หลังจากทำตลาด OnePlus Buds Z ไปได้หนึ่งปี OnePlus ก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ OnePlus Buds Z2 ในประเทศไทยแล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพจากรุ่นก่อน เพื่อตอบโจทย์การฟังให้ดีขึ้น ทั้งขยายขนาดไดรเวอร์ ให้เสียงเบสหนักแน่นขึ้น ติดตั้งไมโครโฟน 3 ตัว เพื่อการโทรที่ชัดเจน รองรับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ปรับปรุงการเชื่อมต่อ Bluetooth ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และมีโหมด Pro Gaming ให้ค่า Latency ต่ำเพียง 94 มิลลิวินาที เรียกได้ว่ามีความสามารถเพิ่มขึ้นจนเทียบกท่า OnePlus Buds Pro ที่ทีมงาน @Flashfly เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้
สเปก OnePlus Buds Z2
- โหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation Mode
- โหมดฟังเสียงภายนอก Transparency Mode
- ไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 11 มิลลิเมตร
- ไมโครโฟน 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 และ USB Type-C (สำหรับชาร์จแบตเตอรี่)
- รองรับฟีเจอร์ Google Fast Pair
- สนับสนุนระบบเสียง Dolby Atmos
- โหมด Pro Gaming ให้ค่า Latency ต่ำเพียง 94 มิลลิวินาที
- ป้องกันน้ำและกันฝุ่นในระดับ IP55 (หูฟัง), IPX4 (เคสชาร์จ)
- แบตเตอรี่หูฟังแต่ละข้าง 40mAh
- แบตเตอรี่เคสชาร์จ 520mAh
- ให้อายุการใช้งานให้ยาวนานสูงสุด 38 ชั่วโมง
- รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge ชาร์จเพียง 10 นาที ใช้ฟังเพลงได้นาน 5 ชั่วโมง
- ขนาดของหูฟัง 33 x 22.4 x 21.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนักหูฟัง ข้างละประมาณ 4.6 กรัม
- ขนาดเคสชาร์จ 73.15 x 36.8 x 29.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 42 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Pearl White และ Obsidian Black
แกะกล่อง OnePlus Buds Z2
OnePlus Buds Z2 มาพร้อมกล่องแบบทูโทน (สีขาวคาดแดง) แบบเดียวกับกล่องของ OnePlus Buds Z ซึ่งที่จริงหูฟังไร้สายแบบ TWS ของ OnePlus ไม่ว่าจะเป็น OnePlus Buds หรือ OnePlus Buds Pro ก็ล้วนใช้สีขาวคาดแดงทั้งหมดจนกลายป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว
ด้านหน้ากล่องพิมพ์รูปภาพของหูฟัง OnePlus Buds Z2 ในบอดี้สีขาว (ถ้าเป็นสีดำ Obsidian Black รูปภาพหูฟังบนหน้ากล่องก็จะเป็นสีดำ) ส่วนแถบสีแดงด้านข้างระบุชื่อผลิตภัณฑ์ OnePlus Buds Z2 และสีสันไว้อย่างชัดเจน ซึ่งสีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวเรียกว่าสีขาว Pearl White ด้านหลังกล่องติดฉลากให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการผลิต รวมถึงติดโลโก้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานต่างๆ
ข้างกล่องที่เป็นแถบสีแดง บอกจุดเด่นที่น่าสนใจไว้หลายอย่าง ได้แก่ เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancellation) สามารถลดเสียงรบกวนได้ 40 เดซิเบล, ไมโครโฟน 3 ตัว ช่วยดักเสียงลมและลดเสียงรบกวน ทำให้การสนทนาทางโทรศัพท์ชัดเจน, ไดนามิกไดรเวอร์ขนาด 11 มิลลิเมตร, แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานให้ยาวนานสูงสุด 38 ชั่วโมง, ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำในระดับ IP55 และ มีค่าเวลาแฝงต่ำ (Ultra-Low Latency) ที่ 94 มิลลิวินาที
