realme แบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เริ่มรุกหนักในผลิตภัณฑ์ AIoT โดยวางจำหน่าย realme Band สายรัดข้อมือสำหรับติดตามสุขภาพ กับ realme Buds Air หูฟังไร้สายแบบ TWS รุ่นแรกของแบรนด์ไปแล้วก่อนหน้านี้
ล่าสุดพร้อมแล้วสำหรับการทำตลาดหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ realme Buds Air Neo และสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของแบรนด์ realme Watch ซึ่งทีมงาน @flashfly เคยนำเสนอแกะกล่องพรีวิวตัวเครื่องให้ได้ชมกันไปก่อนหน้านี้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะพบกับรีวิวอย่างเต็มรูปแบบ
realme Watch
realme Watch มาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ สายรัดข้อมือถอดเปลี่ยนได้ง่าย สามารถติดตามความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง ติดตามการออกกำลังกายได้ 14 ประเภท ติดตามการทำกิจกรรมในแต่ละวัน และสามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟน เพื่อควบคุมฟีเจอร์บางอย่างและรับการแจ้งเตือนจากแอพต่างๆ
สเปกหลักของ realme Watch
- จอสี ระบบสัมผัส ขนาด 1.4 นิ้ว
- ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon Wear 3100
- เซ็นเซอร์วัดความเร่ง 3 แกน, เซ็นเซอร์วัดอัตราหัวใจ, เซ็นเซอร์ตรวจสอบการสวมใส่ และ มอเตอร์การสั่น
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 รองรับการจับคู่กับสมาร์ทโฟน Android เวอร์ชั่น 5 ขึ้นไป
- ป้องกันกันน้ำที่ระดับ 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
- แบตเตอรี่ 160mAh ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 20 วัน
- ขนาดตัวเรือน 36.5 x 36.5 x 11.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 31 กรัม
- ขนาดสายนาฬิกา กว้าง 20 มิลลิเมตร ยาว 164 – 208 มิลลิเมตร
ดีไซน์
สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของ realme มาพร้อมสโลแกน “อีกระดับของความสมาร์ท” ตัวเรือนสีดำเงา รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขอบมุมโค้งมน ขนาดกำลังดีเข้ากันได้ทั้งข้อมือของผู้หญิงและผู้ชาย
realme Watch มีปุ่มกดด้านข้าง สำหรับเปิดหรือปิดสมาร์ทวอทช์ เมื่อเปิดใช้งานครั้งแรกให้กดค้างไว้ราว 3 วินาที และเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 3%
ด้านหลังมีเซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ และ หมุดแม่เหล็กสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
ตัวเรือน realme Watch ได้รับการออกแบบมาให้กันน้ำและฝุ่นในระดับ IP68 สามารถสวมใส่ในระหว่างอาบน้ำหรือล้างมือได้ และยังผ่านการทดสอบความทนทานอย่างเข้มงวด สามารถต้านทานแรงดึงมากกว่า 7 กิโลกรัม ต้านทานการงอและแรงกดมากกว่า 3,000 ครั้ง ส่วนปุ่มด้านข้างถูกทดสอบด้วยการกดมากกว่า 100,000 ครั้ง
สายนาฬิกา realme Watch ผลิตจากวัสดุซิลิโคนที่มีสัมผัสนุ่ม เป็นมิตรต่อผิวหนัง ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี และเหมาะสำหรับการสวมใส่เพื่อออกกำลังกาย ที่ต้องสัมผัสกับน้ำและเหงื่ออยู่บ่อยครั้ง และยังผ่านการทดสอบการกลัดเข็มขัดถึง 3,000 ครั้ง
สายนาฬิกา realme Watch สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งมีให้เหลือหลายสี อย่าง สีแดง สีน้ำเงิน และ สีเขียว ส่วนตัวเรือน realme Watch มีเฉพาะสีดำ ซึ่งเป็นสีที่เข้ากับสีสันอันหลากหลายของสายนาฬิกา
สายนาฬิกาที่แถมมาในกล่องเป็นสายสีดำ รัดข้อมือด้วยเข็มขัดแบบนาฬิกาข้อมือทั่วไป
สำหรับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ เป็นแท่นวงกลม ยึดติดกับด้านหลัง realme Watch ด้วยแม่เหล็ก ซึ่งมีความแน่นหนาพอสมควร เมื่อแนบติดกันแล้วไม่หลุดออกมาง่าย โดยใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟที่เป็นพอร์ต USB
หน้าจอ 1.4 นิ้ว สีสันสดใส
จอแสดงผลมีขนาด 1.4 นิ้ว เป็นจอสี รองรับการควบคุมด้วยระบบสัมผัส ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 323 ppi ให้ความสว่าง 380 nits สามารถปรับความสว่างได้ 10 ระดับ จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้อยู่ในที่แสงน้อย และป้องกันรอยด้วย กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass
จอแสดงผล สามารถให้ข้อมูลได้ถึง 6 ฟังก์ชั่น ได้แก่ เวลา, วันที่, สภาพอากาศ, ก้าวเดิน, อัตราการเต้นหัวใจ และ แคลอรี่ ส่วนดีไซน์ของหน้าปัดปรับเปลี่ยนได้ถึง 12 แบบ และดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link (สามารถเปลี่ยนหน้าปัดได้จากแอพ realme Link ซึ่งปัจจุบันมีหน้าปัดให้เลือก 12 แบบ แต่จะอัพเดทให้มากขึ้นในอนาคต)
จับคู่กับสมาร์ทโฟน
เช่นเดียวกับสมาร์ทวอทช์อีกหลายแบรนด์ realme Watch ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน และใช้สมาร์ทโฟนในการตั้งค่าระบบต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนหน้าปัดหน้าจอ ดังนั้ ก่อนจะเริ่มใช้งานจึงควรเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเป้นอันดับแรก โดยติดตั้งแอพพลิเคชั่น realme Link จาก Google Play Store (เวอร์ชั่นล่าสุดรองรับภาษาไทยแล้ว)
ในระหว่างดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่น realme Link ก็สามารถเปิด realme Watch รอไว้ได้เลย สำหรับใครที่ไม่เคยติดตั้ง realme Link มาก่อน ในครั้งแรกจะต้องลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตน หลังจากนั้นจะสามารถเพิ่มอุปกรณ์ realme Watch เข้าไปในแอพ แล้วทำการตั้งค่าต่างๆ ของสมาร์ทวอทช์ได้ทุกฟีเจอร์
แอพพลิเคชั่น realme Link ยังใช้ควบคุมและตั้งค่าอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมดของ realme อย่าง realme Band, realme Buds Air และ realme Buds Air Neo
ดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง
realme Watch มาพร้อมฟีเจอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ โดยใช้เซ็นเซอร์ PPG คุณภาพสูงที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ นำเข้าจาก Goodix บริษัทผู้นำด้านเซ็นเซอร์ และติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ที่ด้านหลังของสมาร์ทวอทช์ เป็นเซ็นเซอร์ที่ปล่อยแสงสีเขียวส่องมายังผิวหนัง
ภายในแอพพลิเคชั่น realme Link ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตั้งค่าการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการรายงานทุกๆ 5 นาที อาจส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็ว และยังสามารถเลือกการแจ้งเตือนหากอัตราของหัวใจเต้นต่ำกว่าหรือสูงกว่าค่ามาตรฐาน
realme Watch ยังมีเซ็นเซอร์วัดระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ที่มีความแม่นยำค่อนข้างสูงเทียบได้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยจะคอยแจ้งเตือนเมื่อออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากเลือดไปล่อเลี้ยงเซลล์ไม่เพียงพอ
ติดตามกิจกรรมและการออกกำลังกาย
realme Watch สนับสนุนฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกายได้ถึง 14 รูปแบบ อาทิ การเดิน, วิ่งในร่ม, วิ่งกลางแจ้ง, ขี่จักรยาน, ปั่นจักรยานออกกำลังกาย, เต้นแอโรบิค, ฟุตบอล, บาสเกตบอล, ปิงปอง, แบตมินตัน, คริกเกต, บริหารกล้ามเนื้อ, เล่นฟิตเนส และ โยคะ
โดยใช้อัลกอริทึมที่มีความฉลาด สามารถแยกแยะการเดินกับการวิ่งได้อย่างแม่นยำ พร้อมรายงานผลการออกกำลังกายแบบเรียลไทม์
realme Watch ยังสามารถแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ และแจ้งเตือนให้ลุกขึ้นมาขยับร่างกาย เหมาะสำหรับหนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยเข้าไปเปิดใช้งานและตั้งค่าผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link สามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนทุกๆ 15 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง ไปจนถึงสูงสุด 2.5 ชั่วโมง
อีกฟีเจอร์เด็ดของ realme Watch คือสามารถติดตามสุขภาพการนอนหลับ ได้อย่างละเอียดทุกช่วงเวลานอน ตั้งแต่ช่วงเริ่มหลับไปจนถึงช่วงหลับลึก
ตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะ
นอกจากติดตามสุขภาพแล้ว realme Watch ยังสามารถควบคุมฟีเจอร์บางอย่างบนสมาร์ทโฟนที่จับคู่ได้ โดยเข้าไปเปิดการใช้งานได้ที่แอพพลิเคชั่น realme Link ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ควบคุมการเล่นเพลง, สั่งถ่ายภาพจาก realme Watch, ค้นหาตำแหน่งสมาร์ทโฟน และ รายงานสภาพอากาศ
อีกฟีเจอร์ที่ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก คือ สามารถปลดล็อคสมาร์ทโฟนเพียงนำ realme Watch เข้ามาใกล้กับสมาร์ทโฟน เหมาะอย่างยิ่งในช่วงที่ COVID-19 กำลังระบาด ทำให้ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การปลดล็อคสมาร์ทโฟนด้วย realme Watch จึงช่วยให้ผู้ใช้งานปลอดภัยกว่าการเปิดหน้ากากเพื่อสแกนใบหน้า หรือใช้วิธีสแกนลายนิ้วมือ
นอกจากนี้ realme Watch ยังรองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนได้ทุกแอพพลิเคชั่น ย้ำว่าทุกแอพ!! รวมถึงแอพจากบุคคลที่สาม โดยเข้าไปเลือกแอพที่ต้องการรับการแจ้งเตือนได้จากแอพพลิเคชั่น realme Link และยังสามารถปฏิเสธสายเรียกเข้าได้ทันทีจากหน้าจอของ realme Watch
realme Buds Air Neo
มาถึง realme Buds Air Neo หูฟังไร้สายแบบ True Wireless รุ่นที่ 2 ของ realme ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ถัดจาก realme Buds Air ซึ่งทีมงาน @flashfly เคยนำเสนอรีวิวไปก่อนหน้านี้ สำหรับรุ่นใหม่ มาพร้อมสโลแกน “เชื่อมไร้สายที่ใช่ในแบบคุณ” ประกอบด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ ให้เสียงเบสที่หนักแน่น มี Gaming Mode ให้ค่าหน่วงเวลาต่ำ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 สามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟนได้ทันทีเมื่อเปิดฝาเคส และให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 17 ชั่วโมง เมื่อพกพาแคสชาร์จติดตัวไปด้วย
สเปกหลักของ realme Buds Air Neo
- ชิปเซ็ท R1 ให้ค่า Latency ต่ำเพียง 119.2 มิลลิวินาที
- ขนาดไดรเวอร์ 13 มิลลิเมตร
- ลดเสียงรบกวนด้วย ENC
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- ป้องกันน้ำในระดับ IPX4
- แบตเตอรี่ให้พลังงานนานสูงสุด 17 ชั่วโมง (เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ)
- ขนาดหูฟังแต่ละข้าง 40.5 x 16.6 x 17.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 4.1 กรัม
- ขนาดเคสชาร์จ 51.3 x 45.3 x 25.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 30.5 กรัม
ดีไซน์
