สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจุบัน ยังไม่สามารถไว้ใจได้ ทำให้หลายคนวิตกกังวลถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพ ดังนั้น ถ้าหากมีอุปกรณ์ที่สามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ว่ามีความเสี่ยง ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างเช่น Smartwatch และ Smartband หรือ สายรัดข้อมือดิจิตอล ก็สามารถตรวจจับสัญญาณ COVID-19 ได้ แต่ต้องมีฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2
ปกติแล้วคนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ควรมีค่า SpO2 หรือ ระดับออกซิเจนในเลือด อยู่ในช่วง 95 ถึง 100% ถ้าระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 95% แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะพร่องออกซิเจน แต่ถ้าระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 90% อาจหมายถึงมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับปอดและระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นไปได้ที่ร่างกายอาจได้รับเชื้อ COVID-19 และวันนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้รวบรวม Smartwatch และ Smartband ที่มีฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด มาแนะนำหลายรุ่น ตามรายชื่อด้านล่าง
OPPO Band – ราคา 1,199 บาท
สำหรับเจ้าของสมาร์ทโฟนแบรนด์ OPPO ที่กำลังมองหาอุปกรณ์สวมใส่ของ OPPO มาใช้คู่กัน นอกจาก OPPO Watch ยังมี OPPO Band เป็นอีกทางเลือกที่ราคาถูกว่า และยังมีฟีเจอร์ SpO2 สามารถตรวจสอบความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแบบวินาทีต่อวินาที ได้ถึง 28,800 ครั้ง ในขณะนอนหลับเป็นเวลา 8 ชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 12 วัน
realme Watch – ราคา 1,999 บาท
Smartwatch รุ่นแรกของแบรนด์ realme มาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ ติดตามการออกกำลังกายได้ 14 ประเภท สามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังป้องกันกันน้ำที่ระดับ 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที และได้รับแบตเตอรี่ที่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 20 วัน (รีวิว realme Watch)
realme Watch S – ราคา 2,999 บาท
realme Watch S ไม่ได้ออกมาแทนที่ realme Watch รุ่นแรก แต่เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับการออกแบบใหม่ และให้ความพรีเมียมมากขึ้น เปลี่ยนจากหน้าปัดสี่เหลี่ยมเป็นวงกลม มาพร้อมจอสัมผัสขนาด 1.3 นิ้ว สามารถปรับความสว่างอัตโนมัติ รองรับฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออซิเจนในเลือด แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 15 วัน (รีวิว realme Watch S)
realme Watch S Pro – ราคา 4,999 บาท
realme Watch S Pro ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมียม มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ป้องกันน้ำในระดับ 5ATM สวมใส่ว่ายน้ำได้ ติดตามการออกกำลังกายได้ 15 ประเภท แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนาน 14 วัน รองรับฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และแน่นอนว่าวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้ด้วย (รีวิว realme Watch S Pro)
HUAWEI Band 6 – ราคา 1,899 บาท
HUAWEI Band 6 เป็นอุปกรณ์ติดตามสุขภาพที่มีความสามารถเทียบเท่า Smartwatch ขนาดเล็ก แสดงผลได้อย่างชัดเจนให้รายละเอียดครบถ้วนด้วยจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.47 นิ้ว แบบ FullView Display มีความสามารถในการป้องกันน้ำในระดับ 5ATM ติดตามการออกกำลังกายได้มากถึง 96 โหมด แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนาน รองรับชาร์จเร็ว ติดตามการนอนหลับ ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจตลอดทั้งวัน และ ตรวจสอบความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด SpO2 ตลอดทั้งวัน (รีวิว HUAWEI Band 6)
HUAWEI Watch Fit – ราคา 3,499 บาท
HUAWEI Watch Fit มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.64 นิ้ว รองรับฟีเจอร์ Always On Display สามารถต้านทานน้ำในระดับ 5ATM รองรับโหมดติดตามการออกกำลังกาย 96 โหมด และคอร์สฟิตเนส 12 รูปแบบ พร้อมภาพเคลื่อนไหว แนะนำแบบเรียลไทม์ ส่วนฟีเจอร์ติดตามสุขภาพก็มีมาให้ครบครันทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และการวัดค่าออกซิเจนในเลือด SpO2 (รีวิว HUAWEI Watch Fit)
