ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดสำหรับ iPad กำลังจะถูกปล่อยออกมาให้อัปเดทในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ Apple ได้ปล่อยเวอร์ชั่นทดสอบ รวมถึงมีการประกาศฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาแล้วในงานประชุม WWDC ที่ผ่านมา ทีมงาน @Flashfly จึงได้รวบรวมฟีเจอร์เด่นๆ ของ iPadOS 16 และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน iPad มาไว้ที่นี่ ส่วนจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลย
ในภาพรวม iPadOS 16 จะได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ แบบเดียวกับที่ Apple อัปเดทให้กับ iOS 16 แต่จะมีบางฟีเจอร์ที่พบได้เฉพาะใน iPad เท่านั้น เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่า และ Apple ต้องการยกระดับ iPad ให้รองรับการทำงานได้มากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานร่วมกัน จะพบว่าหลายฟีเจอร์ใน iPadOS 16 ได้รับการออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานร่วมกันได้ จากคนละที่ คนละอุปกรณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานแบบ Work from Home อย่างมาก
การทำงานร่วมกันในแอป Messages
แอป Messages ใน iPadOS 16 ได้รับการปรับปรุงให้สามารถทำงานร่วมกันและจัดการกับคอนเทนต์ที่แชร์ระหว่างแอป Files, Keynote, Numbers, Pages, Notes, Reminders และ Safari ตลอดจนแอปของบริษัทอื่นได้อย่างง่ายดาย โดยเริ่มจากการส่งคำเชิญไปยังกลุ่มหรือเพื่อนๆ ที่ต้องทำงานด้วยกัน ผ่านทางแอป Messages ทุกคนในหัวข้อการสนทนากลุ่มก็จะถูกเพิ่มไปยังเอกสาร สเปรดชีต และโปรเจ็กต์ โดยอัตโนมัติ
หากมีสมาชิกคนใดในกลุ่มแก้ไขไฟล์ที่แชร์ ทุกคนก็จะเห็นการอัปเดทดังกล่าวอยู่ด้านบนสุดของหัวข้อการสนทนากลุ่มทันที และเมื่อผู้ใช้งานกำลังทำงานในโปรเจ็กต์ที่ต้องร่วมมือกัน ทุกคนจะสามารถข้ามไปยังบทสนทนาที่เกี่ยวข้องในแอป Messages ได้อย่างง่ายดาย หรือเพียงแค่แตะครั้งเดียวก็สามารถเริ่มโทร FaceTime กับสมาชิกในกลุ่มได้ทันที
แอป Messages ใน iPadOS 16 ยังได้รับฟีเจอร์ใหม่แบบเดียวกับ iOS 16 นั่นคือ ความสามารถในการแก้ไขหรือลบข้อความที่เพิ่งส่งออกไป รวมถึงกู้คืนข้อความที่เพิ่งลบทิ้งไป และทำเครื่องหมายการสนทนาให้เป็นสถานะยังไม่ได้อ่าน เพื่อจะได้ย้อนกลับมาอ่านในภายหลัง นอกจากนี้ ผู้ใช้ iPad ยังสามารถเริ่มเซสชั่น SharePlay ได้จากแอปข้อความ ดังนั้นจึงเลือกกิจกรรมที่แชร์ได้ทันที อาทิ ภาพยนตร์ รายการทีวี การออกกำลังกาย และ เกม เพื่อจะได้สนุกไปพร้อมกันขณะที่กำลังแชทผ่านแอป Messages
การทำงานร่วมกันในแอป Safari
แอปพลิเคชั่น Safari ใน iPadOS 16 ก็ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานร่วมกันได้ โดยสามารถแชร์กลุ่ม Tab และ Bookmarks ร่วมกับเพื่อน และมองเห็นการอัปเดตในทันทีขณะทำงานด้วยกัน และยังเริ่มต้นการสนทนาได้โดยตรงจาก Safari อีกทั้งกลุ่ม Tab ยังมีหน้าเริ่มต้นแยกต่างหากที่สามารถปรับแต่งภาพพื้นหลัง ที่คั่นหน้า และส่วนเฉพาะ ซึ่งทุกคนสามารถมองเห็นและแก้ไขได้ นอกจากนี้ การท่องเว็บใน Safari ยังมีความปลอดภัยกว่าที่เคยด้วยพาสคีย์ ซึ่งเป็นวิธีลงชื่อเข้าที่ใช้งานง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
