มาแล้วแฟลกชิปรุ่นใหม่ล่าสุดจาก realme ที่หลายคนรอคอยหลังจากส่ง realme GT Neo 2 ออกมาเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนเรือธงในปีที่แล้ว ล่าสุด realme ก็ได้เปิดตัวทายาทโดยตรงพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ realme GT Neo 3 และ realme GT Neo 3T ซึ่งทั้งคู่มีดีไซน์คล้ายกันแถมยังมีลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลายของรถแข่ง และลายตารางหมากรุก โดดเด่นที่จอแสดงผล AMOLED ให้อัตราการรีเฟรชสูง 120Hz ใช้ชิประดับเรือธง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และรองรับชาร์จไว 80W SuperDart Charge ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร? ทีมงาน @Flashfly พร้อมรีวิวให้ชมแล้ว
สเปก realme GT Neo 3
- จอแสดงผล Full HD+ ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
- กล้องหลัง 50MP AI Triple Camera
- กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8100 5G
- ความจำ RAM 8GB + ROM 256GB
- ลำโพงคู่, ระบบเสียง Dolby Atmos
- ไมโครโฟนคู่ ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
- เซ็นเซอร์ Magnetic Induction Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor. Gyro-meter, Acceleration Sensor, Hall Sensor, Ultra-fast In-display Fingerprint Sensor
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 5,000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SuperDart Charge
- ขนาดตัวเครื่อง 163.3 x 75.6 x 8.2 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 188 กรัม
สเปก realme GT Neo 3T
- จอแสดงผล Full HD+ ขนาด 6.62 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
- กล้องหลัง 64MP AI Triple Camera
- กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 5G
- ความจำ RAM 8GB + ROM 256GB
- ลำโพงคู่, ระบบเสียง Dolby Atmos
- ไมโครโฟนคู่ ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
- เซ็นเซอร์ Magnetic Induction Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor. Gyro-meter, Acceleration Sensor, In-display Optical Fingerprint
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 5,000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SuperDart Charge
- ขนาดตัวเครื่อง 162.9 x 75.8 x 8.65 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 194.5 กรัม
แกะกล่อง realme GT Neo 3 และ realme GT Neo 3T
realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีดำ หน้ากล่องพิมพ์ชื่อรุ่น GT Neo 3 และ GT Neo 3T ไว้อย่างชัดเจน พร้อมด้วยโลโก้ 5G ที่มุมบน และโลโก้ realme ขนาดใหญ่ติดไว้ที่ขอบมุมกล่อง
หลังกล่อง realme GT Neo 3 บอกจุดเด่นไว้ 4 รายการ ได้แก่ รองรับชาร์จเร็ว 80W SuperDart Charge, ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8100 5G, มีชิปการ์ดจอติดตั้งแยกมาให้ และ กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 OIS ส่วนหลังกล่อง realme GT Neo 3T ระบุจุดเด่นไว้ 4 รายการ เช่นกัน ได้แก่ รองรับชาร์จเร็ว 80W SuperDart Charge, ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 5G, จอแสดงผล AMOLED วัสดุ E4 ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และ มีระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapour Cooling+
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสารสีขาว ที่มีข้อความต้อนรับเข้าสู่ครอบครัว realme ภายในมีคู่มือ Quick Guide และ ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ (รวมถึงใบรับประกัน)
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ซึ่งถูกห่อหุ้มไว้ในซองเพื่อป้องกันริ้วรอยในระหว่างขนส่ง อีกทั้งยังระบุตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอเอาไว้ด้วย และเมื่อแกะซองออกไป จะพบว่าสมาร์ทโฟนได้รับการติดฟิล์มป้องกันรอยหน้าจอมาให้แล้ว
