หลังจากที่ vivo ประเทศไทยได้ทำการวางจำหน่าย vivo V23e น้องเล็กของ vivo V23 Series ไปในช่วงลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดในปี 2022 ก็ได้บุกตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย vivo V23 5G ที่มาพร้อมสโลแกน “คมชัดทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณ” ด้วยกล้องคู่หน้าความละเอียดสูง 50MP AF Dual Camera อีกทั้งยังมีกล้องหลัง 64MP AI Triple Camera สามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัดทุกสภาพแสดง โดยเฉพาะโหมดถ่ายภาพบุคคล แต่นอกเหนือจากการถ่ายภาพ ยังมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง เลื่อนลงมาอ่านรีวิวจาก @Flashfly กันได้เลย
สเปก vivo V23 5G
- จอแสดงผล AMOLED (FHD+) ขนาด 6.44 นิ้ว
- กล้องคู่หน้า 50MP AF Dual Camera
- กล้องหลัง 64MP AI Triple Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920
- ความจำ RAM 12GB + 4GB (Extended RAM), ROM 256GB
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi (2.4G/5GHz), Bluetooth 5.2, NFC, USB Type-C, OTG
- เซ็นเซอร์ Fingerprint, Accelerometer, Ambient Light, Proximity, E-compass, Gyroscope
- ระบบนำทาง GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12
- แบตเตอรี่ 4200mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 44W (11V/4A)
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Stardust Black และ Sunshine Gold
- ขนาดบอดี้ 157.20 x 72.42 x 7.55 มิลลิเมตร น้ำหนัก 181 กรัม (Sunshine Gold)
แกะกล่อง vivo V23 5G
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ vivo V23 5G มาในโทนสีน้ำเงินเข้ม พร้อมจุดสีเงินที่กระจายไปทั่วเปรียบเสมือนดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยมีตัวเลข 23 ขนาดใหญ่พิมพ์อยู่ที่กลางกล่อง ด้านล่างติดโลโก้ 5G มุมบนซ้ายติดโลโก้ vivo และอีกมุมระบุความจุ RAM 12GB + ROM 256GB ซึ่งถือว่าขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน
หลังจากยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับสมาร์ทโฟน vivo V23 5G นอนอยู่ในถาดรองสีดำ และถูกห่อหุ้มด้วยซองพลาสติกมาอย่างดี ช่วยป้องกันริ้วรอยระหว่างขนส่ง เมื่อแกะซองออกจะเห็นว่า vivo ติดฟิล์มป้องกันหน้าจอมาให้แล้ว
เมื่อยกสมาร์ทโฟนและถาดรองออกไป จะเห็นว่าในกล่องแถมเคสใสมาให้ด้วย ถัดลงมาจะพบกับคู่มือ และเอกสารต่างๆ ถูกเก็บรวมไว้ในกล่อง ไม่มีซองเอกสารเหมือนอย่างเคย (เชื่อว่าเป็นการลดใช้กระดาษ)
ด้านล่างสุดของกล่องถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่อง โดยช่องบนเป็นที่เก็บสายชาร์จ USB Type-C, เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด, หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และ Adapter แปลงแจ็ค 3.5 มิลลิเมตร เป็น USB-C ส่วนช่องล่างเป็นที่เก็บอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 44W FlashCharge
ดีไซน์หรูพื้นผิวกระจก Satin AG เปลี่ยนสีได้
vivo V23 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหรา ด้วยกรอบบอดี้ใช้อลูมิเนียมสำหรับการบิน ทำส่วนขอบให้เรียบแบบในสไตล์ Metal Flat Frame โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Stardust Black และ Sunshine Gold ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับสี Sunshine Gold มารีวิว มากับพื้นผิวกระจก Satin AG ผลิตจากเทคโนโลยีชั้นนำ ให้สัมผัสที่เรียบหรูและรู้สึกนุ่มดุจใยไหม อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีป้องกันรอยนิ้วมือ พร้อมการเคลือบสารพิเศษให้พื้นผิวมีความแวววาว แต่ยังจับถนัดกระชับมือ