Freeform พื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกัน
iPadOS 16 เวอร์ชั่น Public Beta ในปัจจุบัน ยังไม่ได้ปล่อยแอป Freeform ออกมาให้ใช้งาน แต่คาดว่าเจ้าของ iPad จะได้ใช้งานกันอย่างแน่นอนภายในปีนี้ ช่วยให้ผู้ร่วมงานสามารถเริ่มเซสชั่นได้จาก FaceTime และมองเห็นการอัปเดตคอนเทนต์โดยผู้อื่นได้โดยตรงในหัวข้อการสนทนากลุ่มของแอป Messages
Freeform เป็นแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นมาให้ทำงานร่วมกัน เปรียบเสมือนเป็นกระดานไวท์บอร์ดที่แขวนไว้บนผนังของบริษัทหรือในห้องเรียน ที่สามารถแชร์ให้สมาชิกในกลุ่มมองเห็นและเข้ามาใช้งานได้ ไม่ว่าจะมีการเพิ่มหรือแก้ไขคอนเทนต์ ทุกๆ ก็จะได้เห็นไปพร้อมกันแบบเรียบไทม์ โดยแอป Freeform ยังออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ Apple Pencil ได้อย่างสมบูรณ์
Stage Manager
ตัวจัดการให้อยู่ตรงกลาง หรือ Stage Manager เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ iPad รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ หรือ ใช้งานหลายแอปพร้อมกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดแอปในรูปแบบหน้าต่างซ้อนทับกันภายใต้มุมมองเดียวกัน สามารถลากและวางหน้าต่างจากด้านข้าง และสามารถเปิดแอปจาก Dock เพื่อสร้างกลุ่มแอปสำหรับการทำงานมัลติทาสก์ที่รวดเร็วและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ขณะที่หน้าต่างแอปที่กำลังใช้งานจะแสดงผลโดดเด่นอยู่ตรงกลาง ส่วนแอปและหน้าต่างอื่นๆ ที่เปิดอยู่ จะจัดเรียงเอาไว้ทางด้านซ้ายตามลำดับล่าสุด
ฟีเจอร์ Stage Manager รองรับการเปิดแอปพร้อมกันสูงสุด 4 แอปบนหน้าจอ iPad แต่เมื่อเชื่อมต่อ iPad กับจอภาพภายนอก จะสามารถเปิดแอปได้สูงสุด 8 แอป (แบ่งเป็น 4 แอปบน iPad และอีก 4 แอปบนจอภาพภายนอก) อีกทั้งยังรองรับจอภาพภายนอกที่มีความละเอียดสูงถึง 6K และทำงานควบคู่กัน 2 จอ สามารถลากและวางไฟล์ระหว่างหน้าจอ iPad กับจอภาพภายนอกได้อย่างราบรื่น และยิ่งเชื่อมต่อกับเม้าส์และแผงคีย์บอร์ด ก็ยิ่งทำให้ iPad ตอบสนองการทำงานได้แบบคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Stage Manager ในปัจจุบัน รองรับการใช้งานเฉพาะ iPad ที่ใช้ชิป M1 เท่านั้น
ปรับเทียบสีกับ Mac
ด้วยโหมดการอ้างอิง หรือ Reference Mode ใน iPadOS 16 จะทำให้ iPad สามารถแสดงผลสีอ้างอิงสำหรับมาตรฐานสีต่างๆ ซึ่งเป็นที่นิยม รวมไปถึงรูปแบบไฟล์วิดีโอ SDR และ HDR ไม่ว่าจะทำงานบน iPad เครื่องเดียว หรือ ใช้เป็นจอภาพอ้างอิงเมื่อจับคู่กับ Mac ผ่าน Sidecar เหมาะสำหรับมืออาชีพด้านครีเอทีฟ ที่ให้ความสำคัญกับสีสันที่ถูกต้องและคุณภาพของภาพ
ปัจจุบัน Reference Mode รองรับเฉพาะ iPad ที่ใช้จอภาพ Liquid Retina XDR เท่านั้น ซึ่งก็มีเพียง iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) และทำงานร่วมกับ Mac ที่ใช้ชิปของ Apple Silicon
ขยาย RAM ได้สูงสุด 16GB
iPadOS 16 มาพร้อมฟีเจอร์การจำลองพื้นที่หน่วยความจำเสมือน แต่ในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Virtual Memory Swap ทำให้ iPad มีความจำ RAM เพิ่มขึ้น สูงสุด 16GB โดยอาศัยการแชร์พื้นที่ของตัวจัดเก็บข้อมูลภายใน มาสร้างเป็นหน่วยความจำเสมือน สำหรับแอปที่ต้องประมวลผลหนักๆ ทำให้การทำงานมัลติทาสก์เป็นไปอย่างราบรื่น
