Apple กำลังจะวางจำหน่าย iPhone 12 Mini และ iPhone 12 Pro Max ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป (ในต่างประเทศ) จึงได้เวลาที่ YouTuber และสื่อนอกจะปล่อยวิดีโอแกะกล่องออกมาให้ชม และยังรวมถึง MagSafe Duo Charger ที่กำลังจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
iPhone 12 mini มาพร้อมจอแสดงผล ขนาด 5.4 นิ้ว ได้รับการออกแบบใหม่อย่างสวยงาม อัดแน่นไปด้วยความสามารถใหม่ๆ ที่ล้ำหน้า และนำเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ใน iPhone 12 มาไว้ในดีไซน์ขนาดกะทัดรัดเกินคาด พร้อมจอภาพ Super Retina XDR แบบขอบจรดขอบที่สวยงาม และยังมีหน้าจอแบบ Ceramic Shield ใหม่ ซึ่งแข็งแกร่งกว่ากระจกบนสมาร์ทโฟนทั่วไป พร้อมความสามารถในการต้านทานน้ำระดับ IP68
iPhone 12 mini ได้รับกล้องคู่หลังใหม่ โดยกล้องไวด์ 7 ชิ้นเลนส์ มีรูรับแสงขนาด f/1.6 ซึ่งกว้างที่สุดใน iPhone ทั้งหมด จึงรับแสงได้ดีขึ้น 27% สำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอในสภาพแสงน้อย และด้วยชิพ A14 Bionic ซึ่งเป็นชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน ช่วยมอบคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพเชิงคำนวณอันทรงพลังแบบใหม่บน iPhone 12 mini ซึ่งรวมถึง HDR อัจฉริยะ เจเนอเรชั่นที่ 3, โหมดกลางคืน และ Deep Fusion บนกล้องทุกตัว อีกทั้งยังสามารถบันทึกวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision ที่ 4K ในความเร็วสูงสุด 30 fps ที่มีคุณภาพสูงสุดในสมาร์ทโฟน
iPhone 12 Pro Max ยกระดับนวัตกรรมไปอีกขั้นสำหรับผู้ที่ต้องการประโยชน์สูงสุดจาก iPhone จอภาพ Super Retina XDR display มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.7 นิ้ว แต่ยังคงขนาดเกือบจะเท่ากับ iPhone 11 Pro Max นับว่าเป็นจอภาพที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone อีกทั้งยังมีความละเอียดสูงสุดที่เกือบ 3.5 ล้านพิกเซล
iPhone 12 Pro Max ใช้ดีไซน์ใหม่แบบขอบแบนพร้อมด้วยแถบสแตนเลสสตีลอันสวยงามเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม เข้าคู่กับด้านหลังแบบกระจกผิวด้านที่ตัดแต่งรูปทรงมาอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่สามารถทนต่อการตกกระแทกได้มากกว่าเดิม 4 เท่า นับว่ามีความคงทนเพิ่มขึ้นจาก iPhone รุ่นอื่นแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ ยังรองรับมาตรฐาน IP68 สามารถทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
iPhone 12 Pro Max มีระบบกล้องที่ดีที่สุดใน iPhone รวมถึงมีกล้องอัลตร้าไวด์ที่มีมุมมองภาพ 120 องศา และกล้องเทเลโฟโต้ที่มีทางยาวโฟกัส 65 มม. เพิ่มช่วงการซูมแบบออปติคัลจาก 4 เท่า เป็น 5 เท่า กล้องไวด์ใหม่มาพร้อมกับระบบ OIS ที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์เป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟน เพื่อให้มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ดีขึ้น และด้วยรูรับแสงขนาด f/1.6, เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม 47% และ พิกเซล 1.7 ไมครอน ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม 87% นับว่าเป็นข้อดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone
ระบบกล้องของ iPhone 12 Pro Max ยังได้รับประโยชน์จากชิพ A14 Bionic ช่วยขับเคลื่อนคุณสมบัติด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อันน่าทึ่งอย่าง โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ เจเนอเรชั่นที่ 3, วิดีโอ HDR ที่ถ่ายในแบบ Dolby Vision และ Apple ProRAW เพื่อให้สามารถควบคุมสีสัน, รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมี LiDAR Scanner ช่วยให้ระบบออโต้โฟกัสทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุดถึง 6 เท่าในสภาวะแสงน้อย สามารถถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืนได้ และมอบประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) ที่สมจริงกว่าเดิม
MagSafe Duo Charger ที่ชาร์จ MagSafe แบบคู่ รองรับการชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง ไม่ว่าจะเป็น iPhone, Apple Watch, เคสชาร์จแบบไร้สายสำหรับ AirPods และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi เพียงวางอุปกรณ์ลงบนที่ชาร์จ อุปกรณ์ก็จะเริ่มชาร์จอย่างเสถียร และมีประสิทธิภาพทันทีที่สัมผัสกับที่ชาร์จ นอกจากนี้ ที่ชาร์จยังพับเก็บได้ จึงสามารถพกพาไปได้ง่ายๆ ทุกที่