พื้นผิวด้านหลังของ vivo V23 5G (เฉพาะสี Sunshine Gold) ยังมีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ Color-Changing Glass ผลิตจากเทคโนโลยีโฟโตโครมิก ช่วยให้พื้นผิวสะท้อนสีสันออกมาได้หลากหลาย ภายใต้แหล่งกำเนิดแสงอัลตราไวโอเลต (อย่างเช่น แสงแดด) ทำให้ vivo V23 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ดึงดูดทุกสายตา เปล่งกระกายในทุกมุมมอง
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล AMOLED (FHD+) ขนาด 6.44 นิ้ว โดยมีรอยบากที่ขอบจอด้านบนสำหรับติดตั้งกล้องหน้า 2 ตัว และยังซ่อน Dual-Tone Spotlight ไว้ 2 จุด เหนือกล้องหน้าเป็นตำแหน่งของลำโพงหูฟัง
ส่วนขอบด้านข้างมีความบางเพียง 7.55 มิลลิเมตร (สำหรับสี Sunshine Gold) ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มมเพาเวอร์ไว้ฝั่งเดียวกัน
อีกข้างไม่มีปุ่มใดๆ เผยให้เห็นดีไซน์ Metal Flat Frame อย่างชัดเจน ซึ่งมีขอบแบนราบ และใช้วัสดุอลูมิเนียมสำหรับการบิน
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างจะพบกับถาดใส่ซิมการ์ด (Dual Nano SIM), ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพง
จอแสดงผล 6.44 นิ้วรีเฟซ 90Hz
vivo V23 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ให้สีสันสวยงามคมชัด โดยมีความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.44 นิ้ว และมีพื้นที่ขอบจอที่บางเฉียบรอบด้าน ใช้งานลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟซเรทสูงสุดที่ 90Hz
ขณะเดียวกันรอยบากที่ขอบจอด้านบนก็โดดเด่นกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ของ vivo ที่ปกติจะเป็นรอยบากแบบหยดน้ำ เนื่องจาก vivo V23 5G ติดตั้งกล้องหน้ามาให้ 2 ตัวความละเอียดสูงถึง 50MP คมชัดทั้งกลางวันแลกลางคืนเอาใจสายเซลฟี่เป็นพิเศษ
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
vivo V23 5G ใช้วิธีปลดล็อคและยืนยันตัวตนด้วยวิธีการเดียวกับสมาร์ทโฟนเรือธง นั่นคือ การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ โดยมีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล (In-Display Fingerprint Scanning) สามารถอ่านลายนิ้วมือได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว อีกทั้งยังรองรับวิธีปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า (Face Wake) โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างระบบจดจำใบหน้ากับกล้องหน้าความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล
กล้องคู่หน้า 50MP Eye AF Dual Camera
ไฮไลท์ของ vivo V23 5G อยู่ที่กล้องเซลฟี่เพราะติดตั้งมาให้ 2 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล (f/2.0) ในโหมดความละเอียดสูง ส่วนโหมดปกติจะถ่ายภาพในความละเอียด 12.5 ล้านพิกเซล วางคู่กับกล้อง Super Wide-Angle Night Selfie ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.28) มุมกว้างพิเศษ 105 องศา
Ultra clear Selfie – ไม่เพียงแต่กล้องหน้าความละเอียดสูงเท่านั้น vivo V23 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยี ISOCELL 3.0 ช่วยปรับแสงและสีของภาพถ่ายให้คมชัด สมจริง ช่วยให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาคมชัด สวยงาม เก็บสีสันและรายละเอียดได้ครบถ้วน
