วันนี้ Apple® เปิดตัว AirTag™ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมชิ้นเล็กที่เรียบหรูดูดีเพื่อช่วยติดตามและค้นหาสิ่งของสำคัญโดยอาศัยแอปค้นหาของฉันจาก Apple ซึ่งไม่ว่าคุณจะติด AirTag ไว้กับกระเป๋าถือ กุญแจ กระเป๋าเป้ หรือสิ่งของอื่นๆ AirTag ก็จะอาศัยเครือข่ายค้นหาของฉัน1 ที่กว้างไกลทั่วโลกเพื่อระบุตำแหน่งสิ่งของที่หายไป และขณะเดียวกันยังมีการเข้ารหัสข้อมูลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งโดยไม่มีการระบุตัวตน AirTag มีจำหน่ายในแบบแพ็ค 1 ชิ้น และ 4 ชิ้นในราคา 990 บาท และ 3,990 บาท ตามลำดับ
“เรารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ กับความสามารถใหม่อันน่าทึ่งที่ผู้ใช้ iPhone กำลังจะได้สัมผัสจากการเปิดตัว AirTag ซึ่งอาศัยเครือข่ายค้นหาของฉันที่กว้างไกลในการติดตามและค้นหาสิ่งของสำคัญต่างๆ” Kaiann Drance รองประธานฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ iPhone ทั่วโลกของ Apple กล่าว “AirTag โดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์ ประสบการณ์ในการค้นหาที่ยากจะหาใครเทียบ รวมถึงคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่มีมาให้ ซึ่งทำให้ลูกค้ามีอีกหนึ่งวิธีในการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศอันแข็งแกร่งของ Apple และยังช่วยเสริมให้ iPhone มีความอเนกประสงค์ยิ่งขึ้นด้วย”
ดีไซน์น้ำหนักเบาและการตั้งค่าที่มหัศจรรย์
AirTag ทรงกลมแต่ละชิ้นมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำจากสแตนเลสสตีลขัดเงาที่มีการสลักข้อความอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP672 มีลำโพงในตัวที่จะเล่นเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของ AirTag พร้อมด้วยที่ครอบแบบถอดได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ3 นอกจากนี้ AirTag ยังมาพร้อมประสบการณ์การตั้งค่าที่มหัศจรรย์ไม่ต่างจาก AirPods® เพียงแค่นำ AirTag มาอยู่ใกล้ๆ iPhone® ทั้งคู่ก็จะเชื่อมต่อกันทันที จากนั้นผู้ใช้สามารถตั้งชื่อและเลือกว่าจะใช้ AirTag ชิ้นนั้นกับสิ่งของอะไร โดยจะเลือกจากค่าเริ่มต้นอย่าง “กุญแจ” และ “เสื้อแจ็คเก็ต” หรือจะตั้งชื่อเองก็ได้
ลูกค้าสามารถใส่ความเป็นตัวเองให้กับ AirTag ได้ด้วยบริการสลักข้อความและอิโมจิ 31 แบบฟรีเมื่อซื้อจาก apple.com/th หรือแอป Apple Store® นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถใส่ AirTag ไว้ในซองหรือกระเป๋าของตัวเองได้ง่ายๆ หรือเลือกใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับ AirTag หลายประเภทที่ออกแบบโดย Apple ไม่ว่าจะเป็นห่วงคล้องที่ทำจากโพลียูรีเทน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและทนทาน หรือห่วงคล้องแบบหนังและพวงกุญแจหนัง4 ซึ่งใช้หนังยุโรปที่ผ่านกรรมวิธีการฟอกสุดพิเศษ โดยที่แต่ละชิ้นสวมครอบ AirTag ได้แน่นพอดี และยังนำไปติดกับข้าวของของผู้ใช้ได้สะดวก ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความโดดเด่นไม่ซ้ำใครแล้วยังช่วยให้มั่นใจว่า AirTag จะติดอยู่กับของสำคัญโดยไม่หลุดหายอย่างแน่นอน
ประสบการณ์การค้นหาแบบครบวงจร
เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว AirTag จะปรากฏในแถบ “สิ่งของ” ใหม่ในแอปค้นหาของฉัน โดยที่ผู้ใช้สามารถดูตำแหน่งปัจจุบันหรือตำแหน่งสุดท้ายของสิ่งนั้นบนแผนที่ได้ และหากผู้ใช้หาของไม่เจอแต่อยู่ในระยะของ Bluetooth ก็สามารถใช้แอปค้นหาของฉันเพื่อสั่งให้ AirTag ส่งเสียงเพื่อช่วยให้หาเจอได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถบอกให้ Siri®ค้นหาสิ่งของ แล้ว AirTag ก็จะเล่นเสียงหากอยู่ใกล้ๆ
AirTag มาพร้อมชิป U1 ที่ออกแบบโดย Apple และใช้เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” หรือ Precision Finding{18}5{19} สำหรับผู้ใช้ iPhone 11 และ iPhone 12 เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้สามารถบอกระยะห่างและทิศทางไปยัง AirTag ที่หายไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำเมื่ออยู่ในระยะ และเมื่อผู้ใช้เคลื่อนที่ คุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” จะใช้ข้อมูลที่ได้จากทั้งกล้อง, ARKit®, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และไจโรสโคปประกอบกัน แล้วพาผู้ใช้ไปยังตำแหน่งของ AirTag โดยใช้ทั้งเสียง การสั่น และภาพในการนำทาง
หาก AirTag แยกกับเจ้าของและอยู่นอกระยะของ Bluetooth เครือข่ายค้นหาของฉันก็ยังช่วยติดตามได้ โดยอาศัยอุปกรณ์ Apple นับพันล้านเครื่องในเครือข่ายค้นหาของฉันเพื่อตรวจจับสัญญาณ Bluetooth จาก AirTag ที่หายไป แล้วส่งต่อตำแหน่งที่ตั้งนั้นกลับมายังเจ้าของ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเบื้องหลังโดยไม่มีการระบุตัวตนและเป็นส่วนตัว
ยิ่งกว่านั้นผู้ใช้ยังสามารถตั้ง AirTag เข้าสู่โหมดสูญหายเพื่อให้มีการแจ้งเตือนเมื่อ AirTag อยู่ในระยะ หรือเมื่อเครือข่ายค้นหาของฉันหา AirTag นั้นเจอ และผู้ที่หาเจอก็สามารถใช้ iPhone หรืออุปกรณ์ที่รองรับ NFC แตะที่ AirTag นั้น เพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ที่แสดงหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อเจ้าของ หากเจ้าของได้ระบุไว้
AirTag รองรับคุณสมบัติ “การช่วยการเข้าถึง” ที่มาพร้อมกับ iOS ตัวอย่างเช่น คุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” สามารถใช้ VoiceOver เพื่อนำทางผู้ใช้ที่ตาบอดหรือมีปัญหาในการมองเห็นไปยังตำแหน่งของ AirTag ด้วยเสียงพูด เช่น “AirTag อยู่ห่าง 3 เมตรไปทางด้านซ้ายของคุณ”
มาพร้อมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
AirTag ได้รับการออกแบบมาตั้งแต่เริ่มแรกเพื่อเก็บรักษาข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งเป็นส่วนตัวและปลอดภัยโดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลและประวัติตำแหน่งที่ตั้งไว้ในตัวอุปกรณ์ AirTag และการสื่อสารกับเครือข่ายค้นหาของฉันยังได้รับการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จึงมีเฉพาะเจ้าของเท่านั้นที่สามารถดูข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของ AirTag ได้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวตนหรือตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ช่วยหา แม้แต่ Apple เอง
