Apple เปิดตัว iPad รุ่นที่ 10 อย่างทางการแล้ว โดยยังคงวางจำหน่าย iPad รุ่นที่ 9 ควบคู่กันไปด้วย และยังมี iPad Air รุ่นที่ 5 ที่มีเส้นบางๆ คั่นอยู่ เพราะดูเหมือน iPad รุ่นใหม่จะมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน ดังนั้น บทความนี้จึงเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง iPad ทั้ง 3 รุ่น เพื่อมองหาความเหมือนและแตกต่าง
ประสิทธิภาพ
iPad รุ่นที่ 10 ได้รับชิปประมวลผล A14 Bionic ซึ่งมี CPU เร็วขึ้น 20% มาพร้อม Neural Engine แบบ 16‑core ที่แรงขึ้น 80% เมื่อเทียบกับชิป A13 Bionic ใน iPad รุ่นที่ 9 ชัดเจนว่า iPad รุ่นใหม่ล่าสุดตอบสนองการใช้งานได้ลื่นไหลกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างแน่นอน
สำหรับ iPad Air รุ่นที่ 5 ใช้ชิป M1 ที่ประกอบด้วย CPU แบบ 8‑core และ GPU แบบ 8‑core จึงมีประสิทธิภาพดีที่สุดใน 3 ตัวเลือกนี้ แต่ถ้าไม่เน้นใช้งานด้านการตัดต่อวิดีโอ หรือ งานออกแบบกราฟิก iPad ระดับเริ่มต้นก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
จอแสดงผล
iPad รุ่นที่ 10 มีคุณสมบัติด้านจอแสดงผลเทียบเท่า iPad Air รุ่นที่ 5 ทั้งขนาด ความละเอียด ความสว่าง แต่ยังขาดการเคลือบสารกันแสงสะท้อน, จอภาพแบบ Full Lamination และไม่สนับสนุน จอภาพขอบเขตสีกว้าง (P3)
การเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม
iPad รุ่นที่ 10 เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริมใหม่ Magic Keyboard Folio (วางจำหน่ายแยกต่างหาก) มีจุดเด่นที่ดีไซน์แบบ 2 ส่วน ประกอบด้วย แผงคีย์บอร์ดแบบถอดแยกได้ และ แผงป้องกันที่ด้านหลัง
อย่างไรก็ตาม iPad รุ่นที่ 10 ยังถูกจำกัดให้รองรับ Apple Pencil รุ่นแรกเท่านั้น ทั้งที่เปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อมาเป็น USB-C แล้ว ทำให้การชาร์จยุ่งยากกว่า เพราะต้องเชื่อมต่อผ่าน Adapter ขณะที่ iPad รุ่นที่ 9 ยังใช้พอร์ต Lightning และสามารถนำ Apple Pencil รุ่นแรก มาเสียบชาร์จได้โดยตรง ไม่ต้องใช้ Adapter
iPad Air รุ่นที่ 5 รองรับอุปกรณ์เสริมที่หลากหลายกว่า โดยรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2, Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio
iPad รุ่นที่ 10 ยังใช้วิธียืนยันตัวตนด้วย Touch ID แต่ย้ายตำแหน่งไปรวมกับปุ่มด้านบนแบบ iPad Air รุ่นที่ 5
iPad รุ่นที่ 10 เวอร์ชั่น Wi‑Fi + Cellular รองรับ 5G (sub-6 GHz) แบบเดียวกับ iPad Air รุ่นที่ 5 ขณะที่ iPad รุ่นที่ 9 รองรับสูงสุด 4G LTE
สีสัน
iPad รุ่นที่ 10 มาในสีฟ้า สีชมพู สีเหลือง และ สีเงิน
iPad Air รุ่นที่ 5 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์ สีสตาร์ไลท์ สีชมพู สีม่วง และ สีฟ้า
iPad รุ่นที่ 9 มีตัวเลือกน้อยที่สุด คือ สีเทาสเปซเกรย์ และ สีเงิน
กล้อง
iPad รุ่นที่ 10 มาพร้อมกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอระดับ 4K แบบเดียวกับที่พบใน iPad Air รุ่นที่ 5 ขณะที่กล้องหลังของ iPad รุ่นที่ 9 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และบันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p
กล้องหน้าของทั้ง 3 รุ่น มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน แต่กล้องหน้าของ iPad รุ่นที่ 10 มีความพิเศษที่ได้รับการติดตั้งในแนวนอน เหมาะสำหรับวิดีโอคอล
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
iPad รุ่นที่ 10, iPad รุ่นที่ 9 และ iPad Air รุ่นที่ 5 ให้อายุการใช้งานยาวนานพอๆ กัน สามารถท่องเว็บผ่าน Wi‑Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง หรือ ท่องเว็บโดยใช้เครือข่าย Cellular (4G/5G) ได้นานสูงสุด 9 ชั่วโมง
ราคา
ดูเหมือนราคาจะเป็นข้อได้เปรียบเดียวที่ทำให้ iPad รุ่นที่ 9 ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า ถึงแม้จะมีการปรับราคาขึ้น แต่ก็ยังเข้าถึงได้ง่ายกว่า iPad รุ่นที่ 10 และ iPad Air รุ่นที่ 5
ราคา iPad รุ่นที่ 9
- 64GB Wi-Fi ราคา 12,900 บาท
- 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา 18,900 บาท
- 256GB Wi-Fi ราคา 18,400 บาท
- 256GB Wi-Fi + Cellular ราคา 24,400 บาท
ราคา iPad รุ่นที่ 10
- 64GB Wi-Fi ราคา 17,900 บาท
- 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา 23,900 บาท
- 256GB Wi-Fi ราคา 23,900 บาท
- 256GB Wi-Fi + Cellular ราคา 29,900 บาท
ราคา iPad Air รุ่นที่ 5
- 64GB Wi-Fi ราคา 23,900 บาท
- 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา 29,900 บาท
- 256GB Wi-Fi ราคา 29,900 บาท
- 256GB Wi-Fi + Cellular ราคา 35,900 บาท
ที่มา – 9to5Mac