Super Wide-Angle Night Selfie – นอกจากกล้องหลัก 50MP ยังมีกล้อง Super Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล ที่เก็บภาพได้ในมุมมองกว้างถึง 105 องศา ผสานกับการทำงานของอัลกอริทึมถ่ายภาพบุคคล ช่วยให้ผู้ใช้งาน vivo V23 5G สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืนในมุมกว้างพิเศษได้อย่างคมชัด ไม่ว่าจะถ่ายเซลฟี่คนเดียวพร้อมเก็บความสวยงามของฉากหลัง หรือ จะถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนๆ ในงานปาร์ตี้
Multi-Style Portrait – โหมดภาพถ่ายบุคคล หรือ Portrait ของกล้องหน้า มาพร้อมฟิลเตอร์ให้เลือกหลายแบบ เพื่อให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนลุคได้อย่างสนุกและดูทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
Natural Portrait – อาศัยเทคโนโลยี AI มาช่วยถ่ายภาพเซลฟี่ให้ออกมาสวยงามและดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ
HD Portrait – อาศัยเทคโนโลยี AI มาคอยตรวจจับรายละเอียดที่สำคัญของใบหน้าเมื่อมีการถ่ายภาพเซลฟี่ ช่วยปรับปรุงใบหน้าโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว หรือ ผิวหน้า ก็สามารถปรับแต่งเพื่อให้มีพื้นผิวและความคมชัดมากขึ้น
Party Portrait – ด้วยแสงไฟ Dual-Tone Spotlight ที่ติดตั้งมาให้ 2 จุด ตรงขอบจอด้านบน ช่วยเพิ่มแสงสว่างในการถ่ายเซลฟี่ยามค่ำคืนหรือในที่แสงน้อย อย่างเช่นอยู่ในงานปาร์ตี้ Party Portrait จะทำให้ภาพเซลฟี่ออกมาคมชัดทุกรายละเอียด
Dual-Tone Spotlight เปรียบเสมือนไฟสตูดิโอ ที่ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาสว่างไสว มีสีสันเปล่งประกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ผู้ใช้งานปรับภาพจากสีโทนเย็นไปสู่โทนสีอบอุ่น เพื่อให้ภาพเซลฟี่ออกสวยงามสมบูรณ์แบบที่สุด
กล้องหน้าของ vivo V23 5G สามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงถึง 4K (30 เฟรมต่อวินาที) พร้อมรองรับ HDR ให้รายละเอียดชัดเจนมากขึ้นเมื่อถ่ายวิดีโอย้อนแสง และรองรับโหมด Portrait Video ที่มีฟิลเตอร์หรือ Style ให้เลือกหลายแบบ
ผู้ใช้งานยังสามารถใช้กล้องหน้าและกล้องหลัง ถ่ายวิดีโอในเวลาเดียวกันด้วยโหมด Dual-View Video ทำให้ได้ภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลังอยู่ในเฟรมเดียวกัน เหมาะสำหรับสาย Vlog และนักรีวิว
กล้องหลัง 3 ตัว 64 ล้านพิกเซล
vivo V23 5G ยังได้รับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้อง 8MP Super Wide-Angle Camera อยู่บนสุด ถัดลงมาเป็นกล้องหลัก 64MP Night Camera ข้างกันมีแฟลช Dual LED และล่างสุดเป็นกล้อง 2MP Super Macro Camera
- กล้องหลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.89 เก็บภาพได้สวยงามทุกสภาพแสง
- กล้อง Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้างพิเศษ 120 องศา
- กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สำหรับถ่ายภาพใกล้วัตถุ
เมื่อเข้ามาในแอปกล้อง จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Portrait, Photo, Video ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมไว้ใน More ได้แก่ High Resolution, Pano, Live Photo, Slo-Mo, Time-Lapse, Pro, AR Stickers, Documents, Double Exposure และ Dual-View Video
โหมด Photo รวมถึงโหมด Night รองรับการซูมภาพในช่วง 0.6x – 10x ขณะที่โหมด Video รองรับการซูมภาพในช่วง 1x – 10x ในโหมด Photo จะพบว่ามีไอคอน AI มาช่วยในการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมกับฉากหรือวัตถุต่างๆ โดยไม่ต้องเข้าไปปรับค่ากล้องด้วยตัวเองในโหมด Pro และสามารถเปิดใช้กล้อง Super Macro เพื่อถ่ายภาพในระยะใกล้ได้จากไอคอนรูปดอกไม้ที่อยู่ในแถบเครื่องมือด้านบน
โหมด Portrait สามารถเปิด HD Portrait ได้จากแถบเครื่องมือด้านบน ส่วนพื้นที่แสดงภาพจากกล้องมีไอคอนสำหรับเปลี่ยนสไตล์หรือฟิลเตอร์, เปิดโหมดบิวตี้ และ ปรับค่ารูรับแสงหรือละลายฉากหลัง