หลังจากหยิบถาดรองสมาร์ทโฟนออกไป จะพบว่าในกล่องแถมเคสมาให้ด้วย
ชั้นล่างสุดเป็นช่องเก็บอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 80W Power Adapter
สายชาร์จแบบ USB Type-C ถูกเก็บแยกไว้อีกช่อง รวมกับเข็มช่วยถอดถาดซิมการ์ดที่แนบมากับแผ่นกระดาษ
ดีไซน์จากความแรงของรถแข่ง
การออกแบบของ realme GT Neo 3 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลายของรถแข่ง (Racing Stripe Design) ขณะที่ realme GT Neo 3T ก็นำธงลายหมากรุกจากเส้นชัยของสนามแข่ง (Racing Flag Design) มาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเช่นกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ถูกสร้างมาให้มีความแรงและเร็ว
realme GT Neo 3 ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เรียกว่าสีน้ำเงิน Nitro Blue โดยผ่านกระบวนการผลิตกระจก AG ชั้นนำของอุตสาหกรรม ช่วยลดอัตราการสะท้อนแสงจาก 8% เหลือ 5% ของกระจก AG แบบเดิม จึงทำให้มีความละเอียดอ่อน อบอุ่น ให้สัมผัสที่อ่อนโยน และยังช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือ
realme GT Neo 3 สีน้ำเงิน Nitro Blue ยังใช้เทคนิคการเคลือบผิวแบบไล่ระดับของเฉดสีน้ำเงิน และเพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยแถบเส้นคู่สีขาว ซึ่งเป็นสไตล์ของรถสปอร์ตที่มีความแรง นอกจากนี้ ยังมีอีกตัวเลือกเป็นสีขาว Sprint White ตกแต่งด้วยแถบเส้นคู่สีดำ และยังมีสีดำ Asphalt Black สำหรับผู้ใช้งานที่ชอบความคลาสสิค
สำหรับ realme GT Neo 3T ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เป็นสีดำ Shade Black ไม่มีลายตารางหมากรุกเหมือนกับสีเหลือง Dash Yellow แต่ดีไซน์ในภาพรวมก็ไม่ได้แตกต่างกัน
ถึงแม้ภาพรวมของ realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T จะดูคล้ายกัน แต่ก็สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้ ได้อย่างชัดเจนที่จอแสดงผล เนื่องจาก realme GT Neo 3 มีขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว และเจาะหลุมไว้ที่กึ่งกลางใต้ลำโพงหูฟัง ขณะที่ realme GT Neo 3T เจาะหลุมไว้ที่มุมบนขวาของจอแสดงผล และมีขนาดหน้าจอ 6.62 นิ้ว
ด้านหลังของทั้งคู่ มาพร้อมระบบกล้อง 3 ตัว จัดวางอยู่ในกรอบกันชนสี่เหลี่ยมที่คล้ายกัน แต่มีการจัดวางเลนส์กล้องไม่เหมือนกัน realme GT Neo 3 วางกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ไว้ด้านบน และวางกล้อง Ultra Wide กับกล้อง Macro ไว้คู่กันที่ด้านล่าง
realme GT Neo 3T วางระบบกล้องหลัง 3 ตัว เช่นกัน แต่ติดตั้งในลักษณะสลับฟันปลา ประกอบด้วยกล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide และ กล้อง Macro
เมื่อวัดกันที่ความบาง realme GT Neo 3 มีขอบด้านข้างที่บางเพียง 8.2 มิลลิเมตร ขณะที่ realme GT Neo 3T มีความบาง 8.65 มิลลิเมตร
การจัดวางปุ่มด้านข้างของทั้งคู่นั้นเหมือนกัน โดยติดตั้งปุ่มเพาเวอร์แยกไว้ทางซ้ายของจอแสดงผล ส่วนปุ่มเพิ่มและปุ่มลดระดับเสียงวางอยู่อีกข้าง
ด้านบนจะเห็นว่า realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T ได้รับการติดตั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 เหมือนกัน
มุมมองด้านล่างจะพบว่าทั้ง 2 รุ่น แชร์ดีไซน์ร่วมกัน ด้วยการจัดวางถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพงตัวหลัก ในตำแหน่งเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นลำโพงแบบสเตอริโอทั้ง 2 รุ่น (ขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านบนที่ติดตั้งไว้เหนือจอแสดงผล)
จอสวยทัชลื่น 120Hz AMOLED
