ในที่สุดสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของ OPPO ในปี 2022 ก็พร้อมเปิดตัวในประเทศไทยแล้ว สำหรับ OPPO Find X5 Pro 5G ซึ่งยังคงจุดเด่นในการถ่ายภาพ นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่ขับเคลื่อนด้วย MariSilicon X ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพและวิดีโอ 4K Ultra Night Video ได้ดีที่สุด อีกทั้งยังมีการจับมือกับแบรนด์กล้องระดับโลก Hasselblad เพื่อพัฒนากล้องร่วมกัน นอกจากนี้ ยังมีมีความโดดเด่นอีกหลายอย่าง ทั้งดีไซน์ จอแสดงผล และ ประสิทธิภาพของชิปประมวลผล
สเปก OPPO Find X5 Pro 5G
- จอแสดงผล WQHD+ AMOLED (LTPO) ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง 50 + 50 + 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
- Imaging NPU – MariSilicon X
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB
- สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ In-display Fingerprint Scanner
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC, USB Type-C
- ลำโพงสเตอริโอ ระบบเสียง Dolby Atmos
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC และแบบไร้สาย 50W AIRVOOC
- ขนาดตัวเครื่อง 163.7 x 73.9 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 218 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Glaze Black และ Ceramic White
แกะกล่อง OPPO Find X5 Pro 5G
เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ OPPO ถูกจัดส่งมาในกล่องสีเทา ที่มีแถบสีดำคาดส่วนล่างของกล่อง หน้ากล่องมองเห็นเลข 5 ขนาดใหญ่ และพบชื่อรุ่น OPPO Find X5 Pro 5G อยู่ที่ส่วนล่าง ข้างกล่องติดโลโก้ OPPO คู่กับ Hasselblad แสดงถึงความร่วมมือกันของทั้ง 2 แบรนด์
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับกล่องสีดำลักษณะแบน ภายในแถมเคสมาให้ 1 อัน พร้อมแนบเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดมากับแผ่นกระดาษ รวมถึงเอกสารต่างๆ ได้แก่ คู่มือฉบับเร่งด่วน Quick Start Guide, ข้อมูลความปลอดภัย Safety Guide และ บัตรรับประกันแบบสุดพิเศษ Premium Service Card
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟนที่ถูกพันรอบตัวเครื่องด้วยแผ่นพลาสติก ด้านหน้าระบุตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
ชั้นล่างสุดเป็นที่เก็บสายเคเบิล USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และถ่ายโอนข้อมูล
อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่ รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
ดีไซน์แห่งโลกอนาคต
งานออกแบบของ OPPO Find X5 Pro 5G สามารถสร้างความประทับใจได้ทันทีในครั้งแรกที่สัมผัส ด้วยดีไซน์แบบ Unibody ที่มีความโค้งมน ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคที่มนุษย์โลกได้ออกเดินทางไปสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก สะท้อนออกมาเป็นผลงานอันประณีต พิถีพิถัน ผสานความคลาสสิคเหนือกาลเวลา โดยผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic White ให้ความรู้สึกที่หรูหรา น่าหลงใหล และ Glaze Black ดูลึกลับเหมือนอยู่ในห้วงอวกาศ
OPPO Find X5 Pro 5G ให้ความหรูหราด้วยวัสดุเซรามิกที่มีพื้นผิวโดดเด่น และมีค่าความแข็งมากกว่ากระจกถึง 2 เท่า ผ่านกระบวนผลิต 45 ขั้นตอน รวมถึงผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูง 1,000 องศาเซลเซียส และผ่านการขัดซ้ำด้วย Diamond Knives และ Diamond Liquid จนเกิดความเรียบเนียนสวยงาม พร้อมเส้นโค้งมนที่ลาดเอียง 75 องศา ซึ่งทั้งหมดใช้เวลาในการผลิตทั้งสิ้น 168 ชั่วโมง