กล้องหลังของ vivo V23 5G มีจุดเด่นที่ฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait สามารถปรับแต่งฉากหลังโดยใช้เอฟเฟกต์ปรับแสงไฟในพื้นหลังให้เป็นฉากที่สวยงามและคลาสสิก เสมือนถ่ายจากเลนส์ระดับโปร โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลในเวลากลางคืนที่มีฉากหลังเป็นไฟประดับต่างๆ
โหมด Night สามารถถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้อย่างสวยงามด้วยประสิทธิภาพของกล้อง 64MP Night Camera ที่มีขนาดรูรับแสง f/1.89 แต่ผู้ใช้งานยังสามารถเพิ่มสไตล์หรือฟิลเตอร์เพื่อทำให้ภาพถ่ายน่าสนใจมากขึ้น โดยมีสไตล์ให้เลือกหลายแบบ ได้แก่ Textured Black & White, Blue Ice, Green Orange, Dark Red, Blue Orange และ Silver Orange
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง รองรับความละเอียด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที พร้อมฟีเจอร์ Framing lines ช่วยจัดอค์ประกอบ, Level Meter ช่วยปรับภาพให้ขนานกับพื้น ทำให้ภาพออกมาไม่เอียง และ Movie สำหรับถ่ายวิดีโอในสไตล์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ ที่มุมล่างขวาของพื้นที่แสดงภาพจากกล้องยังมีไอคอนสำหรับเพิ่มฟิลเตอร์ และเปิดโหมดบิวตี้
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิป Dimensity 920 RAM 12+4GB
vivo V23 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 ซึ่งเป็นชิปรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2021 ผลิตด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรมประสิทธิภาพสูง 6 นาโนเมตร ของ TSMC ประกอบด้วยซีพียูแบบ 64-bit Octa Core (Arm Cortex-A78 @ 2.5GHz + Arm Cortex-A55 @ 2.0GHz) พร้อมด้วยจีพียู Arm Mali-G68 MC4 ให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมเร็วขึ้น 9% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity 900
ด้านความจำให้มาอย่างจุใจด้วย RAM 12GB และยังรองรับ Extended RAM 2.0 สามารถขยาย RAM ได้อีก 4GB ซึ่งเป็นการสร้างหน่วยความจำเสมือน โดยยืมพื้นที่มาจากความความจุ ROM ที่ให้มาถึง 256GB ช่วยให้ vivo V23 5G ตอบสนองการใช้งานได้ไหลลื่นไม่สะดุด และสามารถสลับการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ถึงแม้จะเปิดถึง 30 แอป
5G Dual Mode
MediaTek Dimensity 920 มาพร้อมชิปโมเด็ม 5G ในตัว รองรับ 5G Dual Mode ทั้ง SA (Standalone) และ NSA (Non-Standalone) โดย SA หมายถึงการใช้งานบนเทคโนโลยี 5G อย่างแท้จริง ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อมีความเร็วสูงสุด ขณะที่ NSA หมายถึงการใช้งาน 5G ผ่านโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย 4G
ชิปโมเด็ม 5G ในสมาร์ทโฟน vivo V23 5G ยังรองรับเทคโนโลยี 5G CA ช่วยให้ความเร็วเฉลี่ยในการเชื่อมต่อ 5G เพิ่มสูงขึ้น จากการผสมผสานคลื่นความถี่ระหว่าง 2 พื้นที่ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถเข้าถึงบริการการโทร VoNR แบบพรีเมียมจากการเชื่อมต่อทั้ง 5G ได้ทั้ง 2 ซิม
สำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ก็รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11ax หรือ Wi-Fi 6 พร้อม 2×2 MIMO ทั้งคลื่น 2.4GHz และ 5GHz โดย Wi-Fi 6 สามารถทำความเร็วในการเชื่้อมต่อได้สูงสุด 9.6Gbps ขณะที่ Wi-Fi 5 มีระดับความเร็วสูงสุดที่ 3.5Gbps ซึ่งเป็นตัวเลขในทางทฤษฎีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 จะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า Wi-Fi 5 อย่างแน่นอน แต่จะต้องเชื่อมต่อผ่าน Router ที่พร้อมใช้งาน Wi-Fi 6 ด้วยเช่นกัน
