิปแรงสุด Snapdragon 8 Elite Gen 5 จอเทพ 144Hz ลื่นไหลด้วย OriginOS 6

December 9, 2025
Load More
  • ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    356 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วาร์ปสู่โลกใหม่!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy S24 Series ครบทุกรุ่นทุกสี พร้อมใช้งาน Galaxy AI สุดล้ำ

    101 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตสุดคุ้มจอ 11 นิ้วรีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับ 5G ระบบเสียง Dolby Atmos ราคา 8,990 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy S23 FE มาอย่างพี๊คคค สเปกแฟล็กชิป ในราคาเป็นมิตร จอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ซูม 3x คมกริบ แบต 4,500mAh

    502 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab S10 Lite แท็บเล็ตสุดคุ้มราคาหมื่นต้นครบเซ็ทไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

    425 shares
    Share 0 Tweet 0

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

Redmi Note 15 Pro และ Note 15 Pro 5G เปิดตัวทางการ เริ่มทำตลาดต้นปี 2026

December 19, 2025
Samsung เปิดตัว Exynos 2600 ชิปมือถือขนาด 2 นาโนเมตร รุ่นแรกของโลก

Samsung เปิดตัว Exynos 2600 ชิปมือถือขนาด 2 นาโนเมตร รุ่นแรกของโลก

December 19, 2025
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');