realme GT Neo 3 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว มีความลึกสีระดับ 10-bit หรือ 1.07 พันล้านสี ให้สีสันมีชีวิตชีวามากขึ้นถึง 64 เท่า เมื่อเทียบกับจอแสดงผลทั่วไปที่มีระดับ 8-bit อีกทั้งยังรองรับขอบเขตสี DCI-P3 100% ความแม่นยำของสี JNCD ≈ 0.4 อัตราความคมชัด 5,000,000:1 และให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
จอแสดงผลของ realme GT Neo 3 ยังใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิต COP packaging เจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีการย่อส่วนล่างของหน้าจอให้สั้นลงเหลือ 2.37 มิลลิเมตร ทำให้หน้าจอโดยรวมดูดีขึ้น จนมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 94.2%
realme GT Neo 3T มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED เช่นเดียวกัน โดยใช้วัสดุ E4 ช่วยประหยัดพลังงานได้ดีกว่า 15% เมื่อเทียบกับวัสดุ E3 มีความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.62 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 92.6% รองรับขอบเขตสี DCI-P3 100% อัตราความคมชัด 5,000,000:1 และให้ความสว่างสูงสุด 1,300 นิต
จอแสดงผลของ realme GT Neo 3T ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 360Hz และสามารถปรับระดับความสว่างได้สูงสุดถึง 16,000 ระดับ ตามแสงของสภาพแวดล้อม เพื่อให้สบายตามากที่สุด
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T ใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบเดียวกัน ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล สามารถอ่านลายนิ้วมือและปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เพียงวางนิ้วบนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และสามารถบันทึกประวัติอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อตรวจสอบย้อนหลังได้อีกด้วย โดยไม่ต้องจำเป็นต้องใช้สมาร์ทวอทช์หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก
นอกจากนี้ realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T ยังสามารถปลดล็อกสมาร์ทโฟนด้วยการสแกนใบหน้าได้ทั้งคู่ โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับกล้องหน้าความละเอียดสูง ช่วยในการระบุใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟนได้อย่างแม่นยำ
กล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera
realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T วางระบบกล้องหลัง 3 ตัว ในรูปแบบเดียวกัน ประกอบด้วย กล้องหลัก + กล้อง Ultra Wide + กล้อง Macro โดยมีสเปกกล้องหลักที่แตกต่างกัน แต่ประสบการณ์การใช้งานไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากทำงานบนระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นเดียวกัน (realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12)
กลัองหลัง realme GT Neo 3
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 OIS ขนาดใหญ่ 1/1.56 นิ้ว เลนส์ 6P รูรับแสง F1.88
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.25 มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ช่วยถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร
กลัองหลัง realme GT Neo 3T
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/2 นิ้ว เลนส์ 6P รูรับแสง F1.79
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.25 มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ช่วยถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร
ถึงแม้กล้องหลักของ realme GT Neo 3T จะมีตัวเลขความละเอียดที่สูงกว่า แต่กล้องหลักของ realme GT Neo 3 มีความโดดเด่นกว่าที่เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี ProLight Imaging ช่วยให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยออกมาสว่าง คมชัด ด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.56 ขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบคู่ OIS + EIS และยังมีระบบโฟกัสที่ทำงานรวดเร็ว Full Pixel Omni-Directional Focus
