นอกจากจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Xiaomi 12T Series ผู้ผลิตรายเดียวกัน ยังแนะนำหูฟังไร้สาย Redmi Buds 4 Pro สำหรับทำตลาดในประเทศไทย โดดเด่นที่ระบบเสียงสมจริง ให้คุณภาพเสียงระบบพรีเมียม ด้วยไดรเวอร์คู่แบบไดนามิค 10 + 6 มิลลิเมตร รองรับระบบตัดเสียงรบกวน ANC สูงสุด 43 เดซิเบล และให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 36 ชั่วโมง
สเปก Redmi Buds 4 Pro
- ไดรเวอร์คู่แบบไดนามิค ขนาด 10 + 6 มิลลิเมตร
- ระบบตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancelling)
- โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode)
- สนับสนุน Hi-Res Audio Wireless
- รองรับระบบการแปลงสัญญาณเสียงแบบ LDAC
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3
- ได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP54
- น้ำหนักรวม 46 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Moon White และ Midnight Black
แกะกล่อง Redmi Buds 4 Pro
Redmi Buds 4 Pro จัดส่งมาในกล่องสีขาว ด้านหน้าพิมพ์รูปภาพหูฟังและเคสชาร์จไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นตัวเครื่องสีขาว ตรงกับของจริงที่อยู่ภายใน ชื่อรุ่น Redmi Buds 4 Pro ถูกจัดวางในแนวตั้ง พร้อมด้วยโลโก้ Mi และ โลโก้ที่ยืนยันการสนับสนุน Hi-Res Audio Wireless
ข้างกล่องบอกจุดเด่นไว้ 3 รายการ ได้แก่ ระบบตัดเสียงรบกวน ANC สูงสุด 43 เดซิเบล, ไดรเวอร์คู่แบบไดนามิค ขนาด 10 + 6 มิลลิเมตร และ อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 36 ชั่วโมง
อีกข้างระบุจุดเด่นอีก 3 ราายการ ได้เแก่ รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง, ดื่มด่ำกับระบบเสียงที่สมจริง และ ป้องกันฝุ่น-น้ำในระดับ IP54
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับเคสชาร์จสีขาว Moon White ซึ่งภายในส่หูฟังไร้สายมาให้แล้ว
ภายในกล่องยังแถมจุกหูฟังมาให้ 3 คู่ ในขนาดแตกต่างกัน, สายชาร์จ UCB Type-C และ คู่มือ
ดีไซน์
Redmi Buds 4 Pro มาในดีไซน์ที่เน้นความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ส่วนขอบโค้งมน ขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียงข้างละประมาณ 5 กรัม และยังได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อลดแรงกดในช่องหู ช่วยให้สวมใส่สบายตลอดทั้งวัน และยังแถมจุกหูฟังมาให้ 3 คู่ ในขนาดแตกต่างกัน เพื่อให้เลือกใช้ขนาดที่พอดีกับช่องหูมากที่สุด
Redmi Buds 4 Pro ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black และ สีขาว Moon White ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับสีขาวมารีวิว โดยใช้โทนสีเดียวกันทั้งเคสชาร์จและหูฟัง โดยหูฟังทั้ง 2 ข้าง ได้รับการออกแบบท่ให้สามารถต้านทานฝุ่นและกันน้ำในระดับ IP54 ช่วยให้ผู้สวมใส่เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงขณะออกกำลังกายได้อย่างไร้กังวล
ส่วนก้านของหูฟังแต่ละข้าง มีเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้รองรับการควบคุมแบบสัมผัส ไม่ว่าจะควบคุมเพลง หรือ เปลี่ยนโหมดใช้งาน ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว
สำหรับเคสชาร์จ เมื่อมองจากด้านหน้าหรือด้านหลัง จะดูคล้ายก้อนสบู่ ด้านหน้ามีไฟ LED แสดงสถานะ 1 ดวง
ด้านหลังติดฉลากสติกเกอร์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
ด้านบนแน่นอนว่าเป็นฝาปิดเคสชาร์จ ซึ่งให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรงดี
ด้านล่างมีพอร์ต UCB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และปุ่มสำหรับจับคู่ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth
ไดรเวอร์คู่ให้คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม
เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์หูฟัง จึงไม่แน่าแปลกใจที่ Redmi Buds 4 Pro จะถูกสร้างมาเพื่อมุ่งเน้นไปที่คุณภาพเสียงเป็นพิเศษ โดยเป็นหูฟังรุ่นแรกของ Redmi Buds Series ที่ใช้ระบบไดรเวอร์ไดนามิค 2 ตัว ประกอบด้วย ไดอะแฟรมอลูมิเนียมอัลลอย ขนาด 10 มิลลิเมตร + ไดอะแฟรมไทเทเนียม ขนาด 6 มิลลิเมตร สำหรับความถี่เสียงแหลม จึงให้เสียงแหลมที่คมชัด และเสียงเบสที่หนักแน่น
Redmi Buds 4 Pro ยังสนับสนุนระบบเสียงความละเอียดสูงแบบไร้สาย Hi-Res Audio Wireless จึงสามารถถ่ายทอดคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม และรองรับตัวแปลงสัญญาณเสียงแบบ LDAC ขั้นสูง ช่วยให้ผู้สวมใส่เพลิดเพลินไปกับเสียงไร้สายคุณภาพสูงผ่าน Bluetooth ได้อย่างเต็มที่
