ในปีที่แล้ว Apple ได้ทำการรีเฟรช MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม มาพร้อม Magic Keyboard ใหม่ ขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น 2 เท่า ประสิทธิภาพเร็วขึ้น ก่อนจะรีเฟรช MacBook Air อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะได้เปลี่ยนมาใช้ชิปประมวลผลที่ Apple ออกแบบเอง เรียกว่าชิป M1 ส่วนจะมีความแตกต่างจากรุ่นใช้ชิป Intel ก่อนหน้ามากน้อยขนาดไหน ทีมงาน @flashfly พร้อมแล้วที่จะรีวิวให้ชม
สเปกหลัก MacBook Air รุ่นชิป M1
- จอแสดงผล Retina ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล (227 พิกเซลต่อนิ้ว) ขนาด 13.3 นิ้ว
- ระบบปฏิบัติการ macOS Big Sur
- ชิป Apple M1 พร้อม GPU และ Neural Engine ในตัว
- ความจำ RAM 8GB (ปรับแต่งได้สูงสุด 16GB)
- ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุเริ่มต้น 256GB (ปรับแต่งได้สูงสุด 2TB)
- พอร์ต Thunderbolt หรือ USB 4 จำนวน 2 พอร์ต, ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi‑Fi 6 และ Bluetooth 5.0
- กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 720p
- ลำโพงสเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos
- ชุดไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง
- แบตเตอรี่ 49.9 วัตต์ต่อชั่วโมง เล่นภาพยนตร์ในแอพ Apple TV นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- มิติตัวเครื่อง ความกว้าง 30.41 x ความลึก 21.24 x ความสูง 0.41 – 1.61 เซนติเมตร
- น้ำหนัก 1.29 กิโลกรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีทอง, สีเงิน และ สีเทาสเปซเกรย์
แกะกล่อง MacBook Air รุ่นชิป M1
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ที่มาพร้อมชิป M1 ถูกเก็บไว้ในกล่องสไตล์เดิมเหมือนรุ่นก่อน เป็นกล่องสีขาวสะอาดตา และถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกใส โดยมีที่ให้ฉีกออกได้ง่ายๆ
บนฝากล่องพิมพ์รูปภาพด้านข้างของ MacBook Air เพื่อเน้นให้เห็นถึงความบางเป็นพิเศษ
ข้างกล่องพิมพ์ชื่อ MacBook Air และอีกข้างติดโลโก้ Apple
ด้านหลังกล่อง ให้รายละเอียดด้านสเปกที่สำคัญของตัวเครื่องไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสี ความจำ ความจุของตัวเครื่อง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต
หลังจากยกฝาฝากล่องขึ้นมา ก็จะพบกับตัวเครื่อง MacBook Air ทันที โดยมีแผ่นพลาสติกห่อหุ้มไว้ ช่วยป้องกันริ้วรอยในระหว่างขนส่ง
เมื่อยก MacBook Air ออกไป จะพบช่องเก็บซองเอกสารสีขาว ด้านในมีคู่มือการใช้งาน ใบรับประกันตัวเครื่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
เอกสารยืนยันการรับรองจาก กสทช.
