นอกจาก iPhone SE รุ่นใหม่ จะได้รับชิปประมวลผล A13 Bionic แบบเดียวกับที่พบใน iPhone 11 series ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 เหมือนกันด้วย จึงช่วยให้ iPhone SE รุ่นที่ 2 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ในความเร็วที่สูงขึ้น แต่นั่นเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น ในทางปฏิบัติผู้ใช้งานควรจะต้องทราบว่า Wi-Fi 6 คืออะไร และจะใช้งานได้อย่างไร
Wi-Fi 6 คืออะไร?
Wi-Fi 6 เป็นชื่อเรียกการเชื่อมต่อของมาตรฐาน IEEE 802.11ax ซึ่งปัจจุบันอุปกรณ์ส่วนใหญ่ยังใช้มาตรฐาน Wi-Fi 5 หรือ Wi-Fi 802.11ac นั่นทำให้อุปกรณ์ที่ใช้ Wi-Fi 6 ก็สนับสนุนมาตรฐานเดิมด้วยเช่นกัน
Wi-Fi 6 สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 9.6Gbps ขณะที่ Wi-Fi 5 ทำความเร็วได้สูงสุด 3.5Gbps โดยรวมแล้วมีความเร็วเพิ่มขึ้น 40% อีกทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยี MU-MIMO สามารถสตรีมข้อมูลได้สูงสุด 8 รายการในเวลาเดียวกัน
Wi-Fi 6 ยังรองรับจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในเวลาเดียวกันได้มากกว่า Wi-Fi 5 จึงรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นได้ดีกว่า และยังประหยัดพลังงานมากกว่า รวมถึงได้รับการปรับปรุงให้มีการเชื่อมต่อที่เสถียร สัญญาณรบกวนลดน้อยลง และค่าหน่วงเวลาแฝงก็ต่ำลงด้วย
จะใช้งาน Wi-Fi 6 ได้อย่างไร?
ก่อนอื่น เจ้าของ iPhone SE รุ่นที่ 2 จำเป็นต้องทราบว่า หลังจากได้รับ iPhone รุ่นใหม่มาแล้ว และกลับมาใช้งานที่บ้าน ด้วย Router เครื่องเดิมที่เป็นมาตรฐาน Wi-Fi 5 หรือก่อนหน้านั้น จะไม่ทำให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตของ iPhone มีความเร็วเพิ่มขึ้น
นั่นหมายความว่า ต้องมีการเปลี่ยน Router ในบ้านให้สนับสนุนมาตรฐาน Wi-Fi 6 ซึ่งเริ่มมีวางจำหน่ายแล้วในท้องตลาด แต่ราคาสูงกว่า Router ทั่วไป นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตที่ใช้ในบ้านด้วยว่ามีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดเท่าไร เพราะถ้าใช้แพ็กเกจขั้นพื้นฐานที่มีความเร็วระดับหลักร้อย Mbps ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยน Router ใหม่ และการอัพเกรดไปใช้ความเร็วระดับ Gigabit ก็จะต้องเสียค่าบริการรายเดือนเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจาก Router ที่ใช้งานตามบ้านแล้ว Wi-Fi Hotspot ของผู้ให้บริการต่างๆ ที่กระจายสัญญาณ Wi-Fi ตามที่สาธารณะ หรือตามศูนย์การค้า ก็มีการอัพเกรดเป็น Wi-Fi 6 ด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะยังคงจำกัดในบางพื้นที่ แต่ในอนาคตจะถูกนำมาใช้แทนมาตรฐาน Wi-Fi 5 อย่างแน่นอน
ปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่สนับสนุน Wi-Fi 6 ส่วนใหญ่เป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ของ Apple, Samsung, Huawei, Xiaomi และ OnePlus
ทั้งนี้ iPhone SE รุ่นที่ 2 เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในราคาเริ่มต้น 14,900 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ และ สีแดง (PRODUCT)RED
iPhone SE รุ่นที่ 2 มาพร้อมจอแสดงผล 4.7 นิ้ว ใช้ชิปประมวลผล A13 Bionic ป้องกันน้ำในระดับ IP67 กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอระดับ 4K กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล สนับสนุนโหมดภาพถ่ายบุคคลทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 13 ชั่วโมง สำหรับการเล่นวิดีโอแบบออฟไลน์ รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ หรือสูงกว่า และชาร์จไร้สาย (ใช้ร่วมกับเครื่องชาร์จ Qi) และยังใช้ Touch ID หรือเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือติดตั้งอยู่ในปุ่มโฮม