ในแอปกล้องของ realme GT Neo 3 Series จะพบกับโหมด Night, Street, Video, Photo, Portrait, 50MP/64MP ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวดไว้ใน More ได้แก่ Pro, Pano, Ultra Macro, Movie, Slo-mo, Time-lapse, Dual-view Video, Text Scanner และ Tilt-Shift
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6 เท่า (เปิดใช้กล้อง Ultra Wide) จนสูงสุด 20 เท่า ในรูปแบบดิจิทัลซูม มาพร้อมฟีเจอร์ HDR และ AI เข้าถึงได้จากแถบเครื่องมือด้านบน ขณะที่ไอคอนมุมล่างขวามือ สำหรับเข้าถึงฟีเจอร์ Retouch และ Filters
โหมด Portrait ช่วยให้ถ่ายภาพบุคคลออกมาโดดเด่นเป็นพิเศษ มาพร้อมฟีเจอร์ Retouch และมี Filters ช่วยปรับโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่าย เช่น Original, Dynamic bokeh, AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait สามารถละลายแสงของฉากหลังเป็นดวงไฟโบเก้อย่างสวยงาม
โหมด Street ช่วยให้ผู้ใช้งานกลายเป็นช่างภาพแนวสตรีทได้อย่างง่ายดาย โดยมีการเปลี่ยนช่วงของการซูมเป็นระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส 16mm – 120mm และมี Filters ให้เลือกหลายแบบ ได้แก่ 90’s Pop ให้ภาพถ่ายออกมาในแนวคลาสสิกร่วมสมัย รวมถึง Street, B&W Plus, Dramatic, Modern gold, Cyberpunk, Flamingo เป็นต้น
โหมด Video สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที มีฟีเจอร์ละลายฉากหลังด้วยการปรับค่า F มีไอคอนมุมล่างขวามือ สำหรับเข้าถึงฟีเจอร์ Retouch และ Filters ซึ่งมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait แถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์ AI Highlight Video ช่วยให้วิดีโอออกมาสวยงามคมชัดในทุกสภาพแสง
โหมด Night ได้รับการปรับปรุงให้ถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้สว่างคมชัดมากขึ้น โดยเฉพาะกล้องของ realme GT Neo 3 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Nightscape Accelerator ช่วยลดระยะเวลาในการถ่ายภาพโหมดกลางคืนได้ถึง 71.4% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จากระยะเวลาประมาณ 2 – 4 วินาที เหลือเพียง 0.8 วินาที จึงสามารถเก็บภาพยามค่ำคืนได้อย่างรวดเร็วทันใจ รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6 เท่า (เปิดใช้กล้อง Ultra Wide) จนสูงสุด 10 เท่า มาพร้อม Filters: Original, Modern gold, Cyberpunk, Flamingo, Astral และ Dazzle
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
ถึงแม้กล้องหน้าของทั้งคู่ จะถูกติดตั้งในตำแหน่งที่แตกต่างกัน แต่ก็ให้ประสบการณ์ในการถ่ายเซลฟี่ที่คล้ายกัน เนื่องจากใช้กล้องหน้าความละเอียดเท่ากัน 16 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง F2.45 แต่กล้องหน้าของ realme GT Neo 3 ดูเหมือนจะให้มุมมองที่กว้างกว่าเล็กน้อย 82.3 องศา ส่วนกล้องหน้าของ realme GT Neo 3T ให้มุมมองกว้าง 78 องศา
ทั้งคู่มีโหมดการใช้งานกล้องหน้าที่คล้ายกัน เนื่องจากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นเดียวกัน โดยรองรับโหมด Photo ที่มีเครื่องมือปรับแต่งความงามบนใบหน้า ผ่านฟีเจอร์ Retouch สามารถปรับรายละเอียดของใบหน้าได้อย่างละเอียด ทั้งผิว, แก้มหรือโครงสร้างใบหน้า, ขนาดดวงตาและจมูก อีกทั้งยังมี Filters ให้เลือกใช้หลายแบบ สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพเซลฟี่ ส่วนแถบเครื่องมือด้านบนจะพบกับฟีเจอร์ HDR และตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าอัตโนมัติ
