หลังจากที่ Apple เปิดตัว AirPods Max หูฟังไร้สายแบบครอบหูระดับพรีเมี่ยมในเดือนสุดท้ายของปี 2020 ที่ผ่านมา และในวันนี้ต้นเดือนแรกของปี 2021 ทางืApple ก็พร้อมแล้วสำหรับการทำตลาด AirPods Max ในประเทศไทย ซึ่งทีมงาน @flashfly ก็ไม่พลาดที่จะนำมารีวิว เพื่อสำรวจดูว่า AirPods Max มีคุณสมบัติอะไรบ้างที่โดดเด่นและน่าสนใจกันบ้าง นอกจากราคาที่สูงอยู่พอสมควร
แกะกล่อง
AirPods Max ที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสีเงิน มาพร้อมกล่องสีขาว ตามสไตล์ Apple หน้ากล่องจะพบรูปหูฟังขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ด้านหน้า และติดโลโก้ Apple ที่ข้างกล่องทั้ง 2 ด้าน
หลังกล่องจะพบรูปภาพ AirPods Max ที่สวมอยู่ในเคส ซึ่งเรียกว่า Smart Case
ด้านบนจะมีชื่อรุ่น AirPods Max อยู่ชัดเจน
ด้านล่างจะบอกชื่อรุ่นและสีของ AirPods Max
เมื่อเปิดฝากล่องออกไปก็จะพบกับหูฟัง AirPods Max อยู่ใน Smart Case โดยมีแผ่นกระดาษห่อหุ้มเคสไว้อย่างดี
พอหยิบหูฟังออกจากกล่อง จะพบคู่มือการใช้งานในรูปแบบแผ่นพับ รองรับภาษาไทย ช่วยแนะนำการเชื่อมต่อและตั้งค่าเบื้องต้น
ถัดจากคู่มือมีสายเคเบิล Lightning to USB-C แถมมาให้ แต่ไม่มีที่ชาร์จ หรือ USB-C Power Adapter
มาดูกันต่อที่หูฟัง AirPods Max ที่ใส่อยู่ใน Smart Case ซึ่งถูกห่อกระดาษมาอย่างดี
เมื่อแกะหูฟังออกจาก Smart Case จะพบกระดาษรองหูฟังทั้ง 2 ข้าง ช่วยปกป้องผลิตภัณฑ์ในระหว่างขนส่ง
และนี่คือพระเอกของเรา AirPods Max ดีไซน์พรีเมี่ยมหรูหราอย่างมาก
สำหรับผิวด้านนอก Smart Case เป็นยางพร้อมแถบแม่เหล็กที่ตำแหน่งพับลงมา ส่วนด้านในกำมะหยี่อย่างดีใส่แล้วปกป้องตัวหูฟัง ยังดูสวยงามอีกด้วย
ตัว Smart Case ถูกออกแบบมาให้สามารถชาร์จหูฟังได้สะดวกอีกด้วย
ดีไซน์พรีเมี่ยม
AirPods Max ถูกเก็บไว้ใน Smart Case ตั้งแต่แกะออกมาจากกล่อง โดยตัวเคสมีความบาง ให้ผิวสัมผัสนุ่ม และเมื่อเก็บหูฟังไว้ในเคส ก็จะทำให้ AirPods Max เข้าสู่โหมดพลังงานต่ำ ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
นั่นหมายความว่า Apple ต้องการให้ผู้ใช้งานเก็บหูฟังไว้ใน Smart Case ที่แถมมาพร้อมกัน ก่อนนำไปใส่กระเป๋าต่างๆ ระหว่างพกพา หรือ จะหิ้วไปทั้ง Smart Case ก็สร้างความโดดเด่นได้อย่างแน่นอน
ที่คาดศีรษะของ AirPods Max ทำจากสแตนเลสสตีล หุ้มด้วยวัสดุที่ให้ความนุ่มสบาย ส่วนบนเป็นโครงตาข่ายขนาดใหญ่ช่วยกระจายน้ำหนักเมื่อสวมใส่ สามารถปรับให้เข้ากับรูปทรงของศรีษะของผู้ใช้แต่ละคน ลดการกดทับ ทำให้ไม่รู้สึกหนักศีรษะ
ก้านสแตนเลสสตีลส่วนที่ติดกับที่ครอบหูทั้ง 2 ข้าง สามารถยืด-หดได้ เพื่อปรับให้เข้ากับขนาดศีรษะของแต่ละคน
ที่ครอบหูทั้ง 2 ข้าง ด้านนอกเป็นสแตนเลสสตีล ส่วนด้านในมีโฟมรองหูผลิตจากโฟมนุ่มที่ออกแบบมาเพื่อเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี และห่อหุ้มด้วยผ้าทอที่ระบายอากาศได้ดี
โดยมีตัวอักษร L และ R ขนาดใหญ่ที่พอมองเห็นได้ เพื่อบอกว่าหูฟังแต่ละข้างสำหรับครอบหูข้างซ้ายหรือขวา อีกทั้งภายในยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ด้วย
โฟมรองหูทั้ง 2 ข้าง ยังถูกออกแบบมาให้สามารถถอดเปลี่ยนได้ หากในอนาคตต้องการเปลี่ยนสีสันใหม่หรือใช้แทนของเดิมที่ชำรุด Apple ก็มีวางจำหน่ายแยกต่างหากในราคา 2,290 บาท และมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีเงิน, สีสกายบลู, สีเขียว และ สีแดง
ที่ครอบหูทั้งข้างขวา จะมีปุ่มกดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปุ่ม Digital Crown ของ Apple Watch ส่วนปุ่มที่อยู่ใกล้กันเรียกว่าปุ่มควบคุมเสียง
ปุ่ม Digital Crown สามารถสามารถหมุนได้ เพื่อควบคุมระดับเสียง, กด 1 ครั้งเพื่อเล่น หยุดพัก หรือรับสายโทรศัพท์, กด 2 ครั้งเพื่อข้ามแทร็คไปข้างหน้า, กด 3 ครั้งเพื่อข้ามแทร็คไปข้างหลัง และ กดค้างไว้เพื่อเรียกใช้งาน Siri
สำหรับปุ่มควบคุมเสียง ใช้กดเพื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ หรือสลับกับโหมดฟังเสียงภายนอก
ด้านล่างของที่ครอบหูทั้งข้างขวา จะพบกับช่องต่อ Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และมีไฟแสดงสถานะอยู่ติดกัน
ส่วนช่องตะแกรงขนาดเล็กที่เห็นอยู่หลายจุดทั่วที่ครอบหูทั้ง 2 ข้าง เป็นตำแหน่งของไมโครโฟน ที่ติดตั้งมาให้ถึง 9 ตัว ใช้ไมค์ 8 ตัวเพื่อช่วยในการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ และใช้ไมค์ 3 ตัว เพื่อทำให้เสียงสนทนาชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โครงสร้างภายในหูฟังทั้ง 2 ข้างของ AirPods Max ติดตั้งไดร์เวอร์แบบไดนามิก ขนาด 40 มิลลิเมตร พร้อมด้วยมอเตอร์วงแหวนแม็กเน็ตนีโอไดเนียมคู่ ให้เสียงคุณภาพสุงในทุกมิติ เสียงสูงชัดเจน เสียงกลางแม่นยำ เสียงเบสนุ่มลึก ถึงแม้จะเปิดดังจนสุด ก็ยังให้เสียงที่ถูกต้อง เนื่องจากการออกแบบของ Apple ที่ทำให้มีโอกาสเกิดเสียงเพี้ยนไม่ถึง 1%
นอกจากนี้ หูฟัง AirPods Max แต่ละข้างยังได้รับชิป H1 ให้พลังถึง 10-core ทำงานในอัตรา 9 ล้านครั้งต่อวินาที ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะของ Apple ช่วยประมวลผลเสียงให้มีคุณภาพสูงที่สุด
การจับคู่และการใช้งาน
AirPods Max รองรับการจับคู่กับ iPhone และอุปกรณ์ของ Apple ได้เกือบทุกรุ่น ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 แต่จะไม่สามารถใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่น ดังนั้น Apple จึงแนะนำให้ใช้งาน AirPods Max ร่วมกับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆที่สนับสนุนระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น iOS 14, iPadOS 14, macOS Big Sur, watchOS 7 และ tvOS 14
การจับคู่ AirPods Max กับ iPhone รุ่นใหม่ๆ ก็ทำได้ง่ายดายเช่นเดียวกับ AirPods ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ เพียงนำหูฟังกับ iPhone มาอยู่ใกล้กันแล้วแกะ AirPods Max ออกจาก Smart Case หน้าจอ iPhone ก็จะแจ้งเตือนว่าพบ AirPods Max สามารถแตะเพื่อทำการเชื่อมต่อแล้วจับคู่ได้ทันที ด้วยการแตะ Connect ที่หน้าต่างการจับคู่ แล้วกดค้างไว้ที่ปุ่มควบคุมเสียง
AirPods Max ไม่มีปุ่มเพาเวอร์ เพียงแค่สวมก็พร้อมใช้งานทันที โดยภายในหูฟังทั้ง 2 ข้าง มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับการสวมใส่ เมื่อสวมหูฟังเรียบร้อย AirPods Max สามารถเล่นเสียงที่อุปกรณ์เล่นอยู่ได้ทันที และจะหยุดเล่นชั่วคราว เมื่อมีการถอดหูฟังออก ไม่ว่าจะถอดออกข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง
Active Noise Cancellation
Active Noise Cancellation หรือ เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ทำงานร่วมกับไมโครโฟน 8 ตัว จากที่ติดตั้งมาให้ทั้งหมด 9 ตัว รวมถึงการออกแบบในดีไซน์ครอบหู ทำให้ AirPods Max สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีกว่าหูฟัง AirPods Pro และมีปุ่มควบคุมเสียง สำหรับเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟมาให้กดโดยเฉพาะ และใช้ปุ่มเดียวกันในการสลับไปใช้โหมดฟังเสียงภายนอก
Transparency Mode
Transparency Mode หรือ โหมดฟังเสียงภายนอก ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถฟังเพลง และยังได้ยินเสียงจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดของตัวเอง หรือเสียงจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เหมาะสำหรับการใช้งานในระหว่างรอรถไฟที่สถานี หรือ รอฟังประกาศตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงเปิดใช้เมื่อต้องการสนทนากับคนข้างๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ
Spatial Audio ระบบเสียงตามตำแหน่ง
Spatial Audio หรือ ระบบเสียงตามตำแหน่ง อาศัยทำงานร่วมกันระหว่างเซ็นเซอร์ Gyroscope, Accelerometer ของ AirPods Max (รวมถึงอุปกรณ์ที่จับคู่กันอย่าง iPhone หรือ iPad) และการติดตามเสียงแบบไดนามิก ช่วยจับการเคลื่อนไหวของศรีษะของผู้ใช้งานและอุปกรณ์ มาเปรียบเทียบข้อมูลการเคลื่อนไหวและปรับเสียงให้เหมาะสม ถึงแม้ผู้ใช้งานจะขยับศรีษะไปมา เพื่อขับเสียงออกมาในรูปแบบเสมือนจริงตามบรรยากาศ ให้ประสบการณ์ฟังเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ โดยรองรับคอนเท้นต์ที่บันทึกในระบบ 5.1, 7.1 และ Dolby Atmos
Adaptive EQ
Adaptive EQ หรือ EQ แบบปรับแต่งได้ ช่วยปรับเสียงให้พอดีกับหูฟังโดยวัดสัญญาณเสียงที่ส่งออกมาและปรับความถี่ต่ำและกลางแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้เสียงที่เต็มอิ่มครบทุกรายละเอียด
Automatic Switching
Automatic Switching หรือ การสลับอุปกรณ์เชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับการฟังบนอุปกรณ์ระหว่าง iPhone, iPad และ Mac ได้อย่างราบรื่น เช่น กำลังฟังเพลงอยู่บน iPhone ก็สามารถวาง iPhone แล้วหยิบ iPad ขึ้นมาชมภาพยนตร์ได้ทันที โดย AirPods Max จะสลับจากการเชื่อมต่อให้โดยอัตโนมัติ
Audio Sharing
Audio Sharing หรือ การแชร์เสียง ช่วยให้ AirPods Max สามารถแชร์เสียงบน iPhone, iPad, iPod touch หรือ Apple TV 4K รวมกับ AirPods อีกคู่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่นำ AirPods Max มาใกล้กับอุปกรณ์และเชื่อมต่อด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
Siri
ด้วยชิป H1 ทำให้ AirPods Max สามารถสั่งงาน Siri ให้เล่นเพลง, โทรออก, ควบคุมระดับเสียง, บอกทาง, และอื่นๆ อีกทั้ง Siri ยังสามารถอ่านข้อความที่ได้รับด้วยฟีเจอร์ Announce Messages
แบตเตอรี่
Apple ไม่ได้เปิดเผยความจุแบตเตอรี่ของ AirPods Max แต่ยืนยันว่าสามารถให้อายุการใช้งานได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง สำหรับการดูหนังและสนทนา ถึงแม้จะมีการเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีพ รวมถึงใช้ฟีเจอร์ Spatial Audio