ระบบเสียงสมจริง
Redmi Buds 4 Pro ยกระดับประสบการณ์การฟังด้วยระบบเสียงที่สมจริง ซึ่งสามารถกำหนดตำแหน่งเสียงรอบตัวผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ โดยใช้อัลกอริธึมเสียง HRTF ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Xiaomi เพื่อจำลองเสียงในชีวิตจริง ทำให้ผู้สวมใส่ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงที่สมจริง และถ้าเป็นการฟังขณะรับชมวิดีโอ ก็จะได้รับประสบการณ์เหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์
ระบบตัดเสียงรบกวน ANC
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจของ Redmi Buds 4 Pro คือ ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแบบไฮบริดแอกทีฟ Active Noise Cancelling รองรับช่วงความถี่กว้าง 30 – 3000Hz สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุด 43 เดซิเบล ทำให้ผู้สวมใส่รับฟังเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ได้ยินเสียงกวนใจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เสียงกดปุ่มบนแผงคีย์บอร์ด หรือ แม้แต่เสียงแตรรถ
ผู้สวมใส่สามารถปรับระบบตัดเสียงรบกวนแบบได้ 3 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมว่ามีเสียงรบกวนมากน้อยขนาดไหน ได้แก่ Light Mode (เหมาะสำหรับใช้งานในห้องสมุด หรือ ที่ทำงาน), Balanced Mode (เหมาะสำหรับการใช้งานในสวนสาธารณะ หรือ ร้านอาหาร) และ Deep Mode (เหมาะสำหรับใช้งานในสถานีรถไฟ หรือ สนามบิน) หรือ จะให้หูฟังปรับระบบตัดเสียงรบกวนโดยอัตโนมัติ ก็ทำได้เช่นกันด้วย Adaptive Mode โดยหูฟังจะตรวจจับเสียงรบกวนรอบข้างแล้วปรับระบบตัดเสียงรบกวนตามความเหมาะสม
Redmi Buds 4 Pro ยังมีโหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode หรือ Enhance Voice Mode) มาให้ใช้งานด้วย เพื่อให้ได้ยินเสียงสภาพแวดล้อม แวะทักทายกับคนรอบข้าง หรือ รอฟังเสียงประกาศจากสถานที่นั้น โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกจากหู นอกจากนี้ Redmi Buds 4 Pro ยังให้การสนทนาแบบแอนด์ฟรีที่คมชัด ด้วยการติดตั้งไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน 3 ตัว ช่วยกรองเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพในระหว่าการโทร
เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน
Redmi Buds 4 Pro ถูกออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน (Dual-device connectivity) ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้ง 2 เครื่องได้อย่างง่ายดาย โดยรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android, iOS และ Windows
Redmi Buds 4 Pro รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด และสามารถจับคู่กับอุปกรณ์ที่ทำงานบน MIUI ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพียงเปิดฝาเคสชาร์จใกล้กับอุปกรณ์ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่รองรับ Quick Pairing ก็สามารถจับคู่ผ่านการตั้งค่า Bluetooth ได้ไม่ยาก
อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 36 ชั่วโมง
หูฟัง Redmi Buds 4 Pro รองรับการใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 9 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งรอบ และยังสามารถชาร์จผ่านเคสได้อีก 3 รอบ หมายความว่า สามารถพกพา Redmi Buds 4 Pro ติดตัวไปใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 36 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมองหาจุดชาร์จแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับนำไปใช้งานระหว่างเดินทางไกล และใช้งานได้ตลอดทั้งวันอย่างไร้กังวล
สรุปราคาและการจำหน่าย
Redmi Buds 4 Pro เป็นหูฟังไร้สายที่มีดีไซน์ทันสมัย โดดเด่นที่คุณภาพเสียงระดับพรีเมียมจากไดรเวอร์ไดนามิกแบบคู่ที่ไม่ค่อยพบในคู่แข่งระดับเดียวกัน อีกทั้งยังรองรับระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับได้ตามสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน และให้อายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 36 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาหูฟังไร้สาย TWS ไว้ฟังเพลงขณะเดินทางไกล และสามารถใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน
Redmi Buds 4 Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Moon white และ Midnight Black วางจำหน่ายในราคา 2,290 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม