Apple เริ่มเปิดรับจอง iPhone 12 mini และ iPhone 12 Pro Max อย่างทางการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป และอนุญาตให้สื่อต่างๆ ที่ได้รับเครื่องรีวิวไปก่อนหน้านี้ เผยแพร่ผลงานของพวกเขาได้แล้ว ทำให้เราได้เห็นสื่อนอกหลายแห่งเริ่มแชร์วิดีโอพรีวิว เพื่อบอกเล่าความรู้สึกของพวกเขาหลังจากได้สัมผัสเป็นครั้งแรก
iPhone 12 mini มาพร้อมจอแสดงผล ขนาด 5.4 นิ้ว ถือเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่เล็ก บาง และ เบาที่สุดในโลก ได้รับการออกแบบใหม่อย่างสวยงาม อัดแน่นไปด้วยความสามารถใหม่ๆ ที่ล้ำหน้า และนำเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ใน iPhone 12 มาไว้ในดีไซน์ขนาดกะทัดรัดเกินคาดและและจอภาพ Super Retina XDR แบบขอบจรดขอบที่สวยงาม นอกจากนี้ iPhone 12 mini ยังมีหน้าจอแบบ Ceramic Shield ใหม่ ซึ่งแข็งแกร่งกว่ากระจกไหนๆ บนสมาร์ทโฟน พร้อมความสามารถในการทนน้ำระดับ IP68 ชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม
iPhone 12 mini มาพร้อมระบบกล้องคู่ใหม่อันทรงพลัง รวมถึงกล้องอัลตร้าไวด์กว้างพิเศษ และกล้องไวด์ 7 ชิ้นเลนส์ใหม่ที่มีรูรับแสงขนาด f/1.6 ซึ่งกว้างที่สุดใน iPhone ทั้งหมด จึงรับแสงได้ดีขึ้น 27% สำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอในสภาพแสงน้อย และด้วยชิพ A14 Bionic ซึ่งเป็นชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน ช่วยมอบคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพเชิงคำนวณอันทรงพลังแบบใหม่บน iPhone 12 mini ซึ่งรวมถึง HDR อัจฉริยะ เจเนอเรชั่นที่ 3, โหมดกลางคืน และ Deep Fusion บนกล้องทุกตัว อีกทั้งยังสามารถบันทึกวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision ที่ 4K ในความเร็วสูงสุด 30 fps ที่มีคุณภาพสูงสุดในสมาร์ทโฟน
iPhone 12 Pro Max ยกระดับนวัตกรรมไปอีกขั้นสำหรับผู้ที่ต้องการประโยชน์สูงสุดจาก iPhone จอภาพ Super Retina XDR display มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.7 นิ้ว แต่ยังคงขนาดเกือบจะเท่ากับ iPhone 11 Pro Max นับว่าเป็นจอภาพที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone อีกทั้งยังมีความละเอียดสูงสุดที่เกือบ 3.5 ล้านพิกเซล
iPhone 12 Pro Max ใช้ดีไซน์ใหม่แบบขอบแบนพร้อมด้วยแถบสแตนเลสสตีลอันสวยงามเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม เข้าคู่กับด้านหลังแบบกระจกผิวด้านที่ตัดแต่งรูปทรงมาอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่สามารถทนต่อการตกกระแทกได้มากกว่าเดิม 4 เท่า นับว่ามีความคงทนเพิ่มขึ้นจาก iPhone รุ่นอื่นแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ ยังรองรับมาตรฐาน IP68 สามารถทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
iPhone 12 Pro Max มีระบบกล้องที่ดีที่สุดใน iPhone รวมถึงมีกล้องอัลตร้าไวด์ที่มีมุมมองภาพ 120 องศา และกล้องเทเลโฟโต้ที่มีทางยาวโฟกัส 65 มม. เพิ่มช่วงการซูมแบบออปติคัลจาก 4 เท่า เป็น 5 เท่า กล้องไวด์ใหม่มาพร้อมกับระบบ OIS ที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์เป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟน เพื่อให้มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ดีขึ้น และด้วยรูรับแสงขนาด f/1.6, เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม 47% และ พิกเซล 1.7 ไมครอน ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม 87% นับว่าเป็นข้อดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone และเมื่อใช้ร่วมกับ A14 Bionic, iPhone 12 Pro Max ก็ขับเคลื่อนคุณสมบัติด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อันน่าทึ่งอย่าง โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ เจเนอเรชั่นที่ 3, วิดีโอ HDR ที่ถ่ายในแบบ Dolby Vision และ Apple ProRAW เพื่อให้สามารถควบคุมสีสัน, รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมี LiDAR Scanner ช่วยให้ระบบออโต้โฟกัสทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุดถึง 6 เท่าในสภาวะแสงน้อย สามารถถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืนได้ และมอบประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) ที่สมจริงกว่าเดิม
iPhone 12 Pro Max และ iPhone 12 mini จะเริ่มจัดส่งและวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป สำหรับประเทศไทย จะวางจำหน่าย iPhone 12 พร้อมกันทั้ง 4 รุ่น ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้