สำหรับการชาร์จ สามารถชาร์จเพียง 5 นาที ก็นำไปใช้ฟังได้นานประมาณ 1.5 ชั่วโมง และสามารถตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ของ AirPods Max ได้จากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ สำหรับ iPhone หรือ iPad ผู้ใช้งานจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อระดับแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 20%, 10% และ 5%
AirPods Max ไม่มีปุ่มเพาเวอร์สำหรับกดเปิดหรือปิดหูฟัง เมื่อไม่ได้ใช้งาน ก็เพียงแค่วางหูฟังทิ้งไว้เฉยๆ หรือ จะเก็บไว้ใน Smart Case ก็ได้
ถ้าหากวาง AirPods Max ไว้อยู่กับที่โดยไม่ได้สวมเคส เมื่อไม่มีการใช้งานนาน 5 นาที หูฟังจะเข้าสู่โหมด Low Power เพื่อรักษาอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และเมื่อทิ้งหูฟังไว้นานเกิน 72 ชั่วโมง โดยไม่ได้เก็บไว้ใน Smart Case หูฟังจะเข้าสู่โหมด Lower Power พร้อมปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Find My เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
แต่ถ้าหากไม่ได้ใช้งานหูฟัง แล้วเก็บไว้ใน Smart Case หูฟังจะเข้าสู่โหมด Low Power ทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึง 5 นาที และหลังจากเก็บไว้ใน Smart Case นานเกิน 18 ชั่วโมง หูฟังจะเข้าสู่โหมด Lower Power ซึ่งจะมีการปิด Bluetooth และ Find My เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
สรุป
AirPods Max ถือเป็นหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพเสียงดีที่สุดของ Apple การออกแบบพรีเมี่ยม สวมใส่สบายถึงแม้จะมีน้ำหนักพอสมควร ด้านประสบการณ์ฟัง ให้เสียงได้เต็มอิ่มในทุกมิติ ส่วนเสียงเบสไม่ได้หนักแน่นมากเกินไป เพราะเน้นไปที่ความชัดเจนของทุกตัวโน้ต แต่ก็มีฟีเจอร์ปรับ EQ มาให้ใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ Spatial Audio หรือ ระบบเสียงตามตำแหน่ง ที่ให้การรับชมภาพยนตร์มีความสมจริงมากขึ้น และยังออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย เมื่อใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ของ Apple
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงสร้างส่วนใหญ่ของ AirPods Max ผลิตจากสแตนเลสสตีล ทำให้น้ำหนักโดยรวมของ AirPods Max อยู่ที่ประมาณ 385 กรัม ผู้ใช้บางคนอาจรู้สึกว่าหนักเกินไป โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่เคยใช้หูฟังที่ผลิตจากพลาสติกมาก่อน แต่เชื่อว่าจะใช้เวลาปรับตัวไม่นาน นอกจากนี้ Apple ยังพยายามออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบายที่ดีสุด ไม่รู้สึกกดทับที่ใบหูหรือศรีษะ
AirPods Max พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ในราคา 19,900 บาท มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีสเปซเกรย์, สีเงิน, สีสกายบลู, สีเขียว และ สีชมพู วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Apple Central World และ Apple Iconsiam รวมถึงร้านค้าออนไลน์ Apple Online Store