สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาที่ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ จำเป็นต้องมีซิมการ์ด ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาให้ขนาดเล็กลง จนถูกเรียกว่า Nano SIM Card และอุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่ในตลาดก็ยังออกแบบมาให้รองรับการ์ดวามจำอย่าง MicroSD ไว้จัดเก็บข้อมูล ทำให้ผู้ผลิตต้องออกแบบช่องใส่การ์ดไว้อย่างน้อย 2 ช่อง แต่ในอนาคตอาจมีวิธีที่ทำให้ประหยัดพื้นที่มากขึ้น
ซิมการ์ดในอนาคต จะสามารถทำหน้าที่เป็นการ์ดความจำไว้เก็บข้อมูลได้ในตัว เรียกว่า Super SIM ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ภายในอุปกรณ์ได้อย่างมาก และนำพื้นที่วางไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เช่น เพิ่มขนาดแบตเตอรี่
Super SIM ได้รับการเปิดตัวแล้วในประเทศจีน โดยมีความจุเริ่มต้น 32GB สูงสุด 128GB และมีความเร็วในการอ่านข้อมูล 60MB/s และมีความเร็วในการเขียนข้อมูล 90MB/s ขณะที่ซิมการ์ดรูปแบบเดิมมีความจุราว 128KB
Super SIM มีวางจำหน่ายแล้วในประเทศจีน ราคาเริ่มต้น 99 หยวน หรือราว 460 บาท สำหรับความจุ 32GB และราคา 199 หยวน หรือราว 925 บาท สำหรับความจุ 128GB ซึ่งถือว่ามีราคาสูงกว่าการ์ดความจำ MicroSD ที่มีความจุเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม Super SIM ในปัจจุบัน ยังมีขนาดเท่ากับการ์ดความจำ MicroSD จึงไม่รองรับสมาร์ทโฟนที่มีแต่ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ซึ่งหมายความว่า Super SIM รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์พกพาที่มีช่องใส่การ์ด MicroSD
ที่มา – Gizmochina
https://www.flashfly.net/wp/293825