แถมสติกเกอร์โลโก้ Apple มาให้ 2 ชิ้นในแผ่นเดียวกัน
ใต้ซองเอกสารเป็นที่เก็บ อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 30 วัตต์
ถัดลงมาเป็นสายชาร์จ USB‑C ยาว 2 เมตร
กลับมาดู MacBook Air อีกครั้ง เมื่อกางหน้าจอขึ้นมา จะพบว่ามีแผ่นกระดาษบางๆ วางคั่นระหว่างหน้าจอกับแผงคีย์บอร์ด และจะเปิดเครื่องทันทีที่กางหน้าจอขึ้น โดยมีเสียงเปิดเครื่องที่คุ้นเคย รอให้ MacBook Air ใช้เวลา Boot เครื่องสักเล็กน้อย ก็จะเข้าสู่หน้าจอการตั้งค่า ให้ทำตามขั้นตอนได้เลย โดยการตั้งค่าเหล่านี้จะแสดงขึ้นเมื่อเปิดใช้งานครั้งแรกเท่านั้น (หรือมีการล้างเครื่องใหม่)
ดีไซน์บางสุดพรีเมียม
เนื่องจาก MacBook Air รุ่นก่อนหน้า ได้รับการรีเฟรชไปแล้วในช่วงวต้นปี ก่อนจะออก MacBook Air รุ่นชิป M1 ในช่วงท้ายปี ทำให้ดีไซน์ของ MacBook Air ทั้ง 2 รุ่นในปี 2020 ยังใช้ดีไซน์และวัสดุแบบเดียวกัน MacBook Air รุ่นชิป M1 ยังคงมีเอกลักษณ์ที่ความบางเบา วัสดุโลหะสุดพรีเมียม (อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%) ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีทอง, สีเงิน และ สีเทาสเปซเกรย์
ก่อนเปิดฝา จะพบโลโก้ Apple อยู่ตรงกลางฝาด้านบน MacBook Air รุ่นชิป M1 มีความบาง 16.1 มิลลิเมตร แต่เมื่อกางฝาขึ้นมา จะมีความบางเพียง 4.1 มิลลิเมตร
ด้านข้างมีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ 2 ช่อง รองรับมาตรฐาน Thunderbolt 3 และ USB 4 รองรับทั้งการชาร์จแบตเตอรี่, ถ่ายโอนข้อมูล (ความเร็วสูงสุด 40Gb/s), เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ และใช้เป็น DisplayPort
อีกข้างมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างติดแผ่นยางวงกลมไว้ทั้ง 4 มุม เพื่อให้วาง MacBook Air ได้อย่างมั่นคง และมีช่องระบายความร้อนซ่อนอยู่ตามแนวช่องว่างของบานพับ
เมื่อกางฝาขึ้น จะพบกับจอแสดงผล Retina รองรับสีสันหลายล้านสี ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ขนาด 13.3 นิ้ว (227 พิกเซลต่อนิ้ว) ความสว่าง 400 นิต ใช้แบ็คไลท์แบบ LED พร้อมเทคโนโลยี IPS ให้มุมมองกว้างชัดเจน อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี True Tone และให้ขอบเขตสีกว้าง (P3)
ถ้าหากขนาดหน้าจอ ขนาด 13.3 นิ้ว เล็กเกินไป หรือ ต้องการขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น สามารถต่อจอภาพภายนอก ได้ 1 จอ โดยสนับสนุนความละเอียดสูงสุด 6K ที่ 60Hz สามารถต่อจอเพิ่มได่้ผ่าน DisplayPort ในตัวด้วย USB‑C หรือ ส่งสัญญาณภาพผ่าน VGA, HDMI และ Thunderbolt 2 โดยใช้อะแดปเตอร์ที่ต้องซื้อแยกต่างหาก
กล้อง FaceTime ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ตรงกึ่งกลางเหนือจอแสดงผล โดยมีชุดไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง เพื่อการสนทนาหรือบันทึกเสียงการประชุมที่คมชัด ถึงแม้ยังคงใช้กล้อง FaceTime ความละเอียด HD 720p แต่ก็ให้ภาพที่คมชัดกว่ารุ่นก่อน ด้วยประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ หรือ ISP ที่มาพร้อมชิป M1
ส่วนแผงคีย์บอร์ดของ MacBook Air ได้รับการปรับปรุงมาแล้วตั้งแต่เวอร์ชั่นต้นปี 2020 โดยใช้แผงคีย์บอร์ด Magic Keyboard ที่มีกลไกปุ่มกดแบบกรรไกร ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความทนทาน และให้ประสบการณ์ที่ดีขึ้น ด้วยระยะการขยับขึ้นลงของปุ่มเพียง 1 มิลลิเมตร ทำให้พิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว และลดเสียงรบกวนระหว่างพิมพ์
แผงคีย์บอร์ดของ MacBook Air รุ่นชิป M1 ยังมีไฟแบ็คไลท์มาให้เหมือนเดิม พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ สำหรับปรับความสว่างให้อัตโนมัติ หรือจะปรับระดับเองได้จากปุ่มทางลัดในปุ่มฟังก์ชั่นแถวบน