เมื่อยกกล่องขึ้นมาก็จะพับกับเคสชาร์จที่มีดีไซน์แบบแคปซูล เป็นสีเดียวกับตัวหูฟัง และมีแผ่นพลากติดพันรอบเคส
หลังจากยกถาดรองเคสชาร์จออกไปแล้ว จะพบกับกล่องสีแดงที่มีลักษณะแบน ภายในมีทั้งคู่มือ, บัตรรับประกัน, แถมจุกหูฟังซิลิโคนมาให้อีก 2 ขนาด และ สายชาร์จ USB Type-C เส้นสีแดง
สำหรับตัวหูฟังทั้ง 2 ข้าง ถูกเก็บไว้ในเคสชาร์จ และได้รับการติดจุกหูฟังขนาด M มาให้แล้ว ถ้าหากลองสวมใส่แล้วรู้สึกไม่พอดี สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยในกล่องแถมจุกหูฟังมาให้อีก 2 คู่ (ขนาด S และ L)
ดีไซน์
สำหรับใครที่เคยใช้ OnePlus Buds Z รุ่นแรกมาก่อน คงจะคุ้นเคยกับดีไซน์ OnePlus Buds Z2 กันเป็นอย่างดี เพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์มากมายนักทั้งตัวเคสและหูฟัง แต่ก็ไม่ได้เหมือนกัน 100% สังเกตได้จากรุ่นแรกจะมีรูไมโครโฟนใต้พื้นที่รับการสัมผัส แต่ไม่พบในรุ่นใหม่ อีกทั้งรุ่นแรกมีไมโครโฟนมาให้ 2 ตัว ส่วนรุ่นใหม่ติดตั้งไมโครโฟน 3 ตัว
นอกจากเพิ่มไมโครโฟน ยังมาพร้อมไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 11 มิลลิเมตร จากรุ่นก่อนที่มีขนาด 10 มิลลิเมตร รองรับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancellation) ทำให้ OnePlus Buds Z2 สามารถสนทนาทางโทรศัพท์ได้ชัดเจนมากขึ้น และให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น แต่ก็ทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งแทบจะไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ และยังถือว่ามีน้ำหนักเบาสบาย
เคสชาร์จของ OnePlus Buds Z2 มีน้ำหนักเพียง 42 กรัม โดยยังคงใช้รูปทรงแคปซูลเหมือนรุ่นก่อนหน้า ด้านบนของฝาเคสติดโลโก้ OnePlus มีความโค้งมน ส่วนด้านล่างจะเป็นพื้นผิวเรียบเพื่อให้วางได้อย่างมั่นคง ด้านหน้าเคสชาร์จมีไฟ LED แสดงสถานะเกี่ยวกับแบตเตอรี่และการเชื่อมต่อ
ด้านหลังเคสมีปุ่มสำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการฟังเสียง ตรงกลางเป็นช่องต่อ USB Type-C (สำหรับชาร์จแบตเตอรี่)
เมื่อเปิดฝาเคสชาร์จจะพบว่าหูฟังทั้ง 2 ข้างถูกจัดเก็บในแนวนอน และมีช่องว่างให้นิ้วมือสามารถหยิบหูฟังออกมาได้อย่างสะดวก
หูฟัง OnePlus Buds Z2 มีน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 4.6 กรัม ยังคงมีส่วนก้านที่ยื่นออกมาแต่สั้นกว่ารุ่นแรก 15% และพื้นผิวรับการสัมผัสที่ด้านหลังที่มีดีไซน์คล้ายแผ่น CD พร้อมจุกหูฟังซิลิโคน เพิ่มความกระชับเมื่อสวมใส่ และให้ความรู้สึกสบายไม่ระคายในช่องหู
พื้นผิวรับการสัมผัสที่ด้านหลังของหูฟังทั้ง 2 ข้าง ใช้ดีไซน์ที่ดูคล้ายกับแผ่น CD และให้การสัมผัสที่แม่นยำในการควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ตามตัวอย่างด้านล่าง (สามารถปรับเปลี่ยนคำสั่งได้ผ่านแอป HeyMelody บนสมาร์ทโฟน)
- แตะครั้งเดียว เพื่อเล่นหรือหยุดชั่วคราว รวมถึงใช้แตะเพื่อรับหรือวางสาย
- แตะสองครั้ง เพื่อข้ามไปแทร็คถัดไป และปฏิเสธสายเรียกเข้า
- แตะสามครั้ง เพื่อย้อนกลับไปแทร็คก่อนหน้า
- แตะค้างไว้ เพื่อสลับโหมดตัดเสียงรบกวน
หูฟัง OnePlus Buds Z2 ทั้ง 2 ข้าง ยังได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำและกันฝุ่นในระดับ IP55 สามารถต้านทานหยดน้ำจากเหงื่อขณะสวมใส่ออกกำลังกาย รวมถึงป้องกันฝุ่นละอองและสายฝนได้ ขณะที่เคสชาร์จ ได้รับมาตรฐาน IPX4 สามารถป้องกันน้ำกระเซ็น สายฝนปรอยๆ และละอองน้ำได้เช่นกัน แต่ไม่กันฝุ่นเหมือนหูฟัง เรียกได้ว่าสามารถวางไว้ในห้องน้ำหรือห้องครัวระหว่างล้างมือได้โดยไม่ต้องกังวล
เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน ANC
จุดเด่นของ OnePlus Buds Z2 อยู่ที่เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Adaptive Noise Cancellation ที่มีให้เลือกปรับใช้งานได้ถึง 3 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่ากำลังฟังเพลงอยู่ในสถานที่ใด หรือต้องการตัดเสียงรบกวนมาก-น้อยขนาดไหน ได้แก่ Faint ตัดเสียงรบกวน 15 เดซิเบล, Extreme ตัดเสียงรบกวนเต็มที่ 40 เดซิเบล และ Smart ตัดเสียงรบกวนในช่วง 15 – 40 เดซิเบล ขึ้นอยู่กับระดับของเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อมที่กำลังใช้งาน อีกทั้งยังได้รับการอัพเกรดเพิ่มไมโครโฟนมาให้ 3 ตัว ช่วยให้การตัดเสียงรบกวนมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
OnePlus Buds Z2 ยังมี Transparency Mode (โหมดฟังเสียงภายนอก) ซึ่งทำงานตรงกันข้ามกับโหมดตัดเสียงรบกวน ANC เมื่อเปิดใช้งานจะช่วยให้ผู้สวมใส่ได้ยินเสียงจากภายนอกได้ชัดเจนมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน เหมือนกับไม่ได้สวมหูฟังไว้ เหมาะสำหรับเปิดใช้งานในกรณีที่ต้องการพูดคุยกับคนรอบข้างในช่วงเวลาสั้นๆ หรือ ฟังเสียงประกาศในสถานที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก
โทรคุยได้อย่างชัดเจน
OnePlus Buds Z2 ได้รับการติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 3 ตัว แบบ ENC (Environmental Noise Cancellation) ช่วยตัดเสียงรบกวนจากลม ลดเสียงรบกวนรอบข้าง รวมถึงไมโครโฟนแบบ Beamforming ที่อยู่ปลายก้านของหูฟัง ช่วยให้เสียงพูดคุยของผู้สวมใส่มีความดังและคมชัดมากเป็นพิเศษ และยังมี Calibrated Voice Isolation ระบบแยกเสียงสนทนาออกจากเสียงรอบข้างที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้สวมใส่ได้ยินเสียงของคู่สนทนาชัดเจนอยู่เสมอ
ให้เสียงคุณภาพสูงเสียงเบสหนักแน่น
OnePlus Buds Z2 มาพร้อมไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 11 มิลลิเมตร (รุ่นก่อนหน้ามีขนาด 10 มิลลิเมตร) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้เสียงเบสได้ที่หนักแน่นและน่าประทับใจเมื่อเทียบกับหูฟัง TWS จากแบรนด์อื่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดเสียงกลางและสูงได้ครบทุกมิติ นอกจากนี้ยัง รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ เนื่องจากให้ประสบการณ์เสียงแบบ 3 มิติสมจริง เหมือนนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์
ทั้งนี้ ระบบเสียง Dolby Atmos ใช้ได้รับสมาร์ทโฟน OnePlus 7, OnePlus 7 Pro, OnePlus 7T, OnePlus 7T Pro, OnePlus 8, OnePlus 8 Pro, OnePlus 8T, OnePlus 9, OnePlus 9 Pro, OnePlus 9R และ OnePlus 9RT
Ultra-Low Latency
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจของหูฟัง OnePlus Buds Z2 คือให้ค่าความหน่วง หรือ Latency ที่ต่ำเป็นพิเศษเพียง 94 มิลลิวินาที เมื่อเปิดใช้โหมด Pro Gaming คู่กับสมาร์ทโฟนของ OnePlus จะช่วยให้เสียงกับภาพของเกมหรือภาพยนตร์ที่กำลังรับชมตรงกันไม่มีเกิดปัญหาภาพมาก่อนเสียง
OnePlus Fast Pair
OnePlus Buds Z2 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ที่มีความเสถียรของสัญญาณดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อน และยังรองรับ OnePlus Fast Pair สามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนของ OnePlus 6 ขึ้นไป และทำงานบน Android 11