ปัจจุบัน ฟีเจอร์ Virtual Memory Swap รองรับการใช้งานเฉพาะ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) และ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) รวมถึง iPad Air (รุ่นที่ 5) ที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขั้นต่ำ 256GB
แอป Weather
ในที่สุด iPadOS 16 ก็นำแอปพลิเคชั่นสภาพอากาศ หรือ Weather มาสู่ iPad แล้ว โดยแสดงผลด้วยภาพเคลื่อนไหวที่สวยงาม และออกแบบมาให้ใช้ประโยชน์จากจอภาพขนาดใหญ่ของ iPad ได้อย่างเต็มที่ เพียงแตะครั้งเดียวก็มองเห็นข้อมูลสภาพอากาศที่สำคัญที่สุด หรือจะสำรวจแผนที่ เพื่อตรวจสอบปริมาณฝน คุณภาพอากาศ และอุณหภูมิ
ผู้ใช้งาน iPad ยังได้รับการแจ้งเตือน หากมีการประกาศเตือนสภาพอากาศที่รุนแรงในพื้นที่ของผู้ใช้งาน ซึ่งในไทยจะอ้างอิงข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา และยังสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศได้ตามสเกลรหัสสี
Scribble รองรับภาษาไทย
เมื่อใช้ Apple Pencil ขีดเขียนข้อความด้วยลายมือเป็นภาษาไทย iPad ก็จะแปลงลายมือเป็นตัวอักษรดิจิทัลโดยอัตโนมัติ จากเดิมที่ใช้ได้เฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น และ Scribble ยังสามารถแปลงเป็น Emoji ได้อีกด้วย สำหรับการขีดเขียนข้อความด้วยลายมือในแอป Notes ก็จะออกมาสวยงามขึ้น เพราะมีการเพิ่มฟีเจอร์ Handwriting straightening ช่วยปรับโน้ตที่เขียนด้วยลายมือให้ตรงและเป็นระเบียบ
ใช้งาน Live Text กับวิดีโอ
ฟีเจอร์ Live Text ถูกเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เวอร์ชั่นก่อน แต่ใน iPadOS 16 และ iOS 16 ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานกับวิดีโอได้ด้วย แต่ก็ต้องหยุดเล่นวิดีโอให้เป็นภาพนิ่งก่อนอยู่ดี จากนั้นผู้ใช้งานก็สามารถโต้ตอบกับข้อความบนวิดีโอที่ถูกกดหยุดชั่วคราว เพื่อแปลภาษา แปลงหน่วยวัด หรือ แปลงสกุลเงิน ได้อย่างรวดเร็ว
Dicut ภาพได้ง่ายๆ
เช่นเดียวกับ iOS 16 ฟีเจอร์ Visual Look Up ของ iPadOS 16 ก็ได้รับการปรับปรุงด้วยเช่นกัน ช่วยแยกวัตถุออกจากพื้นหลังในรูปภาพ หรือ Dicut ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการแยกบุคคล สัตว์ หรือ รูปปั้น เพียงแตะที่วัตถุนั้นค้างไว้ แล้วลากออกไปวางในแอปอื่นๆ ได้ทันที ซึ่งรองรับการใช้งานทั้งแอป Photos หรือ รูปภาพ Screenshot, Quick Look, Safari, Files หรือแม้แต่ภาพนิ่งจากวิดีโอที่เปิดดูผ่านแอป Photos เพียงกดหยุดชั่วคราว
แอป Mail ฉลาดกว่าที่เคย
แอปพลิเคชั่น Mail ใน iPadOS 16 อนุญาตผู้ใช้งานสามารถยกเลิกการส่งข้อความภายในช่วงเวลาที่กำหนดก่อนที่ข้อความดังกล่าวจะไปถึงกล่องเข้าของผู้รับ สามารถกำหนดเวลาการส่งอีเมลให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด และยังสามารถย้ายอีเมลที่ส่งแล้วไปยังด้านบนสุดของ Inbox เพื่อให้สามารถส่งข้อความติดตามเรื่องได้อย่างรวดเร็ว และยังมีฟีเจอร์ Remind Later สามารถตั้งค่าให้ข้อความแสดงขึ้นมาใหม่ตามวันที่และเวลาใดก็ได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังได้รับการแจ้งเตือนหากลืมใส่ส่วนสำคัญของข้อความ เช่น ไฟล์แนบ หรือ ผู้รับ รวมไปถึงการปรับปรุงการค้นหา เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์และถูกต้องยิ่งขึ้น
แอป Files ให้ประสบการณ์คล้าย Finder