พื้นที่ด้านหน้าเต็มไปด้วยจอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ให้สีสันมากกว่า 1 พันล้านสี (10-bit) ความละเอียด Quad HD+ ขอบจอบางเฉียบจนทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 92.7% และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
ลำโพงหูฟังถูกซ่อนไว้ที่ขอบจอด้านบนที่บางเฉียบ ส่วนมุมบนของจอแสดงผล ถูกเจาะหลุมไว้สำหรับติดตั้งกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล และใต้หน้าจอยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย
ด้านหลังใช้วัสดุชิ้นเดียวแบบไร้รอยต่อครอบคลุมลงไปถึงส่วนขอบที่โค้งมน บนดีไซน์สุดพรีเมียมด้วยวัสดุเซรามิก ที่ผ่านกระบวนการผลิตนานกว่า 168 ชั่วโมง ส่วนกรอบโมดูลกล้องหลังก็มีความโดดเด่นด้วยเทคนิคการออกแบบที่ผ่านการคำนวณมาอย่างดี เพื่อให้ได้กรอบกันชนกล้องที่เป็นส่วนหนึ่งของฝาหลัง แต่ถูกยกนูนขึ้นจนทำให้เกิดส่วนโค้งที่สวยงามลงตัว
ระบบกล้องหลังของ OPPO Find X5 Pro 5G ถูกขับเคลื่อนโดย MariSilicon X Imaging NPU ที่ OPPO ดีไซน์เอง และยังมีโลโก้ OPPO วางคู่กับ Hasselblad บนฝาหลัง
ส่วนขอบด้านข้างมีความบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร มาพร้อมปุ่มเพาเวอร์ที่มีขีดสีเขียวเป็นสัญลักษณ์
ปุ่มปรับระดับเสียง ถูกติดตั้งแยกไว้อีกข้าง
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟน และ ถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 การ์ด แบบ Nano-SIM ภายใต้ความสวยงามพรีเมียม OPPO Find X5 Pro 5G ยังได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานน้ำและกันฝุ่นในระดับ IP68 ซึ่งหมายถึงอยู่รอดในน้ำที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที แต่ไม่ควรนำลงไปใช้งานใต้น้ำ เพราะการรับประกันไม่ครอบคลุมความเสียหายจากของเหลว
จอพันล้านสีขนาด 6.7 นิ้วอัตรารีเฟรช 120Hz
จอแสดงผลของ OPPO Find X5 Pro 5G รวมความเป็นที่สุดในทุกด้าน ในแง่ของความสวยงาม ให้สีสันในระดับ 10-bit หรือ 1.07 พันล้านสี (ขณะที่สมาร์ทโฟนเรือธงส่วนใหญ่ให้สีสัน 16.7 ล้านสี) รองรับขอบเขตสี 100% DCI-P3 (Vivid Mode) และ 100% sRGB (Gentle Mode) รวมถึงรองรับ HDR10 และ HDR10+ ช่วยเพิ่มความคมชัดและให้รายละเอียดที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
OPPO Find X5 Pro 5G ใช้จอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 3,216 × 1,440 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 525 พิกเซลต่อนิ้ว ให้ความสว่างสูงสุด 1,300 นิต สามารถปรับความสว่างได้สูงถึง 8,192 ระดับ ตามสภาพแสงตลอด 24 ชั่วโมง (เมื่อเปิดฟีเจอร์ปรับความสว่างหน้าจอโดยอัตโนมัติ) และยังมีเทคโนโลยี O1 Ultra Vision Engine ที่สามารถเพิ่มขนาดคอนเท้นต์วิดีโอระดับ 720p และ 1080p ให้มีความละเอียดสูงถึง 2160p เพื่อให้ภาพที่สวยงามมากขึ้นเมื่อรับชมบนจอแสดงผลจะมีความละเอียดสูง Quad HD+ ของ OPPO Find X5 Pro 5G อีกทั้งยังให้สีสันสมจริงด้วยความแม่นยำของสี JNCD≈0.4 จึงไม่น่าแปลกใจที่ได้รับคะแนน A+ จาก Display Mate
จอแสดงผลของ OPPO Find X5 Pro 5G ตอบสนองการสัมผัสได้อย่างลื่นไหลและแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยีการแสดงผล LTPO (Low Temperature Poly-silicon and Oxide) ช่วยให้รองรับอัตราการรีเฟรชแบบไดนามิกหรือปรับอัตราการรีเฟรชโดยอัตโนมัติระหว่าง 1Hz ถึง 120Hz ตามคอนเท้นต์ที่กำลังรับชม และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate สูงสุด 1,000Hz นอกจากนี้ จอแสดงผลของ OPPO Find X5 Pro 5G ยังสามารถประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้ดีกว่าจอแสดงผลทั่วไปที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz
สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