การออกแบบของ realme Buds Air Neo มีส่วนคล้ายกับ realme Buds Air โดยมีสีขาวเหมือนกัน แต่ Buds Air Neo จะมีสีแดง (Pock Red) กับสีเขียว (Punk Green) ให้เลือกด้วย
เมื่อเทียบกับ realme Buds Air จะพบว่ารุ่น Neo ไม่มีไมโครโฟนตัวที่สองที่อยู่ด้านหลังก้าน และไม่มีขอบวงแหวนสีโครเมี่ยมที่ส่วนฐานของก้านหูฟัง
หูฟัง realme Buds Air Neo แต่ละข้าง ได้รับการออกแบบมาให้เข้ากับสรีระใบหูของคนส่วนใหญ่ และสวมใส่ได้อย่างสบายด้วยน้ำหนักเบสเพียง 4.1 กรัม (เบากว่าแผ่นกระดาษ A4)
หูฟัง realme Buds Air Neo ผ่านการทดสอบการใช้งานที่อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส นาน 168 ชั่วโมง และที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส นาน 168 ชั่วโมง อีกทั้งยังได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานน้ำที่ระดับ IPX4 สามารถป้องกันละอองน้ำและหยดเหงื่อได้
สำหรับเคสชาร์จของ realme Buds Air Neo ก็ดูคล้ายกับเคสชาร์จของ realme Buds Air แต่จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนตรงพอร์ตเชื่อมต่อสายชาร์จด้านล่าง สำหรับ realme Buds Air จะเป็นพอร์ต USB Type-C แต่รุ่น Neo ใช้พอร์ต Micro-USB นอกจากนี้ เคสชาร์จของ realme Buds Air ยังสนับสนุนการชาร์จไร้สาย แต่รุ่น Neo ไม่รองรับ
เคสชาร์จของ realme Buds Air Neo มีหลอดไฟ LED แสดงสถานะการใช้แบตเตอรี่ ถ้าหากเปล่งแสงสีเขียวค้างไว้ แสดงว่ามีระดับแบตเตอรี่มากกว่า 20% แต่ถ้าไฟกระพริบเป็นสีเขียว หมายความว่า ระดับแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20% ถึงเวลาเติมพลังงาน หากต้องการตรวจสอบระดับแบตเตอรี่อย่างละเอียด ต้องทำการจับคู่กับสมาร์ทโฟนและดูสถานะแบตเตอรี่ได้จากการตั้งค่า Bluetooth
เคสชาร์จของ realme Buds Air Neo มีน้ำหยักเบา 30.5 กรัม ได้รับการทดสอบเปิด-ปิดฝาถึง 2,000 ครั้ง ทดสอบการเสียบช่อง Micro-USB ถึง 2,000 ครั้ง และทดสอบการเปิด-ปิดเครื่องมากกว่า 5,000 ครั้ง
ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
หูฟัง realme Buds Air Neo รองรับการควบคุมด้วยระบบสัมผัสแบบเดียวกับรุ่นพี่ realme Buds Air โดยมีวิธีการใช้งานดังนี้
- แตะ 2 ครั้ง เพื่อเล่นหรือหยุดเพลง
- แตะ 3 ครั้ง เพื่อข้ามไปยังเพลงต่อไป
- แตะค้างไว้ที่หูฟังข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อใช้งาน Google Assistant (หรือวางสาย เมื่อใช้ฟีเจอร์การโทร)
- แตะค้างไว้ที่หูฟังทั้ง 2 ข้าง เพื่อเปิดหรือปิด Super Low Latency Mode หรือ Gaming Mode
ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่ารูปแบบการแตะได้ด้วยตัวเอง โดยเชื่อมต่อหูฟัง realme Buds Air Neo กับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link
เชื่อมต่ออย่างง่ายดาย
realme Buds Air Neo รองรับ Google Fast Pair ช่วยให้การจับคู่หรือเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย เพียงนำหูฟังมาอยู่ใกล้กับสมาร์ทโฟน เปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth บนสมาร์ทโฟน จากนั้นให้เปิดฝาเคสชาร์จของหูฟัง รอไม่กี่วินาที สมาร์ทโฟนกับหูฟังก็จะจับคู่ให้ทันที
อย่างไรก็ตาม ในการจับคู่หูฟัง realme Buds Air Neo กับสมาร์ทโฟนครั้งแรกที่ใช้ร่วมกัน จำเป็นต้องให้ทั้งคู่ทำความรู้จักกันก่อน ด้วยการจับคู่ในครั้งแรก ให้เข้าไปเปิด Bluetooth ในสมาร์ทโฟน จากนั้นเปิดฝาเคสชาร์จแล้วกดปุ่มด้านหน้าเคสค้างไว้ จนไฟ LED สว่างเป็นสีเขียว จะพบรายชื่อ realme Buds Air Neo ในการตั้งค่า Bluetooth ของสมาร์ทโฟน
