Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy S20, Galaxy S20+ และ Galaxy S20 Ultra อย่างทางการแล้วในระดับโลก เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และเปิดตัวในประเทศไทยทันทีในวันเดียวกันนี้ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่ Samsung ให้ความสำคัญ
Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่น ถูกสร้างมาเพื่อปฏิวัติการถ่ายภาพและวิดีโอ จึงมาพร้อมกล้องดิจิตอลคุณภาพสูง ชิปประมวลผลที่ทรงพลัง ความจุเทียบเท่าคอมพิวเตอร์ แบตเตอรี่อัจฉริยะ และเพิ่มความปลอดภัยด้วย Samsung Knox ปกป้องความเป็นส่วนตัวด้วยระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น
Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมจอแสดงผล Quad HD+ (3200 x 1440 พิกเซล) Dynamic AMOLED 2X Infinity-O Display ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz สนับสนุน HDR+ ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแบบ 3D Ultrasonic และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Gorilla Glass 6
Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่น มีขนาดหน้าจอแตกต่างกัน Galaxy S20 ขนาด 6.2 นิ้ว (563ppi), Galaxy S20+ ขนาด 6.7 นิ้ว (525ppi) และ Galaxy S20 Ultra ขนาด 6.9 นิ้ว (511ppi)
จอแสดงผล Dynamic AMOLED ของ Galaxy S20 series ได้รับการรับรองระดับสีของอุปกรณ์พกพาที่ 100% ของ DCI-P3 (Digital Cinema Initiatives) โดย VDE Germany รูปภาพจะไม่ถูกลบ และสีสันสดใสตามระดับความสว่างของหน้าจอ หน้าจอจะรองรับความสว่างสูงสุดที่ 1200 nits และครอบคลุมอัตราคอนทราสต์ที่ 2,000,000:1 ภาพคมชัด สมจริง อีกทั้งยังถนอมสายตา เนื่องจากสามารถลดเเสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายได้อย่างมาก ผ่านการรับรองจาก SGS
Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมลำโพงสเตอริโอ ระบบเสียง Dolby Atmos และถูกออกแบบมาให้ป้องกันน้ำได้ในระดับ IP68 กันน้ำสะอาดลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน Galaxy S20, Galaxy S20+ หรือ Galaxy S20 Ultra ก็ได้รับชิปประมวลผลรุ่นเดียวกัน 7nm 64-bit Octa-Core และทั้งหมดทำงานบนพื้นฐาน Android 10 สวมทับด้วย One UI 2
Galaxy S20 มีความจุแบตเตอรี่ 4000mAh ชาร์จเร็ว 25 วัตต์, Galaxy S20+ มีความจุแบตเตอรี่ 4500mAh ชาร์จเร็ว 25 วัตต์ และ Galaxy S20 Ultra มีความจุแบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 45 วัตต์
Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่น รองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 (รอบรับอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย Wireless Charger Stand, Wireless Charger Duo Pad และอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับการชาร์จ 10 วัตต์) และสนับสนุน Wireless PowerShare สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Galaxy Buds, Galaxy Watch และสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ โดยไม่ต้องเชื่อมต่อสาย
มาถึงไฮไลท์ที่สำคัญของ Galaxy S20 series นั่นคือกล้องดิจิตอล Galaxy S20 และ Galaxy S20+ ได้รับสเปกกล้องเดียวกัน (แตกต่างกันเล็กน้อย Galaxy S20+ มีกล้อง DepthVision ช่วยจับระยะชัดลึก) และ Galaxy S20 Ultra จะได้รับกล้องที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
Galaxy S20 และ Galaxy S20+ มาพร้อมกล้องเซลฟี่ 10 ล้านพิกเซล Dual Pixel AF รูรับแสง F2.2 เลนส์มุมกว้าง 80 องศา รองรับการบันทึกวีดีโอ 4K
กล้องหลังของ Galaxy S20 และ S20+ ประกอบด้วย กล้องอัลตร้าไวด์ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เลนส์มุมกว้าง 120 องศา, กล้องไวด์ 12 ล้านพิกเซล Super Speed Dual Pixel AF รูรับแสง F1.8 มีระบบกันสั่น OIS และกล้องเทเลโฟโต้ 64 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง F2.0 มีระบบกันสั่น OIS รองรับ ซูมไฮบริดออปติค 3 เท่า และซูมดิจิตอล 30 เท่า
Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกล้องเซลฟี่ 40 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง F2.2 เลนส์มุมกว้าง 80 องศา รองรับการบันทึกวีดีโอ 4K