OPPO Find X5 Pro 5G รองรับระบบยืนยันตัวตนทางไบโอเมทริกซ์ทั้ง 2 วิธี ได้แก่ สแกนลายนิ้วมือ และ สแกนใบหน้า โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ช่วยให้ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นวิธีการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยที่สุดในช่วง COVID-19
กรณีใช้งานในพื้นที่ส่วนตัวหรือยู่ภายในบ้าน ที่ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย ก็สามารถใช้วิธีปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าได้เช่นกัน โดยใช้ประโยชน์จากกล้องหน้าความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับ AI ช่วยให้ระบุใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วย MariSilicon X
ไม่เพียงแต่หน้าจอเท่านั้นที่ให้สีสันมากกว่า 1 พันล้านสี แต่ระบบกล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G ก็สามารถจับภาพในระดับ 1 พันล้านสี เช่นเดียวกัน ด้วยระบบจัดการสี 10-bit Full-Path ที่ OPPO พัฒนาขึ้นมาเพื่อผสานความเป็นเลิศระหว่างจอแสดงผลและระบบกล้องเข้าไว้ด้วยกัน เริ่มตั้งแต่การใช้กล้องถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ โดยจัดเก็บสีสันได้ถึง 1 พันล้านสี ผ่านกระบวนการเข้ารหัส จัดเก็บ และถอดรหัสไปแสดงผลบนหน้าจอที่สามารถแสดงสีสันได้ 1 พันล้านสีเช่นเดียวกัน
OPPO Find X5 Pro 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วย MariSilicon X Imaging NPU ที่ออกแบบโดย OPPO ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิต 6 นาโนเมตร ให้พลังการประมวลผล AI สูงถึง 18TOPS และมาพร้อม ISP ในตัว ช่วยให้กล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G สนับสนุน 4K Ultra Night Video สำหรับถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืนได้อย่างคมชัดและสวยงามเป็นธรรมชาติ
Imaging NPU ของ MariSilicon X รองรับช่วงไดนามิกที่สูงเป็นพิเศษถึง 20 bit พร้อมให้สีสันที่มากขึ้น การประมวลผล RAW แบบไม่สูญเสียรายละเอียด รวมถึง RGBW Pro Mode ที่ถูกพัฒนาเพื่อสีและพื้นผิวที่สมจริงมากขึ้น ISP ใน MariSilicon X สามารถนำ Ultra High HDR มาผสมผสานกับ HDR frame หลายเฟรมใน RAW domain ได้โดยตรง ช่วยให้รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 4K Ultra Night Video พร้อมทั้งมีช่วงไดนามิกถึง 20 bit หรือ 120db (20 stops) และมีอัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 ระหว่างส่วนที่สว่างที่สุดและมืดที่สุดของภาพ เทียบได้กับสิ่งที่มองเห็นด้วยสายตามนุษย์
MariSilicon X ยังได้รับอัลกอริทึมที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง เพื่อช่วยปรับปรุง Auto Exposure, Auto Focus และ Auto White Balance ทำให้โฟกัสได้แม่นยำขึ้น 10%, จับโฟกัสได้เร็วขึ้น 20% และ ลดจุดรบกวนได้มากขึ้น 40% ส่งผลให้กล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G ไม่ใช่เพียงถ่ายภาพได้สวยงามคมชัดกว่ารุ่นก่อนเท่านั้น แต่ยังสามารถถ่ายภาพแล้วจัดเก็บได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายภาพในเวลากลางคืน จะเห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน
กล้องหลัง 3 ตัว 50 ล้านพิกเซล กันสั่น 5 แกน
OPPO Find X5 Pro 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวระดับมืออาชีพ SLR-Level 5-Axis Image Stabilization ประกอบด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหว 3 แกน แบบ Sensor Shift และ 2 แกน แบบ Lens Shift ผสานกับอัลกอริทึมของ OPPO ทำให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัด และ วิดีโอมีความราบรื่น เทียบเท่ากล้อง SLR ราคาแพง อีกทั้งยังป้องกันภาพสั่นไหวได้ดีกว่ารุ่นก่อน ด้วยขนาดพื้นที่ของโมดูลใหญ่ขึ้น 2.2 เท่า เมื่อเทียบกับ OPPO Find X3 Pro 5G แถม OPPO ยังใส่เสียงชัตเตอร์ที่เป็นปุ่มกดสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ Hasselblad มาให้ใช้งานอีกด้วย
