Friday, December 19, 2025
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home Feature

แกะกล่องสัมผัสเครื่องจริง iPad Air 4 สีน้ำเงิน Sky Blue รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB เครื่องศูนย์ประเทศไทย

Jackrich T. by Jackrich T.
October 21, 2020
in Feature, iPhone, NEWS, Recommended, Review & Preview
0
SHARES
2k
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

Apple เปิดตัว iPad Air รุ่นที่ 4 พร้อมกับ iPad รุ่นที่ 8 ในดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่วางจำหน่าย iPad 8 ไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่ง iPad 8 ไม่ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปมากนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน แต่ iPad Air 4 ได้พลิกโฉมการออกแบบใหม่หมด ดูคล้ายกับ iPad Pro มากขึ้น

และยังได้รับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด A14 Bionic ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลตัวแรกของโลก ที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงมือของทีมงาน @flashfly เรียบร้อยแล้ว มาทำการแกะกล่องสัมผัสเครื่องจริงกันเลย

แกะกล่อง iPad Air 4 

มาเริ่มที่ตัวพลาสิกใสที่ห่อกล่อง iPad Air 4 ก็สามารถใช้มือดึงออกได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาหาอุปกรณ์ปลายแหลมใช้มีดหรือคัทเตอร์มาให้วุ่นวาย แถมยังปลอดภัยมากกว่าอีกด้วย

iPad Air รุ่นที่ 4 มาพร้อมกล่องบรรจุภัณฑ์สีขาวสะอาดตาตามสไตล์ Apple ด้านบนจะเป็นรูปด้านหน้าของตัวเครื่องที่มีภาพ Wallpaper ตามสีของตัวเครื่อง โดยสีที่ทีมงาน @flashfly นำมาทดสอบนั้นเป็นสีน้ำเงิน Sky Blue

ด้านข้างกล่องจะมีชื่อ iPad Air สีเงิน

ด้านหลังกล่องระบุความจุ 256GB ถัดลงมาระบุชื่อ iPad Air ( 4th Generation) Wi-Fi พร้อมรายละเอียดสิ่งที่อยู่ภายในกล่องด้วย

เมื่อเปิดฝากล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง iPad Air 4 ที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกมาอย่างดี

โดยมีแผ่นพลาสติกยื่นออกมาช่วยให้ดึง iPad ออกจากกล่องได้สะดวก

พลิกด้านหลังแล้วแกะห่อพลาสติกออก ยลโฉม iPad Air 4 สวยๆได้เลย

ชั้นถัดมาจะพบกับซองเอกสารสีขาว ภายในมีคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น เอกสารการรับประกันในรูปแบบภาษาไทย เอกสารจาก กสทช.

และแถมสติกเกอร์โลโก้ Apple มาให้ 2 ชิ้น บนแผ่นเดียวกัน 

ชั้นล่างเป็นช่องเก็บอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 20 วัตต์แบบเดียวกับที่แถมในรุ่น iPad 8 ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้า และสายเคเบิล USB-C ยาว 1 เมตร 

ดีไซน์

iPad Air รุ่นที่ 4 ได้รับการออกแบบใหม่หมด แตกต่างไปจาก iPad Air ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ และมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ด้านหน้า ซึ่งมีส่วนคล้ายกับ iPad Pro ด้วยพื้นที่ขอบจอรอบด้านที่แคบลง และไม่มีปุ่มโฮมใต้หน้าจออีกต่อไปแล้ว

มิติบอดี้โดยรวมยังใกล้เคียงกับรุ่นก่อน แต่ iPad Air 4 มีขนาดจอแสดงผลใหญ่ขึ้นจากเดิม 10.5 นิ้ว ขยายเป็น 10.9 นิ้ว โดยใช้จอภาพ Liquid Retina ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล และรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2

เหนือจอแสดงผลติดตั้งกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ไม่ได้รับระบบกล้อง TrueDepth เหมือนกับ iPad Pro จึงไม่รองรับ Face ID ถึงแม้จะมีดีไซน์แบบเดียวกัน

iPad Air 4 เป็น iPad รุ่นแรกของ Apple ที่ติดตั้ง Touch ID รวมไว้กับปุ่มด้านบนหรือปุ่มเพาเวอร์ แทนการใช้กล้อง TrueDepth เพื่อสนับสนุน Face ID

ส่วนขอบด้านข้างยังคงรักษาความบางเฉียบที่ 6.1 มิลลิเมตร แต่ส่วนขอบนั้นแบนราบคล้ายกับ iPad Pro ไม่โค้งมนเหมือนรุ่นก่อน

ด้านข้างของ iPad Air 4 มีช่องต่อแบบแม่เหล็กสำหรับแนบติดกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 