AirTag ยังได้รับการออกแบบให้มาพร้อมคุณสมบัติส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันการติดตามโดยไม่พึงประสงค์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของวงการ โดยมีการหมุนเวียนตัวบ่งชี้สัญญาณ Bluetooth ที่ AirTag ส่งออกมาอยู่เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการติดตามตำแหน่งที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้อุปกรณ์ iOS ยังสามารถตรวจจับ AirTag ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของ พร้อมกับแจ้งให้ผู้ใช้ทราบหากมี AirTag ที่ไม่รู้จักเดินทางไปยังที่ต่างๆ หลายแห่งพร้อมกับผู้ใช้ และถึงแม้ว่าผู้ใช้จะไม่มีอุปกรณ์ iOS แต่หาก AirTag แยกกับเจ้าของเป็นเวลานาน ก็จะเล่นเสียงเมื่อมีการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกความสนใจ ยิ่งกว่านั้นหากผู้ใช้พบ AirTag ที่ไม่รู้จักก็สามารถใช้ iPhone หรืออุปกรณ์ที่รองรับ NFC แตะที่ AirTag นั้น แล้วทำตามคำแนะนำเพื่อปิดการทำงานของ AirTag ที่ไม่รู้จักได้ทันที
AirTag กับ Hermès
Apple ร่วมกับ Hermès เปิดตัว AirTag Hermès ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมสุดหรูที่ผลิตด้วยมือหลายประเภท อย่างเครื่องประดับห้อยกระเป๋า พวงกุญแจ แท็กเดินทาง และแท็กกระเป๋าเดินทาง โดยอุปกรณ์เสริม Hermès ที่วางจำหน่ายนั้นจะมาพร้อมกับ AirTag ที่มีการสลักตราสัญลักษณ์แบบเฉพาะ ซึ่งอิงมาจากตรา Clou de Selle อันเป็นเอกลักษณ์
โปรแกรมอุปกรณ์เสริมสำหรับเครือข่ายค้นหาของฉัน
ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เสริมของบริษัทอื่นก็สามารถช่วยสนับสนุนการค้นหาผ่านทางโปรแกรมใหม่สำหรับอุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันโดยในวันนี้ผู้ผลิตอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่ร่วมโปรแกรมดังกล่าวสามารถใส่ความสามารถในการค้นหาไว้ในผลิตภัณฑ์ของตนเองได้โดยตรงโดยใช้เครือข่ายค้นหาของฉันอันล้ำสมัยที่มาพร้อมความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้แอปค้นหาของฉันเพื่อระบุตำแหน่งสิ่งของสำคัญอื่นๆ ได้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมดังกล่าวได้ที่ mfi.apple.com
ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การรวบรวมวัสดุ การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ โดยที่ AirTag จะใช้ดีบุกรีไซเคิล 100% ในบัดกรีของแผงวงจรหลัก อีกทั้งยังปลอดสารอันตราย และประหยัดพลังงงานเป็นเยี่ยม ส่วนบรรจุภัณฑ์นั้นใช้เยื่อไม้ที่ผ่านการรีไซเคิลหรือมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ
ราคาและการวางจำหน่าย
- AirTag จะวางจำหน่ายในแบบแพ็ค 1 ชิ้น และ 4 ชิ้นในราคา 990 บาท และ 3,390 บาท ตามลำดับ ในเร็วๆ นี้ ทางเว็บไซต์ apple.com/th, ในแอป Apple Store, ที่ Apple Store สาขาต่างๆ และผ่านทางตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์อีกหลายราย (ราคาอาจแตกต่างกันออกไป)
- อุปกรณ์เสริมสำหรับ AirTag ที่ออกแบบโดย Apple ได้แก่ พวงกุญแจหนังสีน้ำตาลอานม้า, รุ่น (PRODUCT)RED และสีบอลติกบลูในราคา 1,390 บาท, ห่วงคล้องแบบหนังสีน้ำตาลอานม้า และรุ่น (PRODUCT)RED ในราคา 1,590 บาท และห่วงคล้องโพลียูรีเทนสีขาว, สีกรมท่าเข้ม, สีเหลืองทานตะวัน และสีส้มอิเล็คทริคในราคา 1,190 บาท
