เดือนกันยายนที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัวชิปประมวลผล A15 Bionic สำหรับ iPhone 13 Series ทั้ง 4 รุ่น รวมถึง iPad mini รุ่นที่ 6 โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 5 นาโนเมตรของ TSMC ประกอบด้วยจำนวนทรานซิสเตอร์ 1.5 หมื่นล้านตัว เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับชิป A14 Bionic ที่มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 1.18 พันล้านตัว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ชิป A15 Bionic จะมีจำนวนทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับชิป A14 Bionic แต่ถ้าเทียบเป็นความหนาแน่นต่อตารางมิลลิเมตร จะพบว่าชิป A15 Bionic มีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น (ความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์สามารถบอกได้ว่า ยิ่งมีความหนาแน่นมากเท่าได ชิปก็จะยิ่งทรงพลังและประหยัดพลังงานมากขึ้นเท่านั้น)
แหล่งข่าวอ้างว่า สาเหตุที่ชิป A15 Bionic ไม่ได้รับการปรับปรุงที่สำคัญด้าน CPU มาจากปัญหาสมองไหลของบริษัทฯ โดยเฉพาะการย้ายออกไปของ Gerard Williams III บุคลากรคนสำคัญที่มีส่วนช่วยออกแบบชิปประมวลผล A-series ของ Apple ตั้งแต่รุ่น A7 ถึง A12X
เนื่องจาก CPU ของชิป A15 Bionic ไม่ได้รับการปรับปรุงมากนักเมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน ทำให้ Apple ไม่ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างชิปรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า เหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่กลับเปรียบเทียบชิป A15 Bionic กับ A12 Bionic ในการเปิดตัว iPad mini รุ่นที่ 6
Apple กล่าวว่า “ชิป A15 Bionic ประหยัดพลังงานอย่างเหลือเชื่อ มอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานตลอดวัน CPU แบบ 6-core มาพร้อมประสิทธิภาพที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 40% และ GPU แบบ 5-core ที่ให้ประสิทธิภาพกราฟิกที่ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ถึง 80% เมื่อเทียบกับ iPad mini รุ่นก่อนหน้า”
เมื่อถึงคิวเปิดตัว iPhone 13 Series บริษัทใหญ่จากเมืองคูเปอร์ติโน กลับเจาะจงไปที่ Neural Engine แบบ 16-core ของชิปรุ่นใหม่ที่ประมวลผลได้ถึง 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที ซึ่งมากกว่า 44% ของการทำงาน 11 ล้านล้านต่อวินาทีที่ชิป A14 Bionic ทำได้
และแทนที่จะเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างชิป A15 Bionic กับ A14 Bionic กลับบอกว่าชิป A15 เร็วกว่าคู่แข่งในระดับชั้นแนวหน้าสูงสุด 50% และมาพร้อม GPU แบบ 5-core ใหม่ในรุ่น Pro เพื่อประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่เร็วที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน
ที่มา – Phonearena