Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ Galaxy Z Fold 2 อย่างทางการแล้ว โดยออกมาสานต่อ Galaxy Fold ที่วางจำหน่ายในปีที่ผ่านมา ถึงแม้ดีไซน์โดยรวมจะดูคล้ายกัน แต่ในรุ่นใหม่ล่าสุด ก็ได้รับการปรับปรุงตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก รวมทั้งจอแสดงผลและบานพับ
Samsung Galaxy Z Fold 2 มาพร้อมจอแสดงผลด้านนอก (Cover Screen) ขนาด 6.2 นิ้ว (Galaxy Fold ขนาด 4.6 นิ้ว) ใช้จอ Super AMOLED ความละเอียด 2260 x 816 พิกเซล ความหนาแน่น 386 พิกเซลต่อนิ้ว (Galaxy Fold มีความละเอียด 1680 x 720 พิกเซล)
ด้วยขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้ว ทำให้ Cover Screen มีขนาดใหญ่ จึงให้ประสบการณ์เหมือนใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยไม่ต้องกาง Galaxy Z Fold 2 บ่อยเกินไป
Cover Screen ยังติดตั้งกล้องเซลฟี่มาให้ด้วย ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน มุมมองภาพกว้าง 80 องศา
Samsung Galaxy Z Fold 2 ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ขอบด้านข้าง รวมกับปุ่มเพาเวอร์ (ใต้ปุ่มปรับระดับเสียง) และยังรองรับ Face Recognition สามารถสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคได้เช่นกัน
พลิกมาดูที่ด้านหลัง จะพบระบบกล้อง 3 ตัว ดีไซน์คล้ายกับสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy Note 20 Ultra มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ทั้งกล้องหลัก Wide-angle และกล้อง Telephoto รองรับการซูมแบบออปติคอล 2 เท่า ซูมดิจิตอบ 10 เท่า การบันทึกแบบ HDR10+ และมีระบบ Tracking AF
ระบบกล้อง 3 ตัว ของ Samsung Galaxy Z Fold 2
- กล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ขนาดพิกเซล 1.12 ไมครอน มุมมองกว้าง 123 องศา
- กล้อง Wide-angle 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.8 ขนาดพิกเซล 1.8 ไมครอน มุมมองกว้าง 83 องศา ระบบโฟกัส Super Speed Dual Pixel AF
- กล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน มุมมองกว้าง 45 องศา ระบบโฟกัส PDAF
มาถึงชิ้นส่วนสำคัญของ Samsung Galaxy Z Fold 2 ซึ่งก็คือบานพับที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เรียกว่า Hideaway Hinge เข้ากับตัวเครื่องได้อย่างแนบเนียนมากขึ้น และใช้กลไก CAM ที่ช่วยให้บานพับสามารถกางออกและค้างไว้ที่มุม 75 – 115 องศา
บานพับของ Galaxy Z Fold 2 ได้รับเทคโนโลยี Sweeper เช่นเดียวกับ Galaxy Z Flip ช่วยไล่ฝุ่นและอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่อยู่ภายในช่องว่างระหว่างตัวเครื่องและบานพับ เพื่อลดโอกาสในการสร้างความเสียหายเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน
Samsung ยังนำเสนอเครื่องมือออนไลน์ ให้ผู้ที่สนใจ Galaxy Z Fold 2 เปลี่ยนสีบานพับได้ถึง 4 สี คือ Metallic Silver, Metallic Gold, Metallic Red และ Metallic Blue เพื่อให้ Galaxy Z Fold 2 ของตัวเองโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากสีเดิมที่มากับบอดี้ ซึ่งมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Mystic Black และ Mystic Bronze
หลังจากกาง Samsung Galaxy Z Fold 2 ออกมา ก็จะพบกับจอแสดงผลหลัก Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด 2208 x 1768 พิกเซล ขนาด 7.6 นิ้ว (Galaxy Fold มีขนาด 7.3 นิ้ว) อัตราส่วนภาพ 22.5:18 ความหนาแน่น 373 พิกเซลต่อนิ้ว และเป็นจอที่สามารถพับได้ ซึ่งทาง Samsung เรียกว่า Infinity Flex Display
จอแสดงผลหลักของ Galaxy Z Fold 2 ยังใช้ดีไซน์ Infinity-O Display แบบเดียวกับ Cover Screen เพราะมีการติดตั้งกล้องเซลฟี่มาให้เหมือนกัน สเปกเดียวกัน ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน มุมมองภาพกว้าง 80 องศา
Samsung Galaxy Z Fold 2 ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 ใช้ชิปประมวลผลระดับ 7 นาโนเมตร 64-bit Octa Core (3.09GHz + 2.40GHz + 1.80GHz) ความจำ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB หรือ 512GB (UFS3.1)
Samsung Galaxy Z Fold 2 มีความจุแบตเตอรี่ 4500mAh สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W รองรับการชาร์จไร้สาย และ Wireless PowerShare สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่น (ที่รองรับการชาร์จไร้สาย) เพียงนำมาวางไว้ที่ด้านหลัง Galaxy Z Fold 2
ด้านระบบเชื่อมต่อเครือข่าย Samsung Galaxy Z Fold 2 รองรับ 5G ทั้ง Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6, mmWave และ 4G LTE Cat.20, Enhanced 4X4 MIMO (ดาวน์โหลดสูงสุด 2Gbps / อัพโหลดสูงสุด 200Mbps) นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11 a/b/g/n/ac/ax), Bluetooth 5.0, Ultra Wide Band, NFC, ระบุพิกัด (GPS, Galileo, Glonass, BeiDou) และ USB type-C
สรุปแล้ว Samsung Galaxy Z Fold 2 มีจุดเดียวที่ยังดูคล้ายกับ Galaxy Fold รุ่นแรก ซึ่งก็คือวิธีการพับ แต่รายละเอียดโดยรวมจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน บานพับแข็งแรงขึ้น จอแสดงผลใหญ่ขึ้น จอด้านนอกสามารถใช้งานได้เต็มที่เหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป จอหลักด้านในก็ไม่มีรอยบากมารบกวนสายตา ขณะที่ดีไซน์ก็ยังหรูหราสมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม
ที่สำคัญสเปกภายในก็ยังมีประสิทธิภาพสูงไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงในตลาด ทำให้ Galaxy Z Fold 2 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีทั้งความหรูหราและมีประสิทธิภาพสูง สามารถตอบสนองการใช้งานได้จริง และด้วยดีไซน์แบบพับได้ ยังทำให้ Galaxy Z Fold 2 เป็นทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว เล่นเกมหรือรับชมภาพยนตร์ได้เต็มตา และระบบกล้องหลัง 3 ตัว ก็รองรับการถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์
Galaxy Z Fold2 5G มาใน 2 เฉดสีสุดพรีเมียม ได้แก่ Mystic Bronze และ Mystic Black โดยสำหรับประเทศไทย ซัมซุงได้เปิดจอง Galaxy Z Fold 2 5G ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 2 – 13 กันยายน 2563 ที่ Samsung Experience Store หรือทาง Samsung.com และออนไลน์สโตร์ของผู้ให้บริการเครือข่าย ในราคา 69,900 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษเหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Buds Live มูลค่า 6,990 บาท พร้อมรับเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้อย่าง Galaxy Z Fold2 ด้วยที่สุดแห่งการดูแลเหนือระดับกับ Galaxy Z Premier Service
- Galaxy Butler Gold มอบบริการช่วยเหลือพิเศษและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง มอบความสะดวกสบายขั้นสูงสุดขณะเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการด้วยช่องทางพิเศษและห้องรับรอง Exclusive Lounge พร้อมบริการเครื่องสำรองรุ่นเดียวกันขณะรอการให้บริการ นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกด้วยบริการรับ–ส่งตรวจเช็คเครื่อง พร้อมแนะนำและสอนการใช้งานด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญจากซัมซุงถึงที่
- Samsung Care+ ประกันอุบัติเหตุตัวเครื่อง คุ้มครองเปลี่ยนหน้าจอ 1 ครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี[1] พร้อมบริการส่งช่างเทคนิคถึงที่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/offer/samsung-care-plus1/
พร้อมกันนี้ ทางซัมซุงยังมอบบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถสั่งทำ Galaxy Z Fold2 5G แบบพิเศษเฉพาะตัว ด้วยบริการ Customize เลือกสีบานพับของตัวเครื่องได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เฉพาะที่ Samsung.com เท่านั้น