กล้องหลังของ OPPO Find X5 Pro 5G ประกอบด้วยกล้อง Wide กับ Ultra Wide ที่มีความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ทั้งคู่ และยังมีกล้อง Telephoto ช่วยถ่ายภาพระยะไกล ที่น่าสนใจก็คือ สามารถจับภาพได้ 1 พันล้านสี จากกล้องหลังทั้ง 3 ตัว อีกทั้งยังใช้เลนส์คุณภาพสูงระดับเรือธง Glass-Plastic Lens ช่วยปรับปรุงความแม่นยำพร้อมลดความคลาดเคลื่อนของสีได้ถึง 77% เมื่อเทียบกับเลนส์พลาสติกทั่วไป
- กล้อง Wide 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX766) ขนาดพิกเซล 2 ไมครอน รูรับแสง f/1.7 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 แกน ระดับ SLR
- กล้อง Ultra Wide 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX766) ขนาดพิกเซล 2 ไมครอน รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองกว้าง 110 องศา
- กล้อง Telephoto 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
เมื่อเข้ามาในแอปกล้อง จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Video, Photo, Portrait ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมไว้ใน More ได้แก่ Pro, Hi-res, Pano, Movie, Slo-mo, Time-lapse, Long Exposure, Dual View Video, Sticker, Text Scanner และ XPan
โหมด Photo สามารถเก็บสีสันได้ถึง 1 พันล้านสี มีไอคอนที่มุมขวาล่างสำหรับใช้งานฟีเจอร์ Retouch เพิ่มความสวยงามในภาพถ่าย โดยเรายังสามารถเลือกใช้ Master Filter โหมด Portrait มีฟีเจอร์สำหรับปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง (ไอคอนมุมล่างซ้าย) และไอคอนมุมขวาล่างสำหรับใช้งานฟีเจอร์ Retouch และในโหมดนี้จะมี Master Filters ที่เป็นโทนสีเอกลักษณ์จาก Hasselblad มาให้งานด้วยนั่นก็คือ Radiance, Serenity และ Emerald สำหรับการซูมรองรับช่วงซูมตั้งแต่ 0.6x – 20x
แถบเครื่องมือด้านบนของโหมด Photo มีฟีเจอร์ HDR (ช่วยถ่ายภาพย้อนแสงหรือในฉากที่มีทั้งส่วนมืดและสว่าง), AI (ช่วยปรับค่ากล้องให้อัตโนมัติตามฉากหรือวัตถุที่กล้องระบุได้), 50MP (เปิดโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด) และปุ่มเมนู (3 จุด) จะพบฟีเจอร์ถ่ายภาพ Macro (โหมดถ่ายภาพใกล้วัตถุ), Timer (ตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้า), Aspect ratio (ปรับอัตราส่วนภาพถ่าย) และ Settings (ตั้งค่ากล้อง)
โหมด Portrait มีฟีเจอร์สำหรับปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง (ไอคอนมุมล่างซ้าย) และไอคอนมุมขวาล่างสำหรับใช้งานฟีเจอร์ Retouch และในโหมดนี้จะมี Master Filters ที่เป็นโทนสีเอกลักษณ์จาก Hasselblad มาให้งานด้วยนั่นก็คือ Serenity
โหมด Long Exposure ถูกออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืน สามารถตั้งเวลาเปิดรับแสงได้ยาวนานกว่าปกติ พร้อมด้วย Preset ที่ตั้งค่ามาให้ 3 แบบ ได้แก่ Moving vehocles, Water & Clouds และ Light painting
สำหรับโหมด XPan ที่เพิ่มเข้ามา เป็นโหมดถ่ายภาพจากกล้อง Hasselblad ช่วยถ่ายภาพในมุมกว้างพิเศษในอัตราส่วน 65:24 ไม่ถึงกับกว้างแบบ Ultra Wide หรือ Panorama แต่ให้สไตล์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของกล้องฟิล์มของ Hasselblad ในยุค 90s และสามารถเปลี่ยนโทนสีของภาพได้ 2 แบบ
