Apple Watch ยืนอยู่ในตลาดสมาร์ทวอทช์มานาน 5 ปีแล้ว นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 24 เมษายน 2015 และในโอกาสครบรอบ 5 ปี เว็บไซต์ MacRumors ได้สรุปฟีเจอร์เด่นของ Apple Watch ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน ว่าในแต่ละปีมีพัฒนาการเป็นอย่างไรบ้าง
ความจริงแล้ว Apple แนะนำ Apple Watch รุ่นแรก ในเดือนกันยายน 2014 ก่อนจะเปิดตัวทางการในเดือนมีนาคม 2015 และวางจำหน่ายในเดือนเมษายนของปีเดียวกัน โดยมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 38 มม. และ 42 มม. มาพร้อมพื้นฐานของ Apple Watch รุ่นถัดไป จั้งแต่ปุ่มควบคุมแบบหมุน Digital Crown ไปจนถึงวงแหวนกิจกรรม และมีรุ่นพรีเมี่ยม Apple Watch Edition ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต ที่มีราคาสูงถึง 17,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 551,740 บาท
Apple Watch Series 2 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2016 มาพร้อมชิป S6 แบบ Dual Core เร็วกว่ารุ่นแรกถึง 50% จอแสดงผลก็สว่างกว่าเดิม 2 เท่า และยังมี GPS ในตัว กันน้ำลึก 50 เมตร สวมใส่ว่ายน้ำในสระได้ ขณะเดียวกัน Apple ก็ได้อัพเกรด Apple Watch รุ่นแรก ด้วยการติดตั้งชิป S6 และมีให้เลือกเฉพาะรุ่นตัวเรือนอะลูมิเนียม
Apple Watch Series 3 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2017 มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นคือการเพิ่มรุ่นที่รองรับ LTE ทำให้ Apple Watch รองรับฟีเจอร์การโทร ข้อความ สตรีมเพลงจาก Apple Music และเป็นอิสระจาก iPhone มากขึ้น Apple Watch Series 3 ยังได้รับชิปรุ่นใหม่ S3 เร็วกว่ารุ่นก่อน 70% พร้อมด้วยชิป W2 ทำให้การเชื่อมต่อ Wi-Fi เร็วขึ้น 85% ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม 50% นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดความสูงแบบความกดอากาศ สำหรับการติดตามกิจกรรมที่ต้องขึ้นที่สูง
Apple Watch Series 4 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2018 ได้ยกระดับการติดตามสุขภาพด้วยแอพ ECG สำหรับวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า และ Fall Detection สำหรับติดตามการล้ม อีกทั้งยังได้รับการออกแบบใหม่หมด ด้วยขอบจอแสดงผลที่บางลง และปรับเป็นขนาด 40 มม. กับ 44 มม. โดยใช้ชิป S4 แบบ 64-bit ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
Apple Watch Series 5 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2019 โดยออกมาแทนที่ Series 4 ด้วยดีไซน์เดิม เพิ่มเติมฟีเจอร์ Always-On Retina Display ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นเวลาและข้อมูลสำคัญบนหน้าจอได้ตลอดเวลา พร้อมแอพเข็มทิศใหม่ และได้รับความจุในตัว 32GB มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่น Series 4 นอกจากนี้ รุ่น LTE ยังสามารถโทรติดต่อบริการฉุกเฉินทั่วโลกมากกว่า 150 ประเทศ
คาดว่า Apple Watch Series 6 ที่จะมาถึงในปลายปีนี้ จะได้รับฟีเจอร์ติดตามสุขภาพการนอนหลับ วัดระดับออกซิเจนในเลือด ปรับปรุงประสิทธิภาพ, การเชื่อมต่อ Wi-Fi, คุณสมบัติกันน้ำ และมีความเป็นไปได้ที่จะรองรับ Touch ID
ที่มา – MacRumors
https://www.flashfly.net/wp/296807