OnePlus Fast Pair ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพียงแค่เปิดฝาเคสชาร์จออก ใกล้กับสมาร์ทโฟน บนหน้าจอก็จะแสดงหน้าต่างกันจับคู่ เพียงกดแค่ครั้งเดียว OnePlus Buds Z2 ก็จะจับคู่กับสมาร์ทโฟนของ OnePlus ได้อย่างง่ายดาย สำหรับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น จะต้องกดปุ่มบนเคสค้างไว้เพื่อเข้าสู่โหมดจับคู่ จากนั้นจะสามารถจับคู่ผ่านการตั้งค่า Bluetooth ในสมาร์ทโฟน
หลังจากจับคู่ OnePlus Buds Z2 กับสมาร์ทโฟนเรียบร้อยในครั้งแรก เมื่อต้องการใช้งานในครั้งต่อไป ก็เพียงแต่เปิดฝาเคสชาร์จออกใกล้กับสมาร์ทโฟน หูฟังกับสมาร์ทโฟนก็จะเชื่อมต่อกันทันที ไม่ว่าจะใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน Android หรือ iOS
แบตเตอรี่ให้อายุยาวนานสูงสุด 38 ชั่วโมงรองรับ Wrap Charge
ในหูฟังแต่ละข้างมีแบตเตอรี่ 40mAh ให้อายุการใช้งานยาวนานสำหรับการฟังเพลง 7 ชั่วโมง (เมื่อปิดโหมด ANC) สนทนาได้นานสูงสุด 3.5 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม OnePlus Buds Z2 มาพร้อมเคสชาร์จที่มีความจุ 520mAh ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน 27 ชั่วโมง (เมื่อเปิดโหมด ANC) หรือนานสูงสุด 38 ชั่วโมง (เมื่อปิดโหมด ANC)
นอกจากนี้ OnePlus Buds Z2 ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Wrap Charge ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที สามารถฟังเพลงได้นาน 5 ชั่วโมง (กรณีชาร์จทั้งหูฟังและเคส) หรือชาร์จเฉพาะหูฟังด้วยเคสเพียง 10 นาที จะสามารถฟังเพลงได้นาน 2 ชั่วโมง โดยรองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C (ไม่สนับสนุนการชาร์จไร้สาย)
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
OnePlus Buds Z2 ถูกสร้างมาเพื่อปรับปรุงหูฟัง Buds Z รุ่นแรกที่เปิดตัวในปีที่แล้ว ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์เพียงเล็กน้อย เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบายเหมือนเดิม ด้วยดีไซน์แบบ In-ear ที่มีจุกฟูฟังซิลิโคนคุณภาพสูงช่วยเพิ่มความกระชับโดยไม่ระคายหู และยังมีน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 4.6 กรัม เท่านั้น นอกเหนือจากดีไซน์สไตล์มินิมอล OnePlus Buds Z2 ยังตอบสนองการฟังเพลงได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน ด้วยขนาดไดรเวอร์ไดนามิกที่ใหญ่ขึ้น ให้เสียงเบสดีขึ้น ขณะที่เสียงสนทนาก็คมชัดมากขึ้น เพราะมีการเพิ่มไมโครโฟนเป็น 3 ตัว อีกทั้งยังปรับปรุงด้านการเชื่อมต่อให้เสถียร รวดเร็วขึ้น และยังให้อายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นถึง 38 ชั่วโมง
OnePlus Buds Z2 เริ่มวางจำหน่ายแล้วในราคา 2,999 บาท ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับความสามารถที่มีให้ และยังเป็นราคาที่ไม่สูงเกินไปสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหูฟังไร้สายแบบ TWS ไว้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม รวมถึงใช้โทรแบบแฮนด์ฟรี ทั้งนี้ สามารถหาซื้อหูฟัง OnePlus Buds Z2 ได้ที่ Shopee, Lazada, JD Central, Thisshop และ OnePlus Experience Zone โดยช่วงแรกของการวางจำหน่ายจะมีให้เลือกเฉพาะสีขาว Pearl White ส่วนสีดำ Obsidian Black จะตามมาสมทบในเร็วๆ นี้