โหมด Video สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที รองรับช่วงซูมตั้งแต่ 0.6x – 10x แถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์เปิดระบบกันสั่น Ultra Steady Pro (รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที) และมีฟีเจอร์ AI Highlight Video (เพิ่มความคมชัดในการถ่ายวิดีโอทุกสภาพแสง แม้ถ่ายวิดีโอย้อนแสง) ส่วนไอคอนมุมล่างซ้าย สำหรับปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง และไอคอนมุมขวาล่างสำหรับใช้งานฟีเจอร์ Retouch และเพิ่ม Filters อาทิ Delight, Natural, Cozy เป็นต้น
โหมด Night สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน สามารถเก็บสีสันได้ถึง 1 พันล้านสี หรือ 10-bit รองรับช่วงซูมตั้งแต่ 0.6x – 20x ด้วยประสิทธิภาพของ MariSilicon X ยังช่วยให้กล้องหลังของ OPPO Find X5 Pro 5G สามารถถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้อย่างสวยงาม และให้ความละเอียดสูงถึง 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที สำหรับการถ่ายวิดีโอยามค่ำคืน ซึ่งทาง OPPO เรียกความสามารถนี้ว่า 4K Ultra Night Video
กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าของ OPPO Find X5 Pro 5G ใช้เมตทริกซ์พิกเซลย่อย RGBW ทำให้เซ็นเซอร์สามารถจับแสงได้มากขึ้น 60% และด้วย Pipeline RGBW Pro ที่ขับเคลื่อนโดย MariSilicon X สามารถประมวลสัญญาณ W แยกจาก RGB ก็ยิ่งทำให้ภาพภาพถ่ายเซลฟี่ดูดีมากยิ่งขึ้น แม้อยู่ในสภาพแสงที่ไม่เป็นใจ
OPPO Find X5 Pro 5G ได้รับกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล (Sony IMX709) รูรับแสง f/2.4 มาพร้อมโหมด Photo ที่สามารถปรับมุมมองกว้างได้ 2 ระดับ (ไอคอนรูปคน) คือ 80 องศา สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่คนเดียว และ 90 องศา เมื่อมีเพื่อนๆ เข้ามาร่วมเฟรม เมื่อแตะไอคอนมุมขวาล่าง จะพบกับฟีเจอร์ Retouch ที่มีเครื่องมือในการเสริมความงามบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นผิว, แก้ม, ขนาดดวงตา, จมูก และยังมี Filters อีกหลายแบบ เหมือนกับโหมด Photo ของกล้องหลัง
โหมด Portrait มีฟีเจอร์เหมือนกับกล้องหลัง สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง และมีฟีเจอร์ Retouch และยังมี Master Filters ที่ชื่อ Serenity ให้ใช้งานแบบเดียวกับกล้องหลัง กล้องหน้ายังมีโหมด Night มาให้ใช้งานด้วย สามารถสลับมุมมองกว้างได้เช่นเดียวกับโหมด Photo รวมถึงฟีเจอร์ Retouch ที่สามารถปรับแต่งใบหน้าได้หลายส่วน
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถสลับมุมมองกว้างได้เช่นเดียวกับโหมด Photo ที่ไอคอนมุมล่างซ้ายมีฟีเจอร์ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังตั้งแต่ F1.4 – F16 และไอคอนมุมล่างขวาจะพบกับฟีเจอร์ Retouch และเพิ่ม Filters แบบเดียวกับโหมด Video ของกล้องหลัง แถบเครื่องมือด้านบนของโหมด Video มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว และ AI Highlight Video เช่นเดียวกับกล้องหลัง แต่รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่วินาที
พัฒนาร่วมกับ Hasselblad แบรนด์กล้องระดับโลก
OPPO Find X5 Pro 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OPPO ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Hasselblad แบรนด์กล้องระดับโลกสัญชาติสวีเดน ช่วยให้กล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G รองรับ Natural Color Calibration ที่ให้สีภาพบนจอใกล้เคียงกับตาเห็นมากที่สุด เจ้าของ OPPO Find X5 Pro 5G ยังได้รับประสบการณ์การใช้งานกล้อง Hasselblad ไม่ว่าจะเป็น UI และเสียงกดชัตเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงฟีเจอร์การถ่ายภาพในโหมด XPan ที่ให้ภาพมุมกว้างในอัตราส่วน 65:24 ออกมาสวยงามโดดเด่น และยังมี Master Filters ให้สไตล์การถ่ายภาพแบบมืออาชีพ รวมไปถึงโหมด Pro ที่สามารถปรับค่ากล้องได้อย่างละเอียด
