Vivo เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Vivo X50 Pro 5G ในประเทศไทยอย่างทางการแล้ว ชูจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง Gimbal Camera System ป้องกันการสั่นไหวในทิศทางที่เอียงไปด้านหน้า-ด้านหลัง และด้านซ้าย-ด้านขวา จึงสามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้มากถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี OIS ในปัจจุบัน
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก Gimbal ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.6, กล้อง Portrait ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, กล้อง Super Wide-Angle & Macro ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และ กล้อง Telephoto แบบ Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
ระบบกล้องหลัง Gimbal Camera System ของ Vivo X50 Pro 5G รองรับโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน Super Night Mode, สามารถซูมดิจิตอลสูงสุด 60 เท่า ซูมออปติคอลสูงสุด 5 เท่า, โหมดถ่ายภาพ Portrait ระดับโปร, ถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร และ รองรับการถ่ายภาพในมุมกว้างพิเศษ Super Wide-Angle
Vivo X50 Pro 5G ใช้จอแสดงผลแบบ Ultra O Screen ที่มีการเจาะหลุมขนาดเล็กเพียง 3.96 มิลลิเมตร เพื่อติดตั้งกล้องเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซล และยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล (In-Display Fingerprint Sensor) โดยใช้จอแสดงผล AMOLED ขอบจอโค้ง 3D ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.56 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz
Vivo X50 Pro 5G ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB ความจุแบตเตอรี่ 4315mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
Vivo X50 Pro 5G สนับสนุนการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi (2.4GHz/5GHz), Bluetooth 5.1, OTG, GPS, USB Type-C และยังมีชิปเสียงระดับ Hi-Fi (AK4377A) จึงเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ได้ทั้งการถ่ายภาพ ดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงเล่นเกม
Vivo X50 Pro 5G จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนน 2563 เป็นต้นไป ในราคา 24,999 บาท มีให้เลือกเฉพาะสีเทา Alpha Grey และพิเศษ!! เมื่อสั่งซื้อผ่านผู้ให้บริการ AIS และ TrueMove H มีสิทธิ์เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,989 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการฯ แต่ละราย)