ด้วยเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 ช่วยให้หูฟัง realme Buds Air Neo มีรัศมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนไกลสุด 10 เมตร ให้การรับ-ส่งสัญญาณที่รวดเร็ว และยังประหยัดพลังงานมากขึ้น เมื่อเทียบกับมาตรฐาน Bluetooth ก่อนหน้านี้
เบื้องหลังของพลังเสียงเบส
ภายในหูฟัง realme Buds Air Neo ได้รับการติดตั้งไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 13 มิลลิเมตร โดยใช้ Diaphragm ที่ทำมาจากวัสดุ PU มีความยืดหยุ่นสูง ผสานกับวัสดุไทเทเนี่ยม ทำให้เกิดเสียงแหลมที่ไม่สูงมากจนเกินไป ให้เสียงเบสที่ทรงพลัง และยังช่วยให้เสียงพูดชัดเจน
เพื่อให้เสียงเบสที่หนักแน่นและมีมิติยิ่งขึ้น หูฟัง realme Buds Air Neo จึงมาพร้อมเทคโนโลยี DBB (Dynamic Bass Boost) ที่เกิดจากการปรับจูนเสียงของทีมงานด้านเสียงโดยเฉพาะ
realme Buds Air Neo สนับสนุนการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 และประมวลผลด้วยชิป R1 ซึ่งใช้เทคโนโลยีส่งสัญญาณแบบ 2 ช่อง ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนกับหูฟัง ทำได้อย่างรวดเร็วและมีความเสถียรสูง อีกทั้งยังให้ค่าหน่วงเวลาต่ำเพียง 119.2 มิลลิวินาที จึงให้เสียงที่ตรงกับภาพ เหมาะสำหรับการเล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง
ค่าหน่วงเวลา หรือ Latency ที่ต่ำเพียง 119.2 มิลลิวินาที สามารถเข้าถึงได้เมื่อเปิดใช้ Super Low Latency Mode หรือ Gaming Mode เพียงแตะค้างไว้ที่หูฟังทั้ง 2 ข้าง และทำอีกครั้งเมื่อต้องการปิดโหมดหน่วงเวลาต่ำ
ฟังเพลงได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง
หูฟัง realme Buds Air Neo แต่ละข้าง ให้อายุการใช้งานนาน 1.5 ชั่วโมง สำหรับการสนทนา และให้อายุการใช้งานนาน 3 ชั่วโมง สำหรับการฟังเพลง แต่เมื่อพกพาเคสชาร์จติดตัวไปด้วย และแบตเตอรี่ของเคสชาร์จเต็ม 100% จะสามารถยืดอายุการใช้งานของหูฟังได้ยาวนานถึง 17 ชั่วโมง
จึงสามารถพกพา realme Buds Air Neo ไปใช้งานได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงานของแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Gaming Mode อาจส่งผลให้แบตเตอรี่หมดไวยิ่งขึ้น
สรุป
realme Watch ถือเป็นสมาร์ทวอทช์ราคาไม่แพง ที่รองรับฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกายได้ถึง 14 ชนิดกีฬา โดยเฉพาะการเล่นกีฬาพื้นฐานอย่างการเดิน วิ่ง เตะบอล บาสเกตบอล และออกกำลังกายในฟิตเนส ที่สำคัญก็คือ ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์วัดระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2) และวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่สวยงาม สวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
สำหรับหูฟังไร้สาย realme Buds Air Neo เหมาะสำหรับการฟังเพลง ดูฟัง เล่นเกม ที่จุดเด่นที่ Gaming Mode จึงให้สัญญาณเสียงที่ตรงกับภาพ และมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานยาวนานถึง 17 ชั่วโมง เมื่อพกพาเคสชาร์จติดตัวไปด้วย
ราคาและกำหนดการวางจำหน่าย
realme Buds Air Neo พร้อมวางจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางออนไลน์ของ realme online official ใน Shopee และ Lazada รวมถึง BaNANA, TG Fone, IT CITY และ CSC ราคาเพียง 1,499 บาท สำหรับช่องทางปกติ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
realme Watch จะวางจำหน่ายวันที่ 6 มิถุนายนนี้ ผ่านช่องทางออนไลน์ realme Official Store ทาง Shopee และ Lazada และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สนนราคา 2,499 บาท