แบรนด์กล้อง Hasselblad เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกหลังจากนักบินอวกาศคนแรกของโลกที่เดินทางไปยาน Apollo 11 พกพากล้องของ Hasselblad ไปเก็บภาพรอยเท้าก้าวแรกของเขาบนพื้นผิวของดวงจันทร์ โดยจุดแข็งของกล้อง Hasselblad อยู่ที่การเก็บภาพให้สมจริงเหมือนที่ตาเห็นมากที่สุด ผู้ใช้งานมองเห็นภาพอย่างไร ภาพถ่ายต้องออกมาแบบนั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากของกล้องสมาร์ทโฟนในปัจจุบันที่มี AI มาช่วยประมวลผล แต่ AI ของ OPPO ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad จะช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน OPPO Find X5 Pro 5G บันทึกความทรงจำได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยเฉพาะการถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย จะให้สีสันและรายละเอียดที่สมจริงมากที่สุด ไม่มีการเพิ่มแสงมากเกินไปจนทำให้ทั้งภาพดูสว่างเกินจริง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด XPan
ชิป Snapdragon 8 Gen 1 RAM 12GB + ROM 256GB
OPPO Find X5 Pro 5G มาพร้อมชิปประมวลผลที่แรงที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบัน นั่นคือ Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร บนสถาปัตยกรรม ARM-V9 ประกอบด้วยซีพียู ARM Cortex-X2 ความเร็วสูงสุด 3.0GHz, 3x ARM Cortex-A710 ความเร็วสูงสุด 2.5GHz และ 4x ARM Cortex-A510 ความเร็วสูงสุด 1.8GHz ขณะที่จีพียูรุ่นใหม่ของ Qualcomm ก็ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าชิปรุ่นก่อนถึง 30% อีกทั้งยังประหยัดพลังงานได้ดีกว่า 25%
นอกจากชิปที่ทรงพลัง OPPO Find X5 Pro 5G ยังได้รับการติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบหลายชั้น โดยมี Vapor Chamber ขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 75% ครอบคลุมพื้นที่ทั้งชิปประมวลผลและแบตเตอรี่ ผสานกับ Graphene Film Liquid Cooling System แบบ 3D ครอบคลุมทั้งแผงวงจรหลักและคอยล์ชาร์จ จึงสามารถระบายความร้อนที่เกิดจากการเล่นเกมอย่างหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ความร้อนบนพื้นผิวตัวเครื่องลดลงได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ จึงจับถือได้สบายมือกว่า นอกจากนี้ ระบบระบายความร้อนของ OPPO Find X5 Pro 5G ยังช่วยลดอุณหภูมิระหว่างชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย 50W ได้ถึง 3 องศา
สำหรับการเชื่อมต่อไร้สาย OPPO Find X5 Pro 5G รองรับทั้ง 5G และ Wi-Fi 6 เสริมด้วยการออกแบบเสาอากาศ 360° Smart Antenna 3.0 ที่สามารถรับ-ส่งสัญญาณไร้สายได้รอบด้าน 360 องศา ไม่ว่าจะจับส่วนไหนของตัวเครื่อง หรือ จับถือตัวเครื่องในแนวนอนหรือแนวตั้ง ก็ยังคงให้การเชื่อมต่อที่ราบรื่นและเสถียร ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการเล่นเกมออนไลน์และสตรีมภาพยนตร์
เพื่อให้การเล่นเกมลื่นไหลยิ่งขึ้น OPPO Find X5 Pro 5G ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Frame Rate Stabilizer ช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถคาดการณ์เฟรมเรท และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสมาร์ทโฟนได้ล่วงหน้า เพื่อชดเชยเฟรมเรทให้คงความเสถียร มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยรองรับเกม Genshin Impact, Honkai Impact 3, League of Legends: Wild Rift และ LifeAfter
ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC และแบบไร้สาย 50W AIRVOOC
OPPO Find X5 Pro 5G ได้รับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh จึงรองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 50% ได้ในเวลาเพียง 12 นาที และยังรองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC สามารถชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 47 นาที