ช่องว่างแต่ละปุ่มมีระยะห่างที่เหมาะสม ทำให้พิมพ์ข้อความได้ถนัดขึ้น โดยมีปุ่มลูกศร 4 ปุ่ม แบบรูปตัว T กลับหัว และมาพร้อมเซ็นเซอร์ Touch ID ฝังไว้ที่ปุ่มมุมบนขวามือ
Apple ติดตั้งลำโพงคุณภาพสูงมาให้ 2 ตัว วางอยู่ที่ฝั่งซ้ายและขวาของแผงคีย์บอร์ด ให้เสียงสเตอริโอที่ดังชัดใส รับรู้ได้ถึงมิติของเสียง และยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
MacBook Air รุ่นชิป M1 มาพร้อมแทร็คแพดขนาดใหญ่ สามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้อย่างแม่นยำ และรองรับ Force Touch ช่วยให้รับรู้แรงกดในการคลิกลงน้ำหนัก หรือเร่งความเร็วตามแรงกด รวมไปถึงการวาดนิ้วที่ไวต่อแรงกด และคำสั่งหลายนิ้วแบบ Multi-Touch
ประสิทธิภาพแรงเหนือคู่แข่ง
หน่วยประมวลผลเป็นตัวบ่งบอกความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง MacBook Air รุ่นก่อนหน้า กับรุ่นล่าสุด โดยเป็นครั้งแรกที่ Apple ได้นำชิปประมวลผลที่ออกแบบเอง มาใช้กับผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ ประกอบด้วย MacBook Air, MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว และ Mac mini พร้อมตั้งชื่อชิปรุ่นแรกว่า M1
MacBook Air รุ่นก่อนหน้า ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core รุ่นที่ 10 มีให้เลือกทั้ง Core i3, Intel Core i5 และ Intel Core i7 แต่ MacBook Air รุ่นใหม่ ใช้ชิป M1 มาพร้อม CPU แบบ 8-core ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง 4 คอร์ + คอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ พร้อม GPU 7-core และ Neural Engine แบบ 16-core (มี GPU แบบ 8-core เป็นอีกตัวเลือก)
ชิป M1 เป็นชิปแบบ SoC หรือ System on Chip ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร บรรจุทรานซิสเตอร์มากถึง 16 พันล้านตัว ให้ประสิทธิภาพ CPU เร็วขึ้นสูงสุด 3.5 เท่า ประสิทธิภาพ GPU เร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า การเรียนรู้ของระบบเร็วขึ้นสูงสุด 15 เท่า และยังให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac รุ่นก่อนหน้า
เปรียบเทียบประสิทธิภาพ MacBook Air ระหว่างรุ่นชิป M1 กับรุ่นก่อนหน้า
- ใช้ Final Cut Pro แปลง ProRes เร็วขึ้น 3.9 เท่า
- ใช้ Final Cut Pro เรนเดอร์ไฟล์ 3D เร็วขึ้น 5.3 เท่า
- ใช้ Adobe Lightroom ส่งออกรูปภาพ เร็วขึ้น 2.3 เท่า
- ให้ประสิทธิภาพของเกมลื่นไหลขึ้น 3.1 เท่า สำหรับเกม Shadow of the Tomb Raider
ผลทดสอบข้างต้น เป็นการเปรยบเทียบระหว่าง MacBook Air รุ่นชิป M1 ที่ใช้ GPU แบบ 8-core กับ MacBook Air รุ่นก่อนหน้าที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 ด้านหน่วยความจำของ MacBook Air รุ่นชิป M1 มาพร้อม RAM เริ่มต้น 8GB สามารถอัพเกรดตอนทำรายการสั่งซื้อได้สูงสุด 16GB สำหรับตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD มีความจุเริ่มต้น 256GB และสามารถอัพเกรดตอนทำรายการสั่งซื้อได้สูงสุด 2TB
SSD ใน MacBook Air รุ่นใหม่ มีความเร็วเพิ่มขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac รุ่นก่อนหน้า โดยให้ความเร็วในการอ่านต่อเนื่องสูงสุด 3.3GB/s และให้ความเร็วในการเขียนต่อเนื่องสูงสุด 3.1GB/s MacBook Air รุ่นชิป M1 ยังให้ประสบการณการใช้งานที่ดีกว่า ด้วยดีไซน์แบบ Fanless หรือ ไม่มีพัดลมทำ จึงไม่มีเสียงดังรบกวนแม้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพอย่างเต็มที่
การเชื่อมต่อไร้สาย
MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุด ยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 เหมือนรุ่นก่อน แต่การเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้รับมาตรฐานใหม่ Wi‑Fi 6 (802.11a/b/g/n/ac/ax) ขณะที่รุ่นก่อนหน้าใช้ Wi‑Fi 5 (802.11a/b/g/n/ac)
แบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน
MacBook Air รุ่นชิป M1 ยังใช้แบตเตอรี่ Lithium Polymer ขนาด 49.9 วัตต์ต่อชั่วโมง แบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่ด้วยประสิทธิภาพของชิปรุ่นใหม่ ช่วยให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ให้พลังงานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง สำหรับการชมภาพยนตร์ผ่านแอพ Apple TV นานกว่ารุ่นกนหน้า 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ MacBook Air รุ่นใหม่ ยังสามารถท่องเว็บไซต์ได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง และสนทนาผ่าน FaceTime ได้ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า
ติดตั้งแอพพลิเคชั่น iPhone และ iPad ได้
MacBook Air รุ่นชิป M1 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ macOS Big Sur ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากชิป M1 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เจ้าของ Mac จึงสามารถใช้แอพได้หลากหลายกว่าที่เคย โดยทีมวิศวกรของ Apple ได้ปรับแต่งซอฟต์แวร์พื้นฐานทั้งหมดของ Mac ให้เป็นแบบสากล เพื่อให้ทำงานบน Mac ที่ใช้ชิป M1 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยที่ App Store ของ MacBook Air รุ่นชิป M1 จะสามารถติดตั้งใช้งานบางแอพพลิเคชั่น iPhone และ iPad ได้ สามารถค้นหาได้ง่ายๆเพียงพิมพ์ชื่อแอพพลิเคชั่นหรือเกมที่ต้องการไปในช่องค้นหา ถ้าปรากฎก็จะสามารถติดตั้งใช้งานได้ แต่อาจจะไม่สะดวกเท่าการใช้งานระบบสัมผัสบนหน้าจอ
macOS Big Sur มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาของ User Interface เล็กน้อย เพื่อให้ดูง่ายสบายตามากขึ้น ตั้งแต่ส่วนโค้งของมุมหน้าต่างจนถึงชุดสีและวัสดุ เพื่อให้ใช้งานส่วนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และยังควบคุมได้มากขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยยังคงลักษณะเด่นของไอคอนใน Dock ไว้เช่นเดิม
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
MacBook Air รุ่นชิป M1 ได้รับการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ช่วยให้การทำงานรวดเร็วยื่งขึ้น และยังให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้นอีกหลายชั่วโมง และด้วยดีไซน์บางเบา ยิ่งทำให้ MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุด เหมาะที่จะเป็นแล็ปท็อปสำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมถึงผู้ใช้งานทั่วไป ที่เน้นใช้งานอินเทอร์เน็ต ทำงานเอกสาร แต่ก้สามารถตอบสนองการใช้งานด้านกราฟิกและเล่นเกมได้ลื่นไหลมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
MacBook Air รุ่นชิป M1 ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีทอง, สีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์ และมี 2 ตัวเลือก โดยมีราคาเริ่มต้นแตกต่างกันดังนี้ ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท มาพร้อม GPU แบบ 7‑core, หน่วยความจำแบบรวม ขนาด 8GB, ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 256GB ราคาเริมต้น 41,400 บาท มาพร้อม GPU แบบ 8-core, หน่วยความจำแบบรวม ขนาด 8GB, ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 512GB อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ตัวเลือก สามารถอัพเกรดประสิทธิภาพด้านความจำได้อีกจากการทำรายการสั่งซื้อ