Samsung ไม่ได้ตั้งเป้าให้ Galaxy S20 Ultra ออกมาเป็นคู่แข่ง Galaxy Note 10+ แต่ถ้าใครยังไม่ได้เป็นเจ้าของ 2 รุ่นนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพิจารณาว่ารุ่นไหนน่าสนใจกว่ากัน ข้อได้เปรียบของ Galaxy S20 Ultra คือจอแสดงผล 120Hz ระบบกล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล รองรับฟีเจอร์ 100x Space Zoom และ 10x Hybrid Optic Zoom
Galaxy Note 10+ มาพร้อมปากกา S Pen รุ่นใหม่ ติดตั้งเซ็นเซอร์ Gyro แบบ 6 แกน สามารถควบคุมสมาร์ทโฟนได้ด้วยท่าทาง หรือตวัดปากกาในอากาศ และถ่ายภาพออกมาได้ดีเช่นกัน แต่ในประเทศไทยไม่มีเวอร์ชั่น 5G เข้ามาวางจำหน่าย ขณะที่ Galaxy S20 Ultra พร้อมใช้งาน 5G ในไทย
Galaxy S20 Ultra 5G ในไทย วางจำหน่ายในราคา 39,900 บาท มาพร้อมความจำ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 128GB ขณะที่ Galaxy Note 10+ ปัจจุบันมีให้เลือก 2 รุ่น คือ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB ราคา 34,110 บาท และ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 512GB ราคา 37,900 บาท แสดงให้เห็นว่า Galaxy Note 10+ ได้เปรียบในเรื่องพื้นที่ความจำ
จอแสดงผลและการออกแบบ
Galaxy S20 Ultra มีขนาดจอแสดงผล 6.9 นิ้ว ส่วน Galaxy Note 10+ มีขนาด 6.8 นิ้ว แต่เมื่อคำนวณออกมาเป็นขนาดพื้นที่การใช้งานจริง จะมีพื้นที่ 17.7 และ 17.6 ตารางนิ้วตามลำดับ นั่นหมายถึงประสบการณ์การรับชมจะไม่แตกต่างกันมากนัก
อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราส่วนภาพ 20:9 ของ Galaxy S20 Ultra ทำให้มีความกว้างน้อยกว่า จึงถือใช้งานได้ถนัดกว่า Galaxy Note 10+ แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในแง่ของการพกพาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง Galaxy S20 Ultra จะรู้สึกหนักและอึดอัดกว่า
ด้านคุณภาพของการแสดงผล ทั้งคู่ใช้เทคโนโลยีจอแสดงผล OLED ซึ่งให้คุณภาพที่ใกล้เคียงกันมากทั้งความคมชัด การแสดงสีสัน ขอบเขตของสี มีอัตราการสะท้อนแสงที่ต่ำ และใช้งานได้ดีในที่กลางแจ้ง
กล้อง
ระบบกล้องถือเป็นจุดเด่นของ Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เลนส์มุมกว้าง 120 องศา, กล้องไวด์ 108 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง F1.8 มีระบบกันสั่น OIS และกล้องเทเลโฟโต้ 48 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง F3.5 มีระบบกันสั่น OIS รองรับ ซูมไฮบริดออปติค 10 เท่า และซูมดิจิตอล 100 เท่า นอกจากนี้ยังมีกล้อง DepthVision ช่วยจับระยะชัดลึก
กล้องหลังของ Galaxy Note 10+ ประกอบไปด้วยกล้องมุมกว้างพิเศษ 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2, กล้องตัวหลัก 12 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 77 องศา รูรับแสง ปรับได้ระหว่าง F1.5 กับ F2.4 มีระบบลดภาพสั่นไหว OIS และกล้องเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.1 มีระบบลดภาพสั่นไหว OIS และมีกล้อง DepthVision เช่นเดียวกัน
Phonearena บอกว่ากล้องหลังของ Galaxy S20 Ultra ให้สมดุลสีขาวที่ดีกว่า โทนสีภาพออกมาดีกว่า เมื่อเทียบกับอีกฝ่ายที่ออกมาในโทนเหลือง แต่เมื่อถ่ายภาพผู้คน อัลกอรึทึมของ Galaxy S20 Ultra ได้รับการฝึกฝนให้เน้นใบหน้าด้วยการเพิ่มความสว่าง และเปิดรับแสงมากเกินไป อีกทั้งยังพยายามปรับผิวใบหน้าให้เรียบเนียนจนเกินไป ทำให้ Galaxy Note 10+ มีความเป็นธรรมชาติกว่า