นอกจากนี้ OPPO Find X5 Pro 5G ยังได้รับเทคโนโลยีการชาร์จอัจฉริยะล่าสุด Battery Health Engine ช่วยเพิ่มจำนวนรอบของการชาร์จได้ถึง 1,600 รอบ ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานหรือเสื่อมช้ากว่าปกติถึง 2 เท่า และยังมีระบบระบายความร้อนหลายชั้น ช่วยลดอุณหภูมิระหว่างชาร์จเร็ว
ระบบปฏิบัติการ Android 12.1 ครอบทับด้วย ColorOS 12
OPPO Find X5 Pro 5G ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 12.1 ครอบทับด้วย ColorOS 12 ที่ได้รับการออกแบบ User Interface ให้สวยงามสบายตา สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้มีความอัจฉริยะมากขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง
Multi-Screen Connect ถูกสร้างมาเพื่อให้สมาร์ทโฟน สามารถเชื่อมต่อกับสามารถเชื่อมต่อกับ Windows PC ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพื่อทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายโอนข้อมูลหรือแชร์ไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ทั้ง 2 ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ลากและวาง และยังสามารถใช้ PC แก้ไขงานต่างๆ ที่เก็บไว้ในสมาร์ทโฟนได้
Omoji เป็นอิโมจิ 3 มิติ แบบเคลื่อนไหวได้ ด้วยการใช้อัลกอริทึม Face Capture มาช่วยสร้าง Avatar หรือ อิโมจิ 3มิติ โดยอ้างอิงใบหน้าจริงของผู้ใช้งานที่ตรวจจับได้ถึง 77 จุด และสามารถปรับแต่งการแสดงอารมณ์ และเครื่องประดับ ได้มากกว่า 200 แบบ
ColorOS 12.1 ยังให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ตำแหน่งหรือพิกัดบนแผนที่โดยประมาณ, แสดงตัวบ่งชี้กรณีมีแอปที่เข้าถึงกล้องและไมโครโฟน, Anti-Peeping for Notifications ใช้อัลกอริทึม AI-enhanced Smart Sensor คอยตรวจจับใบหน้าของบุคคลที่กำลังจ้องมองมาที่หน้าจอสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งาน เพื่อแจ้งให้ทราบว่ากำลังถูกสอดแนม
นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่ทำงานบน ColorOS 12.1 ยังได้รับการป้องกันข้อมูลส่วนตัวหลายชั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ รายชื่อ ประวัติการสนทนา ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรมผ่านการรับรองโดย ePrivacy และ ISO27001
OPPO Enco X2 หูฟังไร้สายระดับพรีเมียม
นอกจากสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ OPPO ยังถือโอกาสแนะนำหูฟังไร้สายแบบ TWS รุ่นใหม่ด้วย พบกับ OPPO Enco X2 หูฟังไร้สายระดับพรีเมียม ที่ให้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ ต่อยอดมาจาก OPPO Enco X รุ่นแรกที่เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2021 โดยยังคงทำงานร่วมกับ Dynaudio ผู้ผลิตลำโพงสัญชาติเดนมาร์ก เพื่อส่งมอบพลังเสียงให้คมชัดทุกมิติ
OPPO Enco X2 ให้เสียงคุณภาพสูงด้วยระบบเสียงเสียงระดับสตูดิโอ Super DBEE และ Coaxial dual-driver five-magnet sound system ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Dynaudio เพื่อการถ่ายทอดเสียงระดับไฮเอนด์ และดื่มด่ำกับคุณภาพเสียงได้อย่างเต็มที่ผ่าน Hi-Res Audio Wireless พร้อมสัมผัสประสบการณ์เสียงอันบริสุทธิ์ด้วย Golden Sound Boost
ปลีกตัวจากโลกภายนอกได้ทันทีด้วยระบบลดเสียงรบกวน Ultra-wideband and ultra-deep active noise control (ANC) รวมถึง wind noise control แบบมืออาชีพและอัลกอริทึมที่ได้รับการอัปเกรด เพื่อช่วยลดเสียงลมอย่างมีประสิทธิภาพ และสัมผัสกับเสียงคุณภาพระดับสตูดิโอได้อย่างเต็มที่