โหมด Portrait มีการเพิ่มเครื่องมือสำหรับปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง พร้อมฟีเจอร์ Retouch และ Filters แบบเดียวกับโหมด Photo และสามารถตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าอัตโนมัติได้จากแถบเครื่องมือด้านบน โหมด Night ของกล้องหน้า ไม่มี Filters มาให้ แต่มีฟีเจอร์ Retouch ที่สามารถปรับแต่งใบหน้าได้อย่างละเอียดเช่นเดียวกับโหมด Photo รวมถึงการตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าอัตโนมัติ
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที มีฟีเจอร์ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้แบบโหมด Portrait แต่ความละเอียดจะลดลงมาที่ HD 720p รองรับ Filters ที่น่าสนใจอย่าง AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait
ตัวอย่างภาพถ่าย realme GT Neo 3
ตัวอย่างภาพถ่าย realme GT Neo 3T
ชิปเรือธง Dimensity 8100 5G และ Snapdragon 870 5G
realme GT Neo 3 เป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่มแรก ที่ได้รับชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8100 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตระดับ 5 นาโนเมตร ของ TSMC ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa Core (Arm Cortex-A78 (4 core) ความเร็วสูงสุด 2.85GHz + Arm Cortex-A55 (4 core) ความเร็วสูงสุด 2.0GHz) ประหยัดพลังงานได้ดีกว่า 25% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity ระดับ 6 นาโนเมตร
ชิป MediaTek Dimensity 8100 5G มาพร้อมจีพียู Arm Mali-G610 MC6 ทำงานได้เร็วกว่า 20% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity 8000 และยังได้รับเทคโนโลยีเกมมิ่ง MediaTek HyperEngine 5.0 รุ่นล่าสุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้กับสมาร์ทโฟนในทุกๆ ด้าน
realme GT Neo 3T ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตระดับ 7 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa Core ความเร็วสูงสุด 3.2GHz ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 10% พร้อมด้วยจีพียู Adreno 650 ทำงานได้เร็วกว่า 10% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 865
ด้านความจำของ realme GT Neo 3 ได้รับ RAM 8GB แบบ LPDDR5 จับคู่กับ ROM 256GB แบบ UFS 3.1 ส่วน realme GT Neo 3T ได้รับ RAM + ROM ขนาดใหญ่เท่ากัน แต่ใช้มาตรฐาน RAM แบบ LPDDR4x นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังรองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion หรือ DRE สามารถขยายความจำ RAM เพิ่มได้สูงสุด 5GB จึงเปรียบเสมือนมี RAM 13GB ทำให้การใช้งานในรูปแบบ Multitasking หรือเปิดหลายแอปพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล
realme GT Neo 3 ใช้การ์ดจอแยก
ที่น่าสนใจก็คือ realme GT Neo 3 ยังใช้ชิปการ์ดจอแยก (Dedicated Display Processor) ช่วยประมาณการวิถีการเคลื่อนที่ของวัตถุผ่านชิปและอัลกอริทึม ซึ่งจะชดเชยการเคลื่อนไหวระหว่าง 2 เฟรม และปรับปรุงความเรียบเนียนของภาพ การใช้ชิปการ์ดจอแยก ยังช่วยแก้ไขภาพที่แสดงผลโดยจีพียูและส่งออกไปยังหน้าจอ ถือเป็นการแบ่งเบาภาระการทำงานยของจีพียู และลดการใช้พลังงานของสมาร์ทโฟนได้อีกทางหนึ่ง
ระบบระบายความร้อน
นอกจากชิปประมวลผลระดับเรือธง realme GT Neo 3 ยังได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapour Cooling ที่มีวัสดุสแตนเลสและทองแดงบริสุทธิ์รวมกันอยู่ในแผ่นระบายความร้อน VC ให้ประสิทธิภาพการกระจายความร้อนสูงกว่าวัสดุทองแดงบริสุทธิ์แบบดั้งเดิม realme GT Neo 3 ยังใช้วัสดุการนำความร้อนที่แข็งแกร่งที่สุดในธรรมชาติและโครงสร้างการกระจายความร้อน 9 ชั้น ครอบคลุมแหล่งความร้อนหลัก 100% และเมื่อเทียบกับ realme GT Neo 2 และมีพื้นที่ระบายความร้อนเพิ่มขึ้นถึง 120.86%