แบตเตอรี่ 4200mAh ชาร์จเร็ว 44W FlashCharge
vivo V23 5G รองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวันอย่างไม่ต้องกังวล ด้วยความจุแบตเตอรี่ 4200mAh อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากชิปประมวลผล 6 นาโนเมตร ของ MediaTek Dimensity 920 ที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีโหมดประหยัดพลังงาน ที่ช่วยให้ใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าปกติ
ที่น่าสนใจก็คือ vivo V23 5G ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W FlashCharge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 1% ถึง 68% ภายในเวลา 30 นาที โดยแถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 44W Power Adapter (11V/4A) มาให้ในกล่อง
ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12
vivo V23 5G ทำงานบนพื้นฐาน Android ครอบทับด้วย Funtouch OS 12 ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ภายใต้ User Interface ที่สวยงามสบายตา โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้งานเป็นหลัก ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ให้ผู้ใช้งานปรับแต่งได้ตามความต้องการ โดยเฉพาะการเพิ่มวิดเจ็ตใหม่ๆ ที่สามารถใช้งานได้ทันทีที่ปลดล็อกหน้าจอ โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดเข้าไปในแอป
Funtouch OS 12 รองรับฟีเจอร์ Picture-in-Picture สำหรับการใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นพร้อมกันได้อย่างง่ายดายและราบรื่น เช่น รับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมแบบเต็มจอ และยังสามารถตอบกลับข้อความในหน้าต่างขนาดเล็กได้
นอกจากนี้ Funtouch OS 12 ยังมีการเพิ่มระบบป้องกันอีกชั้นให้กับ vivo V23 5G เมื่อเจ้าของสมาร์ทโฟนตั้งค่ารหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์ ผู้ใช้งานก็จะต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อปิดเครื่องด้วยเช่นกัน หมายความว่าถ้าหากมีคนร้ายขโมยสมาร์ทโฟนไป จะไม่สามารถปิดเครื่องได้ถ้าไม่ทราบรหัสผ่าน จึงเพิ่มโอกาสในการติดตามค้นหาเพื่อนำสมาร์ทโฟนกลับคืนมาได้มากขึ้น
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
vivo V23 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมียม ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ที่มีราคาหลายหมื่น โดยมีจุดเด่นที่กล้องคู่หน้า รองรับการถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสวยงามทุกสภาพแสง ถ่ายวิดีโอก็คมชัด ขณะที่กล้องหลังก็รองรับการถ่ายภาพได้หลากหลาย อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพสูงระดับเรือธง ด้วยความจำขนาดใหญ่ จอแสดงผลคมชัด รองรับ 5G แบตเตอรี่ให้มาไม่น้อย 4200mAh แถมชาร์จเร็ว 44W เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นการถ่ายเซลฟี่ ตอบสนองการใช้งานรอบด้านได้อย่างลื่นไหล และยังให้ความโดดเด่นด้วยดีไซน์เปลี่ยนสีได้
V23 5G มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Stardust Black และ Sunshine Gold ราคา 17,999 บาทเริ่มพรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 20 ม.ค. 65 วางจำหน่ายทางการ 21 ม.ค. 65 รับทันที -VIP Card ขยายเวลารับประกันตัวเครื่องนาน 2 ปี -ประกันจอแตก 1 ปี พร้อมกับ V23 5G Premium Gift มูลค่า 1,899 บาท และมีสิทธิ์ลุ้นรับ vivo V23 5G Win Special Gift Set มูลค่า 1,999 บาท และกับโปรโมชั่นพิเศษกับ AIS 5G, true 5G และ dtac 5G เริ่มต้น 6,989 บาท