ปัจจุบันหลายคนทั่วโลกได้หันมาใช้ iPhone เป็นกล้องตัวหลักกันมากขึ้น เนื่องจากไม่ได้มีเพียงจุดเด่นที่คุณภาพฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ยังมีแอปพลิเคชั่นดีๆ มากมายจาก App Store ที่ช่วยให้ภาพถ่ายออกมามีผลัพธ์ที่แตกต่างไปในทิศทางที่ดีขึ้น และเชื่อว่าช่วงวันหยุดยาวสิ้นปีนี้หลายคนคงจะนำ iPhone ไปใช้บันทึกความทรงจำระหว่างการท่องเที่ยว เราจึงได้รวบรวมแอปพลิเคชั่นที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายและตัดต่อวิดีโอบน iPhone มานำเสนอ ส่วนจะมีแอปอะไรบ้าง เลื่อนลงมาดูกันเลย
FiLMiC Pro (ดาวน์โหลดที่นี่!!)
หากพูดถึงแอปกล้องอันดับต้นๆ สำหรับ iPhone ต้องมีชื่อของ FiLMiC Pro รวมอยู่ในน้น เรียกได้ว่าเป็นแอปอันดับหนึ่ง สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการถ่ายวิดีโออย่างจริงจัง เนื่องจากสามารถควบคุมการตั้งค่ากล้องได้หลายแบบ ไม่ว่าจะปรับโฟกัส, ความไวแสง ISO, เฟรมเนท, การเปิดรับแสง, การซูม และอื่นๆ
FiLMiC Pro ยังสามารถสลับโปรไฟล์สี, โหมด HDR, รูปแบบ ProRes และ ความละเอียด ขณะที่ผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ก็สามารถเข้าถึงการควบคุมเส้นโค้งแกมมา, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว, โหมดถ่ายภาพยนตร์ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า, Downsampling และ การซิงโครไนซ์เสียง
FiLMiC Pro ดาวน์โหลดได้จาก App Store วางจำหน่ายในราคา 349 บาท และสามารถซื้อฟีเจอร์ที่เพิ่มความพิเศษบางอย่างได้อีกภายในแอป
DoubleTake (ดาวน์โหลดที่นี่!!)
แอปพลิเคชั่น DoubleTake ถูกสร้างขึ้นโดยทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง FiLMiC Pro โดยเน้นไปที่การถ่ายวิดีโอโดยใช้กล้องของ iPhone สองตัวพร้อมกัน ผู้ใช้งานสามารถเลือกเลนส์สองแบบเพื่อบันทึกวิดีโอพร้อมกันได้ ไม่ว่าจะรวมกล้องหน้ากับกล้องหลังตัวใดตัวหนึ่ง หรือ ใช้เลนส์ด้านหลังสองตัวที่แตกต่างกัน และสามารถถ่ายสร้างวิดีโอโดยใช้เลนส์หลายตัวพร้อมเอฟเฟกต์แยกหน้าจอ
DoubleTake ดาวน์โหลดได้จาก App Store วางจำหน่ายในราคา 69 บาท แต่เหมาะสำหรับ iPhone 11 และรุ่นใหม่กว่า
Carousel Camera (ดาวน์โหลดที่นี่!!)
มีผู้ใช้งาน iPhone หลายคนที่ชอบถ่ายวิดีโอในแนวตั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับแพลตฟอร์มโซชเชี่ยล แต่ไม่เหมาะสำหรับดูบนทีวีหรือคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าใช้แอป Carousel Camera จะทำให้ได้วิดีโอในอัตราส่วนภาพที่เหมาะสมไม่ว่าจะดูในแนวตั้งหรือแนวนอน
Carousel Camera จะถ่ายวิดีโอในอัตราส่วนภาพแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมาะสำหรับการเปิดดูบนจอมือถือ และสามารถหมุน iPhone ในแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ในระหว่างถ่ายวิดีโอ โดยไม่มีแถบสีดำมารบกวนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานสามารถ Export ไฟล์วิดีโอในอัตราส่วนภาพอื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น 16:9 หรือ 9:16
Carousel Camera ดาวน์โหลดได้จาก App Store โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่สามารถซื้อเวอร์ชั่น Pro ได้ในราคา 35 บาท
Focos Live (ดาวน์โหลดที่นี่!!)
แอปพลิเคชั่น Focos Live ช่วยให้ iPhone รุ่นก่อนหน้า iPhone 13 สามารถถ่ายวิดีโอแบบ Portrait ได้ โดยรวมข้อมูลความลึกจากกล้องด้านหลังของ iPhone เพื่อสร้างเอฟเฟกต์พื้นหลังเบลอในวิดีโอ อีกทั้งยังมีเครื่องมือสำหรับแก้ไขวิดีโอด้วยฟิลเตอร์ การปรับสี และเอฟเฟกต์อื่นๆ
นอกจากนี้ เลนส์โฟกัสยังทำงานได้ดียิ่งขึ้นกับกล้อง TrueDepth และ LiDAR Scanner ใน iPhone 12 Pro และ iPad Pro รุ่นล่าสุด
Focos Live ดาวน์โหลดได้จาก App Store โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่บางฟีเจอร์ต้องซื้อเพิ่มเติมภายในแอป
LumaFusion (ดาวน์โหลดที่นี่!!)
LumaFusion เป็นที่รู้จักกันดีของนักตัดต่อมืออาชีพที่ทำงานบน iPad ในฐานะแอปพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอที่มีเครื่องมือเกือบจะเทียบเท่าโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ และยังมีเวอร์ชั่นสำหรับ iPhone ให้ใช้งานด้วย
LumaFusion ช่วยให้เจ้าของ iPhone สามารถแก้ไขวิดีโอจำนวนมาก รวมถึงเสียง รูปภาพ และชื่อแทร็ก มีตัวเลือกขั้นสูงสำหรับการปรับสี เอฟเฟกต์ การครอบตัด ความเร็ว และสามารถตั้งค่าความละเอียด ตัวแปลงสัญญาณ อัตราเฟรม ก่อน Export ได้
LumaFusion ดาวน์โหลดได้จาก App Store วางจำหน่ายในราคา 1,100 บาท และสามารถซื้อฟีเจอร์ที่เพิ่มความพิเศษบางอย่างได้อีกภายในแอป
iMovie (ดาวน์โหลดที่นี่!!)
Apple มีแอปพลิเคชั่นสำหรับตัดต่อวิดีโอที่ใช้งานง่ายและฟรีอยู่แล้ว นั่นคือ iMovie ที่หลายคนอทาจคุ้นเคยบน Mac แต่ตอนนี้ก็สามารถใช้งานบนอุปกรณ์ iOS ได้เช่นกัน
iMovie มาพร้อมอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายมากเพื่อให้ทุกคนสามารถตัดต่อวิดีโอได้โดยตรงบน iPhone ผู้ใช้สามารถใช้ iMovie เพื่อครอบตัด ปรับความเร็ว และเพิ่มเอฟเฟกต์ให้กับวิดีโอ นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกในการเพิ่มชื่อ เพลง เอฟเฟกต์เสียง และแม้แต่แก้ไขวิดีโอที่บันทึกด้วยโหมดภาพยนตร์บน iPhone 13
iMovie ดาวน์โหลดได้จาก App Store โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่บางฟีเจอร์รองรับเฉพาะการใช้งานบน iPhone และ iPad รุ่นล่าสุดเท่านั้น
ที่มา – 9to5Mac