ด้านหลังมี Smart Connector สำหรับเชื่อมต่อกับ Magic Keyboard แบบ iPad Pro รวมถึง Smart Keyboard Folio 

พอร์ตเชื่อมต่อด้านล่างของ iPad Air 4 ถูกเปลี่ยนมาใช้ USB-C แทนที่พอร์ตเชื่อมต่อ Lightning จึงสนับสนุนอุปกรณ์เสริมหรืออุปกรณ์ต่อพ่วงได้หลากหลายและกว้างขวางมากขึ้น

iPad Air 3 มีให้เลือกเพียง 3 สี แต่ iPad Air 4 มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์, สีโรสโกลด์, สีเขียว และ สีสกายบลู โดยตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%

จอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว

iPad Air 4 มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล ขนาด 10.9 นิ้ว ที่ 264 พิกเซลต่อนิ้ว ให้ความสว่าง 500 นิต รองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3 การแสดงผลแบบ True Tone และได้รับการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน

จอแสดงผลของ iPad Air 4 ยังรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 แตกต่างจากรุ่นก่อนที่รองรับ Apple Pencil รุ่นแรก และมีช่องต่อแบบแม่เหล็กสำหรับแนบติดกับ Apple Pencil ที่ด้านข้าง เหมือนกับ iPad Pro

ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ A14 Bionic

iPad Air 4 เป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่ได้รับชิปประมวลผล A14 Bionic ซึ่งใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร ส่งผลให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น 40% และยังมาพร้อมจีพียูแบบ 4‑core ให้คุณภาพกราฟิกเร็วขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิป A12 Bionic 

นอกจากนี้ A14 Bionic ยังประกอบด้วย Neural Engine แบบ 16‑core สามารถประมวลผลกระบวนการต่างๆ ได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที ช่วยให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของระบบเพิ่มขึ้นถึง 70% และช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลด้านการเรียนรู้ของระบบถึง 10 เท่า

กล้อง

iPad Air 4 มากล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/1.8 ขณะที่รุ่นก่อนมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.4 หมายความว่ากล้องหลังของ iPad Air  รุ่นใหม่นอกจากจะให้ความละเอียดที่สูงขึ้น ยังสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นด้วย

กล้องหลังของ iPad Air 4 ยังสามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่รุ่นก่อนถ่ายได้สูงสุดที่ระดับ HD 1080p และยังสามารถถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ในระหว่างบันทึกวิดีโอระดับ 4K เรียกได้ว่าระบบกล้องหลังของ iPad Air 4 ได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ iPad Air 3

สำหรับกล้องหน้า ถึงแม้ยังคงใช้ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล เท่าเดิม แต่ iPad Air 4 รองรับฟีเจอร์ Smart HDR และสามารถถ่ายวิดีโอในระดับ 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่รุ่นก่อนจำกัดที่ 30 เฟรมต่อวินาที และแน่นอนว่ากล้องหน้าของ iPad Air 4 ยังสนับสนุน FaceTime การโทรแบบวิดีโอ

แบตเตอรี่

iPad Air 4 ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ขนาด 28.6 วัตต์ต่อชั่วโมง ขณะที่รุ่นก่อนมีขนาด 30.2 วัตต์ต่อชั่วโมง แต่ iPad Air 4 ยังคงให้อายุการใช้งานยาวนานเท่ารุ่นก่อน สามารถดูวิดีโอหรือท่องเว็บผ่าน Wi‑Fi ได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง หรือถ้าใช้ Cellular ก็จะลดลง 1 ชั่วโมงเท่ากัน 

ส่วนความแตกต่างที่ชัดเจนก็คือ iPad Air 4 ได้เปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อมาใช้ USB‑C และแถมอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 20 วัตต์ มาให้ในกล่อง

ระบบปฏิบัติการ iPadOS 14

iPad Air 4 มาพร้อม iPadOS 14 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับ iPad ให้ตอบสนองการทำงานได้มากขึ้น ทำงานร่วมกับ Apple Pencil ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ Smart Selection ใช้การเรียนรู้ของระบบในตัวอุปกรณ์เพื่อแยกแยะระหว่างลายมือและรูปวาด สามารถวาดรูปทรงเรขาคณิตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

อุปกรณ์เสริม

iPad Air 4 ถูกออกแบบมาให้รองรับ Magic Keyboard แบบเดียวกับที่เคยนำมาใช้เป็นครั้งแรกกับ iPad Pro รวมถึงยังใช้งาน Smart Keyboard Folio และ Smart Folio ของ iPad Pro ได้เช่นเดียวกัน

iPad Air 4 รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ซึ่งออกแบบมาให้ยึดติดของด้านข้าง iPad ด้วยแม่เหล็ก และเมื่อยึดติดกันแล้วจะเป็นการจับคู่โดยอัตโนมัติ รวมถึงชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Apple Pencil ในแบบไร้สาย

