หลังจากที่ OPPO ได้เปิดตัว OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ที่ทำยอดจองฮิตถล่มทลายในประเทศไทยไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด OPPO ก็ส่งสมาร์ทโฟนน้องเล็ก OPPO Reno7 Z 5G เข้ามาเสริมทัพอีกรุ่นเพื่อสานต่อความสำเร็จด้านการถ่ายภาพพอร์ตเทรตตามสโลแกน “The Portrait Expert” ให้เป็นตัวเองได้ไม่จำกัด ด้วยพอร์ตเทรต และมีดีไซน์สวยงามทันสมัยมาก พร้อมกันนี้ OPPO ยังได้เปิดตัว OPPO Watch Free สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุด และหูฟัง OPPO Enco Air2 พร้อมกันอีกด้วย ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับเครื่องจริงมาแกะกล่องพร้อมพรีวิวให้ชมแล้ว
แกะกล่อง OPPO Reno7 Z 5G
OPPO Reno7 Z 5G ถูกเก็บไว้ในกล่องสีดำ สวมทับด้วยปลอกสีเขียวแกมฟ้า ด้านหน้าพิมพ์เลข 7 ขนาดใหญ่ ส่วนล่างเหนือขอบสีดำระบุชื่อรุ่น OPPO Reno7 Z 5G ไว้อย่างชัดเจน และเมื่อถอดปลอกกล่องออกมาก็จะพบกับกล่องสีดำด้านที่มีโลโก้ OPPO สีดำเงา
หลังจากยกฝากล่องขึ้นมาสิ่งแรกที่เจอก็คือซองเอกสารสีดำขนาดใหญ่พอดีกับกล่อง ภายในจะพบกับเอกสารต่างๆ พร้อมแนบเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดมากับแผ่นกระดาษ และแถมเคสใสมาให้ด้วย
ใต้ซองเอกสารเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน OPPO Reno7 Z 5G ซึ่งถูกห่อหุ้มไว้ในซองอย่างดี พร้อมบอกจุดเด่นไว้ 6 รายการ ได้แก่ รองรับฟิลเตอร์ถ่ายภาพ Bokeh Flare Portrait, ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G, สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC, ความจุแบตเตอรี่ 4500mAh, ความจำ RAM 8GB ขยายได้อีก 5GB และ ผ่านการรับรองมาตรฐาน TÜV SÜD ระดับ A หมายความว่า OPPO Reno7 Z 5G ยังคงใช้งานได้อย่างราบรื่นเหมือนเครื่องใหม่ แม้เวลาจะผ่านเลยไปนานกว่า 36 เดือน
ชั้นล่างของกล่อง เป็นช่องเก็บสายชาร์จ และ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 33W Power Adapter
ดีไซน์สดใสสี Rainbow Spectrum ไฟรอบกล้องหลัง Dual Orbit Lights
OPPO Reno7 Z 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม ไม่แพ้สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นใน Series เดียวกัน มีความโดดเด่นที่แสงไฟรอบกล้องหลัง Dual Orbit Lights ซึ่งจะกะพริบหรือเปล่งแสงเป็นสีน้ำเงิน ฟ้าอ่อน ฟ้าคราม หรือเบบี้บลู ตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น เมื่อเปิดเครื่อง ขณะชาร์จ รับสายเรียกเข้า มีการแจ้งเตือนที่ยังไม่ได้อ่าน รวมถึงการเปิดเกมอีกด้วย
ด้านหลังสะดุดตากับความสดใสของสี Rainbow Spectrum ที่ผ่านกระบวนการการเคลือบ 2 ชั้นและพื้นผิว 3 ชั้น รวมถึงใช้เทคนิค OPPO Glow ให้ความเปล่งประกายระยิบระยับบนพื้นผิวแบบด้าน ช่วยต้านทานการเกิดรอยนิ้วมือได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังมีสี Cosmic Black เป็นอีกตัวเลือกด้วย
ถ่ายภาพพอร์ตเทรตเทียบเท่ากล้อง DSLR
ความน่าสนใจของ OPPO Reno7 Z 5G อยู่ที่ระบบกล้องหลัง 64MP AI Triple Camera ที่รองรับฟิลเตอร์การถ่ายภาพแบบ Bokeh Flare Portrait ช่วยให้ผู้ใช้งานกลายเป็นช่างภาพมืออาชีพได้ง่ายๆ สำหรับการถ่ายภาพบุคคลให้ออกมาโดดเด่น ด้วยการละลายฉากหลังพร้อมเพิ่มเอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้โดยอัตโนมัติ ราวกับถ่ายจากกล้อง DSLR
อีกฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นของ OPPO Reno7 Z 5G เรียกว่า Portrait Retouching ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ สามารถระบุและลบรอยด่างพร้อย สิว รอยแผลเป็นจากสิว และจุดด่างดำได้อย่างเหมาะสม พร้อมปรับแต่งโทนสีผิวหรือสามารถแต่งหน้าได้อย่างชาญฉลาด ในขณะที่ยังคงรักษาจุดความงามอื่นๆ ที่ต้องการเก็บไว้บนใบหน้าได้ เพื่อมอบเอฟเฟกต์การปรับแต่งใบหน้าให้สวยงามและดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้ได้กับการถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอพอร์ตเทรต ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
สำหรับกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล มาพร้อม Selfie HDR ให้ความสว่างคมชัดแม้ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือย้อนแสง โดยฟีเจอร์ Selfie HDR จะช่วยเพิ่มช่วงไดนามิกของการถ่ายเซลฟี่ในการตั้งค่าการถ่ายย้อนแสง พร้อมเก็บรายละเอียดของใบหน้าและพื้นหลังได้อย่างแม่นยำ