สำหรับ realme GT Neo 3T มาพร้อมระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling System Plus ครอบคลุมแหล่งความร้อนหลัก 100% โดยใช้โครงสร้างการกระจายความร้อน 8 ชั้นที่แข็งแกร่งที่สุด ประกอบด้วย แผ่นกราไฟท์, VC, Diamond Thermal Gel, ฟอยล์ทองแดง, เจล, PCB, ฟิล์มซิลิกอน + ฟอยล์ทองแดง และ กราฟีน สามารถลดอุณหภูมิแกนสูงสุด 18 องศาเซลเซียส และมีประสิทธิภาพสูงกว่า 20% เมื่อเทียบกับรุ่น GT Neo
ระบบระบายความร้อนของ realme GT Neo 3T มีขนาดพื้นที่ VC สแตนเลสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ realme เคยมีมา ครอบคลุมพื้นที่ขนาด 4,129 ตารางมิลลิเมตร อยู่บริเวณกลางของวัสดุผสมโลหะ ซึ่งมีค่าการนำความร้อนสูง ช่วยให้สมาร์ทโฟนมีประสิทธิภาพการกระจายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
โหมดเล่นเกม GT Mode 3.0
realme GT Neo 3 ได้รับการปรับปรุงโหมดเล่นเกมใหม่ด้วย GT Mode 3.0 (เปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็วผ่าน Quick Setting) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของซีพียู, อัตราการรีเฟรชหน้าจอ, อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส, เปิดระบบการสั่นแบบ 4D และปรับปรุงเสียงเอฟเฟกต์ ทำให้การเล่นเกมบน realme GT Neo 3 มีความสมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง รวมถึงการสัมผัสหน้าจอเพื่อควบคุมเกมก็ลื่นไหล และยังมี Tactile Engine ตอบสนองการเล่นเกมด้วยระบบสั่น 4 ทิศทาง จาก X-axis Linear Motor หรือ มอเตอร์สั่นเชิงเส้นบนแกน X
realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง ด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ ให้สีสันที่สวยงาม และยังได้รับการติดตั้งลำโพงคู่ ให้เสียงสเตอริโอ พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ยกระดับคุณภาพเสียงให้มีดังชัดเจนสมจริงมากยิ่งขึ้น
แบตใหญ่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 80W SuperDart Charge
realme GT Neo 3 และ GT Neo 3T มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เท่ากัน 5000mAh โดยใช้เทคโนโลยีโครงสร้างแบบเซลล์คู่ ช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้สมาร์ทโฟนมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ถึงแม้จะผ่านการชาร์จยาวนานกว่า 800 รอบ ก็ยังคงรักษาความจุแบตเตอรี่ได้ไม่น้อยกว่า 80%
สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ยังได้รับการปรับปรุงเทคโนโลยีชาร์จเร็ว จาก 65W ใน realme GT Neo2 ถูกยกระดับเป็น 80W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0 ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 12 นาที ถือว่าชาร์จไวที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน
realme ยังให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยด้วย โดยนำนำอัลกอริทึมการปรับแต่งอัจฉริยะ VCVT Intelligent Tuning และ ระบบการปกป้องแบบ 5 แกนอัจฉริยะ VFC Trickle Charging มาใช้กับระบบชาร์จแบตเตอรี่ของ realme GT Neo 3 Series เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะชาร์จ โดยการปรับแรงดันและกระแสไฟอย่างชาญฉลาด และยังมีระบบป้องกันชิป Smart Multi-IC ทำให้กระบวนการชาร์จ มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
ถ้าจะบอกว่า realme GT Neo 3T เป็นทายาทโดยตรงของ realme GT Neo 2 ก็คงจะไม่ผิดนัก โดยมีการปรับปรุงที่สำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่อัปเกรดจาก 65W เป็น 80W SuperDart Charge ดังนั้น ใครที่เคยพลาดการเป็นเจ้าของ realme GT Neo 2 ในปีที่แล้ว สามารถซื้อ realme GT Neo 3T มาทดแทนได้
ขณะที่ realme GT Neo 3 ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหนือกว่า realme GT Neo 3T ด้วยชิปประมวลผลระดับ 5 นาโนเมตร พร้อมการ์ดจอแยก และใช้เซ็นเซอร์กล้องหลักคุณภาพสูง Sony IMX766 ที่มีระบบกันสั่น OIS + EIS เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้าน ทั้งความบันเทิง การถ่ายภาพ และเล่นเกม