HUAWEI Watch GT 2 Pro – ราคา 9,990 บาท
HUAWEI WATCH GT 2 Pro ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามหรูหรา เหมือนนาฬิกาข้อมือระดับไฮเอนด์ ตัวเรือน HUAWEI WATCH GT 2 Pro ทำมาจากไทเทเนียม ด้านหลังใช้วัสดุเซรามิกเคลือบเงา จอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ป้องกันหน้าจอด้วยแซฟไฟร์ ป้องกันน้ำได้ในระดับ 5ATM สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจในระหว่างออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำ และวัดค่า SpO2 ออกซิเจนในเลือดได้ (รีวิว HUAWEI Watch GT 2 Pro)
Xiaomi Mi Band 6
Mi Band 6 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.56 นิ้ว แสดงผลได้มากกว่าราว 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน มีโหมดการออกกำลังมากกว่าเดิมถึงสองเท่า แล้วมีโหมดการออกกำลังที่ท้าทายกว่า 30 รูปแบบ และสามารถวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2), การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และวัดคุณภาพการนอนหลับได้
Fitbit Versa 3 – ราคา 9,190 บาท
Fitbit Versa 3 เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์ด้านสุขภาพ การออกกำลังกายและความสะดวกสบายในการใช้งาน มีระบบ GPS ในตัว แผนผังความเข้มข้นในการออกกำลังกาย และเทคโนโลยี PurePulse 2.0 รวมถึง Active Zone Minutes นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานคำสั่งเสียงจาก Google Assistant และ Amazon Alexa รวมถึงมีฟีเจอร์วัดค่าออกซิเจนในเลือดด้วย
Fitbit Sense – ราคา 11,990 บาท
Fitbit Sense ถือเป็นสมาร์ทวอทช์ระดับพรีเมี่ยม เมื่อเทียบกับ Fitbit Versa 3 ที่เปิดตัวพร้อมกัน รองรับ PurePulse 2.0 เทคโนโลยีวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ทันสมัยที่สุดของ Fitbit ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG วัดอุณหภูมิผิวบริเวณข้อมือ และ วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด SpO2 (รีวิว Fitbit Sense)
AmazFit T-Rex Pro – ราคา 5,599 บาท
Amazfit T-Rex Pro มีจุดเด่นที่ความทนทาน ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810 ป้องกันน้ำถึงระดับ 10ATM แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 วัน มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว รองรับโหมด Always On Display สามารถติดตามการออกกำลังกายได้มากกว่า 100 ชนิดกีฬา วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ติดตามสุขภาพการนอน และ วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด SpO2
Samsung Galaxy Watch 3 – ราคาเริ่มต้น 12,900 บาท
Samsung Galaxy Watch 3 ถูกดีไซน์มาอย่างหรูหรา รองรับการเชื่อมต่อครบครัน มีทั้งตัวเลือก Wi-Fi และ LTE ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพก็ให้มาอย่างครบถ้วนทั้งการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), ออกซิเจนในเลือด (SpO2), ตรวจจับการล้ม, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ติดตามคุณภาพการนอนหลับ รวมถึงฟีเจอร์ติดตามการออกกำลัง และการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน (รีวิว Samsung Galaxy Watch 3)
Apple Watch Series 6 – ราคาเริ่มต้น 13,400 บาท
นี่คือ Apple Watch ที่มีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบครันที่สุด และเป็นเพียงรุ่นเดียวที่มีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด (SpO2 ) อีกทั้งได้รับชิปรุ่นใหม่ที่ทำงานเร็วขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน มาพร้อมจอแสดงผล LTPO OLED Retina แบบ Always On Display ความสว่างมากกว่า Apple Watch Series 5 ถึง 2.5 เท่า แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง มีให้เลือกทั้งรุ่น Wi-Fi และ LTE (รีวิว Apple Watch Series 6)
ถึงแม้การวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ด้วย Smartwatch หรือ Smartband ไม่ได้ให้ผลแม่นยำ 100% และไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือวินิจฉัยได้ว่าผู้สวมใส่ติดเชื้อ COVID-19 หรือไม่ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าร่างกายมีความผิดปกติเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที เรียกได้ว่ามีไว้ดีกว่าไม่มี