iPadOS 16 ยกระดับแอปพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้มีประสบการณ์การทำงานระดับเดสก์ท็อป โดยเฉพาะแอป Files ที่ได้รับการปรับปรุงจนเทียบเท่าการใช้งาน Finder ใน Mac เริ่มตั้งแต่ปุ่มนำทาง ทำให้คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับไฟล์เป็นระเบียบและหาเจอได้ง่ายขึ้น และสามารถข้ามโฟลเดอร์แยกย่อยได้, การจัดเรียงคอลัมน์ตามประเภทไฟล์ ช่วยให้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น และยังสามารถดูขนาดการจัดเก็บข้อมูลของโฟลเดอร์รวมทั้งโฟลเดอร์ย่อยและไฟล์ทั้งหมดที่เก็บอยู่ข้างในได้
แอป Files ใน iPadOS 16 ยังสามารถเปลี่ยนนามสกุลไฟล์ได้อย่างง่ายดายเพียง Rename แล้วใส่นามสกุลใหม่ที่ต้องการแปลงไฟล์ อีกทั้งยังมีมุมมองเมนู Open และ Save แบบรวม ช่วยให้บันทึกไฟล์รวมกับไฟล์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันได้ง่าย และเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ให้สอดคล้องกัน เพื่อให้ไฟล์ต่างๆ เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีแถบด้านข้างที่แสดงไดรฟ์ภายนอก และผู้ให้บริการระบบคลาวด์ในที่เดียว ผู้ใช้งานจึงสามารถเปิดไฟล์ที่เก็บไว้จากตรงไหนก็ได้
ปรับปรุง Game Center
นอกจากจะปรับรุงด้านการทำงานร่วมกันแล้ว iPadOS 16 ยังปรับปรุงให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมร่วมกันด้วย โดยมีการออกแบบแดชบอร์ดใหม่ ให้ผู้ใช้งานมองเห็นเกมที่เพื่อนกำลังเล่น พร้อมด้วยข้อมูลความสำเร็จ และคะแนนสูงสุดในเกมต่างๆ ซึ่งรวมไว้ในที่เดียว อีกทั้งยังผสานการทำงานกับ SharePlay ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถเริ่มเล่นเกมแบบผู้เล่นหลายคนร่วมกับเพื่อนผ่านการโทร FaceTime ได้โดยอัตโนมัติ
iPadOS 16 ยังได้รับการปรับปรุงให้เล่นเกมบน iPad ได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น พร้อมแสดงกราฟิกได้ราบรื่นขึ้น ด้วย Metal 3 และ MetalFX Upscaling ช่วยให้เกมสามารถเรนเดอร์ฉากที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น โดยใช้วิธีอัปสเกลเพื่อขยายขนาดภาพอย่างชาญฉลาดพร้อมลบรอยหยักแบบอ้างอิงการเคลื่อนไหวเพื่อให้ได้อัตราเฟรมที่สูงขึ้น การตอบสนองที่รวดเร็วฉับไวและภาพที่สวยจับใจ
รายชื่อ iPad ที่รองรับ iPadOS 16
- iPad Pro (ทุกรุ่น)
- iPad Air (รุ่นที่ 3 และใหม่กว่า)
- iPad (รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า)
- iPad mini (รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า)
ทั้งนี้ Apple ได้ปล่อย iPadOS 16 เวอร์ชั่น Public Beta ออกมาให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ทดลองใช้งานแล้ว สำหรับเจ้าของ iPad ที่อยู่ในรายชื่อข้างบน สามารถอ่านวิธีติดตั้ง iPadOS 16 เวอร์ชั่น Public Beta เพื่อทดสอบได้ที่นี่!!
อย่างไรก็ตาม iPadOS 16 เวอร์ชั่น Beta เป็นเวอร์ชั่นที่ยังไม่มีความเสถียร จึงอาจพบปัญหาระหว่างการใช้งานได้ ดังนั้น ก่อนทำการติดตั้งเวอร์ชั่น Beta ควรสำรองข้อมูลก่อน เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ iOS 15 ได้ หากเปลี่ยนใจ หรือ ติดตั้งลงใน iPad ที่เป็นเครื่องสำรอง แต่ถ้าไม่รีบร้อนจนเกินไป คาดว่า Apple จะปล่อยiPadOS 16 เวอร์ชั่นเสถียร ออกมาให้อัปเดทในช่องทางปกติ ภายในเดือนกันยายนนี้