iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดของ Apple มีให้เลือกถึง 4 รุ่น และดูเหมือนจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน ได้แก่ iPhone 12 mini กับ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max แน่นอนว่ารุ่น Pro เป็น iPhone ระดับพรีเมี่ยมที่มีราคาสูงกว่า iPhone 12 และ iPhone 12 mini แต่ด้วยราคาที่สูงกว่าจะมีฟีเจอร์อะไรที่เหนือกว่าบ้าง เราได้รวบรวมไว้ที่นี่แล้ว
จอแสดงผลใหญ่กว่า
iPhone 12 Pro มาพร้อมจอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ใหญ่กว่า iPhone 11 Pro ที่มีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว
iPhone 12 Pro Max ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกัน โดยมีขนาด 6.7 นิ้ว ขณะที่ iPhone 11 Pro Max มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว
5G
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max สนับสนุนเทคโนโลยี 5G สามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุด 4 Gbps และอัพโหลดสูงสุด 200 Mbps ช่วยให้ iPhone รุ่นใหม่เชื่อมต่อโลกออนไลน์ใช้บริการและแอพต่างๆ ที่ต้องอาศัยเครือข่าย Cellular ได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อนหน้านี้ที่สนับสนุน 4G เท่านั้น
Ceramic Shield
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max มาพร้อมกระจกด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจอแสดงผล สามารถทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อน
Ceramic Shield เกิดจากการนำผลึกเซรามิกระดับนาโน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าโลหะส่วนใหญ่ไปผสมลงในกระจก โดยคิดค้นสูตรเฉพาะตัวขึ้นมาในการควบคุมชนิดของผลึกและระดับความเป็นผลึกของเซรามิก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเซรามิกจนถึงขีดสุด ในขณะที่ยังคงความใสเอาไว้ได้ด้วย ทำให้ Ceramic Shield เหมาะที่จะนำมาทำเป็นจอภาพอย่างไร้ที่ติ ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟนกับความแข็งแกร่งที่มากกว่ากระจกบนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ เท่าที่เคยมีมา
LiDAR Scanner
iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max มาพร้อม LiDAR Scanner คล้ายกับที่พบใน iPad Pro 2020 และไม่พบใน iPhone 12 หรือ iPhone 12 mini
LiDAR Scanner ช่วยให้ iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะประสบการณ์ AR แต่ยังช่วยยกระดับการถ่ายภาพด้วย ทำให้ iPhone 12 รุ่น Pro รองรับการถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบออโต้โฟกัสให้ทำงานในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นถึง 6 เท่า
ถ่ายวิดีโอ Dolby Vision
iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max สามารถถ่ายวิดีโอแบบ HDR ด้วย Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และยังสามารถตัดต่อวิดีโอ ปรับโทนสีแบบ Dolby Vision บน iPhone ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นในแอพรูปภาพ หรือ iMovie
Sensor-Shift Stabilization
iPhone 12 Pro Max เป็นเพียงรุ่นเดียวที่ได้รับเซ็นเซอร์กล้อง Wide ใหญ่กว่า 47% และพิกเซลขนาด 1.7 ไอครอน ทำให้ iPhone 12 Pro Max สามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นมากถึง 87% และยังเป็น iPhone รุ่นเดียวที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Sensor-shift ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า OIS
ระบบกล้องทั้งหมดรองรับ Night Mode
ตอนนี้ iPhone 12 Pro รองรับ Night Mode โดยไม่จำกัดเฉพาะกล้องตัวหลักอีกต่อไป เพราะสามารถใช้ Night Mode ได้กับกล้องทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง 3 ตัว หรือ กล้องหน้า
อุปกรณ์เสริม MagSafe
iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ได้รับการติดตั้งแม่เหล็กไว้ที่ด้านหลัง เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม MagSafe ที่มีทั้งเคสและอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายแบบแม่เหล็ก
สำหรับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายแบบแม่เหล็กของ Apple เรียกว่า MagSafe Charger รองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 15W และยังมี MagSafe Duo Charger ที่ทำงานแบบเดียวกับ MagSafe Charger แต่สามารถชาร์จ iPhone พร้อมกับ Apple Watch ได้
อย่างไรก็ตาม iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ยังรองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 7.5W เมื่อชาร์จผ่านอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายของ Qi
ProRAW
iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max รองรับการถ่ายภาพในรูปแบบ ProRAW ซึ่งเป็นการนำการประมวลผลภาพแบบหลายเฟรมและการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ของ Apple มารวมเข้ากับความอเนกประสงค์ของรูปแบบ RAW ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสีสัน รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้อย่างเต็มที่
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Apple ตั้งเป้าลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากธุรกิจทั้งหมดของ Apple ให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 ทำให้วัสดุของ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro กลายเป็น iPhone รุ่นแรกที่ใช้แร่โลหะหายากที่มาจากการรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น ซึ่งรวมถึงกล้องใหม่, Taptic Engine และอุปกรณ์เสริม MagSafe
นอกจากนี้ กล่องบรรจุภัณฑ์ของ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ยังมีขนาดเล็กลงและเบาลง เนื่องจาก Apple ไม่แถมหูฟัง EarPods และ Power Adapter มาให้อีกแล้ว ทำให้การขนส่งสามารถเพิ่มจำนวนกล่องที่จัดส่งต่อหนึ่งพาเลทได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันในแต่ละปี
ที่มา – iPhoneHacks
https://www.flashfly.net/wp/318153