ราคา

iPad Air 4 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่สีเทา Space Gray,สีเงิน Silver, สีชมพู Rose Gold,สีเขียว Green และสีไฮไลท์สีฟ้า Sky Blue โดยแบ่งออกเป็น 2 เวอร์ชั่น 2 ความจุ และมีราคาแตกต่างกันดังนี้

  • iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 19,900 บาท
  • iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB  ราคา 24,900 บาท
  • iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 24,400 บาท
  • iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 29,400 บาท

ราคาอุปกรณ์เสริม

  • Magic Keyboard ราคา 9,990 บาท 
  • Smart Keyboard Folio ราคา 5,990 บาท
  • Smart Folio ราคา 2,990 บาท
  • Apple Pencil รุ่นที่ 2 ราคา 4,490 บาท

สรุป

iPad Air รุ่นที่ 4 ถูกยกเครื่องใหม่หมดทั้งการออกแบบและประสิทธิภาพ ด้านการออกแบบมีความพรีเมี่ยมไม่ต่างไปจาก iPad Pro ด้านประสิทธิภาพก็ทรงพลังกว่าแล็ปท็อปหลายรุ่นในตลาด ทำให้ iPad Air 4 เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหา iPad หรือ แท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง ที่ตอบโจทย์การทำงานได้เทียบเท่า iPad Pro แต่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า iPad Pro และยังตอบสนอบความบันเทิงหรือการใช้งานโดยรวมได้ดีกว่า iPad รุ่นที่ 8






Tags: iPad Air 4PreviewReviewSky Blueunbox
ShareTweetShare

Related Posts

รีวิว vivo Y31 5G สมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น ทนน้ำทนฝุ่นระดับสูงสุด IP68 & IP69 ลำโพงคู่สเตอริโอพลังเสียง 400% แบตเตอรี่ 6500mAh
Feature

รีวิว vivo Y31 5G สมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น ทนน้ำทนฝุ่นระดับสูงสุด IP68 & IP69 ลำโพงคู่สเตอริโอพลังเสียง 400% แบตเตอรี่ 6500mAh

December 19, 2025
รีวิว iQOO 15 สมาร์ตโฟนเรือธง “Born for MVPs” เอาใจเกมเมอร์ด้วยชิปแรงสุด Snapdragon 8 Elite Gen 5 จอเทพ 144Hz ลื่นไหลด้วย OriginOS 6
Feature

รีวิว iQOO 15 สมาร์ตโฟนเรือธง “Born for MVPs” เอาใจเกมเมอร์ด้วยชิปแรงสุด Snapdragon 8 Elite Gen 5 จอเทพ 144Hz ลื่นไหลด้วย OriginOS 6

December 9, 2025
รีวิว vivo X300 Series แฟลกชิปที่ทุกคนรอคอย มาพร้อมกล้อง ZEISS APO Telephoto 200MP และชุดเลนส์เสริม ระบบปฏิบัติการ OriginOS 6
Feature

รีวิว vivo X300 Series แฟลกชิปที่ทุกคนรอคอย มาพร้อมกล้อง ZEISS APO Telephoto 200MP และชุดเลนส์เสริม ระบบปฏิบัติการ OriginOS 6

November 28, 2025
Load More
  • ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    356 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วาร์ปสู่โลกใหม่!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy S24 Series ครบทุกรุ่นทุกสี พร้อมใช้งาน Galaxy AI สุดล้ำ

    101 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตสุดคุ้มจอ 11 นิ้วรีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับ 5G ระบบเสียง Dolby Atmos ราคา 8,990 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy S23 FE มาอย่างพี๊คคค สเปกแฟล็กชิป ในราคาเป็นมิตร จอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ซูม 3x คมกริบ แบต 4,500mAh

    502 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab S10 Lite แท็บเล็ตสุดคุ้มราคาหมื่นต้นครบเซ็ทไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

    425 shares
    Share 0 Tweet 0

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

Anicorn วางจำหน่ายนาฬิการุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 30 ปี PlayStation มีเพียง 600 เรือน

December 19, 2025
รีวิวหูฟัง Baseus รุ่น Inspire Series พัฒนากับ Sound by BOSE ยกทัพหูฟังระดับพรีเมียม 3 รุ่นใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

รีวิวหูฟัง Baseus รุ่น Inspire Series พัฒนากับ Sound by BOSE ยกทัพหูฟังระดับพรีเมียม 3 รุ่นใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

December 19, 2025
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');