Apple เปิดตัว iPhone 12 อย่างทางการแล้ว เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกถึง 4 รุ่น มากที่สุดนับตั้งแต่ Apple เคยสร้าง iPhone ออกมา ประกอบด้วย iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งทั้งหมดมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่ถ้าให้เลือกฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดพอสรุปได้ 10 รายการ ต่อไปนี้…
ดีไซน์ที่คุ้นเคย
iPhone 12 ได้รับการออกแบบใหม่เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะส่วนขอบโลหะที่เรียบแบน ลบมุมโค้งมน แต่กลับทำให้คิดถึง iPhone 4 หรือ iPhone SE รุ่นแรก
บางและเบากว่าเดิม
iPhone 12 ได้รับการออกแบบมาให้มีความบางลงกว่าเดิม 11% สัดส่วนโดยรวมเล็กกว่าเดิม 15% และมีน้ำหนักเบากว่าเดิม 16% เมื่อเทียบกับ iPhone 11
จอภาพ Super Retina XDR
iPhone 12 ได้รับจอแสดงผล OLED หรือ Super Retina XDR เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กสุด iPhone 12 mini หรือรุ่นใหญ่สุด iPhone 12 Pro Max แตกต่างที่ความละเอียดและขนาด
ชิป A14 Bionic
iPhone 12 มาพร้อมชิปประมวลผล A14 Bionic ที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร บรรจุทรานซิสเตอร์มากถึง 11.8 พันล้านตัว ให้ความเร็วที่เหนือกว่าชิปที่เร็วที่สุดของสมาร์ทโฟนคู่แข่งถึง 50%
ชิป A14 Bionic ยังมี Neural Engine แบบ 16-core ที่จะยกระดับการเรียนรู้ของระบบหรือ Machine Learning (ML) ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 80% และสามารถประมวลผลได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที
5G
iPhone 12 นับเป็น iPhone รุ่นแรกที่สนับสนุนเทคโนโลยี 5G สามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุด 4 Gbps และอัพโหลดสูงสุด 200 Mbps ช่วยให้ iPhone 12 รองรับฟีเจอร์เล่นเกมออนไลน์แบบ Multiplayer, ไลฟ์สดด้วยวิดีโอคุณภาพสูง, วิดีโอคอลด้วยความคมชัดสูง และยังให้นำเสนอประสบการณ์ 5G ที่แตกต่างจากบริการในปัจจุบัน (วิดีโอสาธิตในงานเปิดตัว iPhone 12 แสดงให้เห็นการรับชมถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาจากกล้อง 7 ตัวในสนาม พร้อมกันบนหน้าจอเดียว)
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น
ชิปประมวลผล A14 Bionic นอกจากจะให้ประสิทธิภาพด้านซีพียูและจีพียูที่ดีขึ้นแล้ว ยังลดการใช้พลังงานได้ดีขึ้นกว่าชิปรุ่นก่อน นั่นหมายความว่า iPhone 12 ควรให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ iPhone 12 ยังมีฟีเจอร์ Smart Data Mode สามารถสลับโหมด 5G กับ 4G โดยอัตโนมัติ ตามข้อกำหนดการใช้ข้อมูลและความเร็ว อีกทั้งยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
ระบบกล้องคู่หลังใหม่
iPhone 12 ได้รับการปรับปรุงกล้อง Wide และ Ultra-wide โดยเฉพาะกล้อง Wide มีขนาดรูรับแสง f/1.6 ช่วยให้เซ็นเซอร์เปิดรับแสงได้มากขึ้น ส่งผลให้ภาพถ่ายทั่วไปมีคุณภาพมากขึ้น และยังลดจุดรบกวนได้มากถึง 27% ในสภาพแสงน้อย
การกลับมาของ MagSafe
Apple นำแบรนด์ MagSafe ที่เคยใช้เป็นอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่สำหรับ MacBook กลับมาอีกครั้ง ในฐานะอุปกรณ์เสริมของ iPhone 12 โดยมีอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายแบบแม่เหล็กสำหรับ iPhone 12 เรียกว่า MagSafe Charger รองรับการชาร์จไร้สาย 15W และยังมี MagSafe Duo Charger ที่ทำงานแบบเดียวกับ MagSafe Charger แต่สามารถชาร์จ iPhone พร้อมกับ Apple Watch ได้
เพื่อให้รองรับ MagSafe Charger ด้านหลังของ iPhone 12 จึงติดระบบแม่เหล็กไว้ภายใน และยังทำให้รองรับเคสรุ่นใหม่ๆ ของ Apple รวมถึงเคสจากผู้ผลิตรายอื่น ที่จะตามออกมาในเร็วๆ นี้
Ceramic Shield
iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมกระจกด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจอแสดงผล สามารถทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อน ด้วยการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Apple กับ Corning ผู้ผลิตกระจก Gorilla Glass ที่พบในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในตลาด
Ceramic Shield เกิดจากการนำผลึกเซรามิกระดับนาโน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าโลหะส่วนใหญ่ไปผสมลงในกระจก โดยคิดค้นสูตรเฉพาะตัวขึ้นมาในการควบคุมชนิดของผลึกและระดับความเป็นผลึกของเซรามิก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเซรามิกจนถึงขีดสุด ในขณะที่ยังคงความใสเอาไว้ได้ด้วย ทำให้ Ceramic Shield เหมาะที่จะนำมาทำเป็นจอภาพอย่างไร้ที่ติ ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟนกับความแข็งแกร่งที่มากกว่ากระจกบนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ เท่าที่เคยมีมา
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Apple ตั้งเป้าลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากธุรกิจทั้งหมดของ Apple ให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 ทำให้วัสดุของ iPhone 12 กลายเป็น iPhone รุ่นแรกที่ใช้แร่โลหะหายากที่มาจากการรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น ซึ่งรวมถึงกล้องใหม่, Taptic Engine และอุปกรณ์เสริม MagSafe
นอกจากนี้ กล่องบรรจุภัณฑ์ของ iPhone 12 ยังมีขนาดเล็กลงและเบาลง เนื่องจาก Apple ไม่แถมหูฟัง EarPods และ Power Adapter มาให้อีกแล้ว ทำให้การขนส่งสามารถเพิ่มจำนวนกล่องที่จัดส่งต่อหนึ่งพาเลทได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันในแต่ละปี
ที่มา – iPhoneHacks
https://www.flashfly.net/wp/318101