ประสิทธิภาพสูงด้วยชิประดับ 6nm
OPPO Reno7 Z 5G ตอบสนองการใช้งานและเล่นเกมได้อย่างราบรื่น ด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการผลิตระดับ 6 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core สามารถทำความเร็วนาฬิกาได้สูงสุดถึง 2.2GHz พร้อมด้วยจีพียู Adreno 619 อีกทั้งยังมาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.4 นิ้ว ให้ประสบการณ์ด้านความบันเทิงอย่างเต็มอิ่ม
นอกจากนี้ OPPO Reno7 Z 5G ยังมีความจุแบตเตอรี่ไม่น้อย 4500mAh พร้อมใช้งานทันใจไม่ต้องรอนานด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มความจุ 100% ภายในเวลาเพียง 63 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที ใช้สนทนาได้ถึง 3 ชั่วโมง
OPPO Watch Free
ในโอกาสนี้ OPPO ยังได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ OPPO Watch Free ที่มีจุดเด่นในการติดตามสุขภาพการนอนหลับในทุกสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนนอนจนถึงตื่นอย่างมืออาชีพ ด้วย OSleep พร้อมวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) แบบมืออาชีพ เพื่อประเมินความเสี่ยงของอาการนอนกรน
OPPO Watch Free มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED (280 x 456 พิกเซล) ขนาด 1.64 นิ้ว โดดเด่นด้วยหน้าปัด AI Outfit Watch Face สามารถติดตามการออกกำลังกายได้มากกว่า 100 โหมด แบตเตอรี่มีความจุ 230mAh ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 14 วัน
แกะกล่อง OPPO Watch Free
OPPO Watch Free ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพด้านหน้าของสมาร์ทวอทช์ พร้อมระบุชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน สามารถแกะกล่องได้จากด้านล่าง ที่ระบุชื่อ OPPO Watch Free เมื่อเปิดฝากล่อง จะมีลิ้นช่วยดึงถาดวางสมาร์ทวอทช์ออกมาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อดึงถาดวางสมาร์ทวอทช์ออกมาจากกล่อง จะเห็นว่า OPPO Watch Free ได้รับการติดตั้งสายรัดข้อมือมาให้แล้วพร้อมเอกสารคู่มือการใช้งาน การรับประกันสินค้า และสุดท้ายสายชาร์จแบบแม่เหล็ก
OPPO Watch Free มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Vanilla และ Black โดยสีที่เห็นอยู่นี้เรียกว่าสี Vanilla มาพร้อมกรอบตัวเรือนสีทอง กระจกโค้ง 2.5D และยังได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานน้ำในระดับ 5 ATM
สำหรับตัวเลือกสี Vanilla มาพร้อมสายซิลิโคนสีครีม มีความกว้าง 19 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับผู้สวมใส่ที่มีเส้นรอบวงข้อมือ 130 – 205 มิลลิเมตร น้ำหนักรวมทั้งสายและตัวเรือนเบาเพียง 33 กรัม
นอกจากนี้ สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ของ OPPO ยังมีฟีเจอร์นาฬิกาปลุก, ตัวจับเวลา, ตรวจสอบ, สภาพอากาศ และเมื่อจับคู่กับสมาร์ทโฟน จะสามารถควบคุมการเล่นเพลง, แจ้งเตือนสายเรียกเข้า, ปฏิเสธการโทร, แจ้งเตือนข้อความ รวมถึงฟีเจอร์ Find My Phone
เปิดจองเร็วๆนี้ พร้อมของแถมมูลค่ารวมกว่า 7,499 บาท
OPPO Reno7 Z 5G ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ดีที่สุด จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการถ่ายภาพบุคคลเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ ด้วยโหมด Bokeh Flare Portrait ละลายพื้นหลังพร้อมเพิ่มดวงไฟโบเก้ได้อย่างสวยงามราวกับถ่ายจากกล้องมืออาชีพ และยังมีดีไซน์บางเบา ขอบเหลี่ยมทันสมัยแบบ Ultra-Slim Retro Design ผสานกับ OPPO Glow ให้ฝาหลังระยิบระยับ อีกทั้งยังเสริมความโดดเด่นด้วย Dual Orbit Lights แสงไฟล้อมรอบกล้องหลักทั้งสองตัว กระพริมตามสถานการณ์ต่างๆ
ใครที่สนใจ OPPO Reno7 Z 5G สามารถไปสัมผัสเครื่องจริงกันได้ที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านและมารอพบกับงานเปิดตัวไปพร้อมๆ กันได้เร็วๆนี้ ในวันที่ 3 มีนาคม 2565 ซึ่งภายในงานจะมีการเปิดตัว OPPO Watch Free สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุด และหูฟัง OPPO Enco Air2 อีกด้วย โดยผู้ที่ทำรายการสั่งซื้อล่วงหน้าจะได้รับของแถมเป็น OPPO SPORTS BAG และ E-VIP CARD ประกันจอแตกและประกันตัวเครื่อง มูลค่ารวม 7,499 บาท