OPPO Enco X2 มีดีไซน์โค้งมนสวยงาม ให้ความรู้สึกคล่องตัว สี Frosty White ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในตอนเช้าของฤดูหนาว ขณะที่จุกหูฟังยังป้องกันแบคทีเรียและขี้หูโดยเฉพาะ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในหูจากการสวมใส่เป็นเวลานาน และสามารถทำความสะอาดง่าย
หูฟัง OPPO Enco X2 มาพร้อมไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 11 มิลลิเมตร ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 20Hz ถึง 40kHz ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไว ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที สามารถฟังเพลงได้นานถึง 2 ชั่วโมง และเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยการชาร์จแบบไร้สาย
ไม่เพียงแค่นั้น OPPO Enco X2 ยังถูกสร้างมาเพื่อใช้งานคู่กับ OPPO Find X5 Pro 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการบันทึกเสียงแบบ Binaural Recording ระหว่างถ่ายวิดีโอ เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัดขึ้น ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และ เก็บเสียงธรรมชาติให้สมจริงยิ่งขึ้น
สรุปราคาและโปรโมชั่น
OPPO Find X5 Pro 5G ถูกสร้างมาสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนเรือธงประสิทธิภาพสูง ตอบสนองการใช้งานรอบด้านได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีจุดเด่นที่ระบบกล้อง ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอในช่วงเวลากลางคืนได้อย่างสวยงามคมชัด เหมือนใช้กล้องระดับมืออาชีพ ขณะที่ภาพนิ่งก็เก็บรายละเอียดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการทำงานร่วมกันทั้ง MariSilicon X, เซ็นเซอร์กล้องระดับเรือธง, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน รวมไปถึง AI ของ OPPO ที่ช่วยประมวลผลภาพ และยังทำงานร่วมกับแบรนด์กล้อง Hasselblad ช่วยถ่ายทอดสีสันที่เป็นธรรมชาติให้อย่างแม่นยำสมจริง
นอกเหนือจากการถ่ายภาพ OPPO Find X5 Pro 5G ยังมีดีไซน์ที่สวยงามพรีเมียม จับถือได้อย่างสบายมือ ตอบสนองการทำงานและเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลด้วยชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ และยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วทั้งแบบใช้สายและไร้สาย ขณะที่หูฟังไร้สาย OPPO Enco X2 ก็ให้พลังเสียงที่มีคุณภาพระดับสตูดิโอ เรียกได้ว่าเป็นหูฟังระดับไฮเอนด์ของ OPPO ที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานคู่กับ OPPO Find X5 Pro 5G โดยเฉพาะ แต่ก็สามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นได้เช่นกัน
OPPO Find X5 Pro 5G มาใน 2 สี ได้แก่ สีขาว Ceramic White และสีดำ Glaze Black วางจำหน่ายในราคา 39,990 บาท สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 29 เมษายน 2565 พร้อมรับของสมนาคุณ Premium Box Set มูลค่า 13,498 บาท ได้แก่ Premium Service VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่า 10,000 บาท, AIRVOOC 45W Wireless Charger 2,499 บาท และ OPPO Kevlar Protective Case มูลค่า 999 บาท โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนเป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พิเศษ! ให้คุณเป็นเจ้าของ OPPO Find X5 Pro 5G ได้ง่ายยิ่งขึ้นเมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย รับส่วนลดสูงสุดถึง 20,000 บาท
สำหรับ OPPO Enco X2 OPPO หูฟังไร้สายคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอที่พัฒนาร่วมกับ Dynaudio มาในสีขาว Frosty White วางจำหน่ายในราคา 5,999 เปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ – 10 พฤษภาคม 2565
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3u1fMib