Galaxy S20 Ultra ได้เปรียบในเรื่องการซูมอย่างชัดเจน ให้รายละเอียดและความคมชัดที่ดีกว่า เมื่อซูมสูงสุด 10 เท่า หีอแม้แต่ 30 เท่า เมื่อมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วน Galaxy Note 10+ รองรับซูมออปติคอลสูงสุด 2 เท่าด้วยกล้องทเลโฟโต้ แต่เมื่อถ่ายภาพในเวลากลางคืน Galaxy Note 10+ ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน
สำหรับกล้องหน้า Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกล้องเซลฟี่ 40 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง F2.2 เลนส์มุมกว้าง 80 องศา ส่วน Galaxy Note 10+ มีความละเอียด 10 ล้านพิกเซล Dual Pixel AF มุมกว้าง 80 องศา รูรับแสง F2.2
ภาพถ่ายเซลฟี่ของ Galaxy S20 Ultra ได้รับการปรับแต่งผิวมากเกินไป ทำให้ภาพเซลฟี่จาก Galaxy Note 10+ มีความสมดุลมากกว่า แต่การเก็บรายละเอียดจำนวนมาก Galaxy S20 Ultra ทำได้ดีเยี่ยม
เมื่อมาถึงการถ่ายวีดีโอ Galaxy S20 Ultra มีความสามารถมากกว่าอย่างชัดเจน เพราะสนับสนุนการถ่ายวีดีโอ 8K สามารถซูมได้ 5 เท่า ในขณะถ่ายวีดีโอ อย่างไรก็ตาม Phonearena ได้เน้นไปที่การใช้งานในชีวิตจริงและได้ถ่ายวีดีโอเปรียบเทียบที่ความละเอียด 4K ซึ่งพบว่า Galaxy S20 Ultra ถ่ายวีดีโอออกมาได้ดีกว่าด้วยสมดุลแสงขาวที่เป็นธรรมชาติ
ระบบเสียง
Galaxy S20 Ultra และ Galaxy Note 10+ มาพร้อมลำโพงสเตอริโอที่ได้รับการปรับแต่งเสียงจาก AKG รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และมีไมโครโฟนหลายตัวช่วยในการตัดเสียงรบกวน ทำให้คุณภาพการโทรคมชัดทั้ง 2 รุ่น แต่เมื่อวางเทียบกับเพื่อลองฟังพลังเสียงของลำโพง Phonearena พบว่า Galaxy S20 Ultra ให้เสียงดีกว่า
ซอฟต์แวร์และประสิทธิภาพ
Galaxy S20 Ultra และ Galaxy Note 10+ ให้ประสบการณ์การใช้งานที่คล้ายกัน ด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 สวมทับด้วย OneUI 2.0 ที่ทำงานได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อเปิดโหมด 120Hz ของ Galaxy S20 Ultra ก็จะพบกับความแตกต่างทันที
ด้านประสิทธิภาพ Galaxy S20 Ultra ได้รับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมความจำ RAM ที่มีให้เลือกสูงสุด 16GB ขณะที่ Galaxy Note 10+ ใช้ชิปเรือธงจากปีที่แล้ว และจำกัด RAM สูงสุด 12GB แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อมูลบนแผ่นกระดาษ ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักในชีวิตจริง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจากแอพพลิเคชั่นวัดประสิทธิภาพต่างๆ ก็ช่วยให้เรามองเห็นความแตกต่างได้
แบตเตอรี่
Galaxy S20 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงของ Samsung ที่ให้ความจุแบตเตอรี่มากที่สุดถึง 5000mAh เพื่อรองรับการเชื่อมต่อ 5G และจอแสดงผลขนาดใหญ่ ที่ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz และนั่นทำให้ Galaxy S20 Ultra มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า Galaxy Note 10+
นอกจากนี้ Galaxy S20 Ultra ยังชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มเร็วกว่าด้วย จากการทดสอบของ Phonearena สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของ Galaxy S20 Ultra ได้เต็มในเวลา 59 นาที เร็วกว่าที่ Samsung โฆษณาไว้ว่าจะใช้เวลา 70 นาที
ที่มา – Phonearena
https://www.flashfly.net/wp/288184