- AirTag Hermès มาพร้อมเครื่องประดับห้อยกระเป๋าและพวงกุญแจระดับพรีเมี่ยม ซึ่งทำจากหนัง Barénia สี Fauve, Bleu Indigo และ Orange รวมถึงแท็กกระเป๋าเดินทาง และแท็กเดินทาง6 ซึ่งทำจากหนัง Barénia สี Fauve
- ซื้อจาก apple.com/th หรือทางแอป Apple Store พร้อมบริการสลักข้อความส่วนตัวฟรี
- ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและรับบริการช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยมเช่นเดิมได้ที่ apple.com/th และที่ Apple Store สาขาต่างๆ โดยที่ทุกคนสามารถขอความช่วยเหลือในการเลือกซื้อสินค้าได้จาก Apple Specialist, เลือกบริการด้านการเงินรายเดือน, นำอุปกรณ์ที่เข้าเกณฑ์มาแลก และรับบริการช่วยเหลือจาก Apple รวมถึงการจัดส่งฟรีแบบไม่มีการสัมผัสตัว หรือเลือกรับสินค้าที่ร้าน Apple Store ได้
- ลูกค้าสามารถดู AirTag พร้อมสอบถามเรื่องที่สงสัยด้วยตัวคุณเองได้ที่ร้าน Apple Store ทั้งนี้ลูกค้าควรตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาทำการ บริการที่มี รวมถึงมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่เว็บไซต์ apple.com/th/retail ก่อนเดินทางมาที่ร้าน
- AirTag ต้องใช้กับ iPhone หรือ iPod touch ที่ใช้ iOS 14.5 หรือใหม่กว่า หรือ iPad ที่ใช้ iPadOS 14.5 หรือใหม่กว่า, อัปเดตสำหรับซอฟต์แวร์เหล่านี้จะพร้อมใช้งานตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป, ลูกค้าต้องมี Apple ID และลงชื่อเข้าใช้บัญชี iCloud ของตน, คุณสมบัติบางอย่างต้องเปิดใช้งานคุณสมบัติ “ค้นหาของฉัน” ในการตั้งค่า iCloud
1 เครือข่ายค้นหาของฉันไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศหรือบางภูมิภาค และในประเทศหรือภูมิภาคที่เครือข่ายค้นหาของฉันไม่สามารถใช้งานได้ ลูกค้าจะยังคงสามารถใช้งาน AirTag เพื่อระบุตำแหน่งสิ่งของที่หายไปได้เมื่ออยู่ใกล้ๆ
2 AirTag มีความสามารถในการทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่น ซึ่งผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ของห้องปฏิบัติการที่ได้รับการควบคุมที่ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ความสามารถในการทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่นจะไม่คงอยู่ถาวร ซึ่งความสามารถดังกล่าวอาจลดลงจากการใช้งานตามปกติ โปรดดูคำแนะนำเกี่ยวกับการทำความสะอาดและการทำให้แห้งในเอกสารด้านความปลอดภัยและการดูแล
3 AirTag ได้รับการออกแบบให้มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 1 ปีเมื่อใช้งานทุกวัน, โดยที่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ CR2032 ที่มีจำหน่ายทั่วไปด้วยตัวเองได้ และแบตเตอรี่สำหรับเปลี่ยนนั้นจำหน่ายแยกต่างหาก
4 อุปกรณ์เสริมสำหรับ AirTag ซึ่งได้แก่ห่วงคล้องโพลียูรีเทน ห่วงคล้องแบบหนัง และพวงกุญแจหนังจำหน่ายแยกต่างหาก
5 คุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” ไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศและภูมิภาคที่ห้ามใช้เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ apple.com/uwb
6 แท็กเดินทาง Apple AirTag Hermès จะมีจำหน่ายเฉพาะทางช่องทางจำหน่ายของ Hermès เท่านั้น