กล้องหลังของ Galaxy S20 Ultra ประกอบด้วย กล้องอัลตร้าไวด์ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เลนส์มุมกว้าง 120 องศา, กล้องไวด์ 108 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง F1.8 มีระบบกันสั่น OIS และกล้องเทเลโฟโต้ 48 ล้านพิกเซล PDAF รูรับแสง F3.5 มีระบบกันสั่น OIS รองรับ ซูมไฮบริดออปติค 10 เท่า และซูมดิจิตอล 100 เท่า นอกจากนี้ยังมีกล้อง DepthVision เหมือนรุ่น Galaxy S20+
โหมดถ่ายรูปของ Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เรียกว่า Singla Take ระบบถ่ายภาพอัจฉริยะ ให้ผู้ใช้งานบันทึกวิดีโอนานสูงสุด 10 วินาที (แพนกล้องไปมา 3 – 10 วินาทีเพื่อเก็บภาพทั้งหมด) และประมวลผลออกมาเป็นรูปภาพหรือวิดีโอหลากหลายแบบ เพื่อให้เลือกรูปภาพที่ดีที่สุด
Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่น รองรับการบันทึกวีดีโอ 8K ซึ่งมีความละเอียดมากกว่า 4K ถึง 4 เท่า และมากกว่า Full HD ถึง 16 เท่า และยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในระหว่างบันทึกวีดีโอ Anti-rolling Stabilizer ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวราบรื่นมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุน HDR10+ และ Dynamic Tone Mapping ให้สีสันและความคมชัดสมจริงเป็นธรรมชาติ ส่วนโหมด Super Slow-Mo 960 เฟรมต่อวินาที และ AR Doodle ก็ยังมีให้ใช้งาน
Galaxy S20 มาพร้อมความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Cosmic Grey, Cloud Blue และ Cloud Pink ราคา 28,900 บาท
Galaxy S20+ มาพร้อมความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Cosmic Grey, Cloud Blue และ Cosmic Black ราคา 31,900 บาท
Galaxy S20 Ultra 5G มาพร้อมความจำ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 128GB รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Grey, และ Cosmic Black ราคา 39,900 บาท
Samsung จะเปิดรับจอง Galaxy S20 series ทั้ง 3 รุ่นในระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถึง 5 มีนาคม 2563 โดยผู้ที่สั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับ Galaxy Buds+ เป็นของแถม มูลค่า 4,990 บาท
พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ! จอง Galaxy S20+ | S20 Ultra 5G รับส่วนลดและของแถมรวมมูลค่าสูงสุด 11,990 บาท* ที่ Samsung Experience Store, Samsung Online Shop, ผู้ให้บริการเครือข่ายและร้านค้าที่ร่วมรายการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/2vpo5d7
เซอร์ไพร์!! Samsung Galaxy Z Flip สมาร์ทโฟนพับหน้าจอได้รุ่นล่าสุด
Samsung เปิดตัว Galaxy Z Flip สมาร์ทโฟนพับจอได้รุ่นที่ 2 ถัดจาก Galaxy Fold ในปีที่แล้ว แต่ได้รับการออกแบบใหม่ให้พับลงในแนวตั้ง เน้นพกพาได้สะดวก ไม่ต่างจากมือถือดีไซน์ฝาพับเมื่อหลายปีก่อน และมาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว ที่สามารถพับเก็บใส่กระเป่าได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นจอแสดงผล Samsung Galaxy Z Flip มาพร้อมจอแสดงผลที่มีความยืดหยุ่นสูง Infinity Flex Display ขนาด 6.7 นิ้ว Dynamic AMOLED Display (2636 x 1080 พิกเซล) สามารถพับลงได้ครึ่งหนึ่งทำให้พกพาสะดวกกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป และใช้นวัตกรรมแผ่นกระจก Ultra Thin Glass (UTG) ที่มีความบางเป็นพิเศษ สามารถโค้งงอได้จอแสดงผลด้านนอก Super AMOLED (300 x 112 พิกเซล) ขนาด 1.1 นิ้ว มองเห็นการแจ้งเตือนโดยไม่ต้องเปิดฝาพับ
เมื่อบานพับสามารถกางออกได้ตามองศาที่ต้องการ Galaxy Z Flip จึงรองรรับการใช้ในในโหมดแฮนด์ฟรีได้อิสระมากกว่าที่เคย สามารถพับ 90 องศา เพื่อวางสมาร์ทโฟนในระหว่างวีดีโอแชท และยังมีโหมด Flex แบ่งจอออกเป็น 2 ส่วน เพื่อใช้งาน 2 แอพพร้อมกัน
Samsung Galaxy Z Flip มาพร้อมกล้องเซลฟี่ 10 ล้านพิกเซล ที่ซ่อนไว้ในรูบนจอแสดงผล และสามารถถ่ายเซลฟี่ได้สะดวกขึ้น เพราะสามารถวางสมาร์ทโฟนแล้วพับจอขึ้นได้ ด้านหลังติดตั้งกล้องคู่ 12 + 12 ล้านพิกเซล ประกอบด้วยกล้องไวด์ Super Speed Dual Pixel AF รูรับแสง F1.8 และกล้องอัลตร้าไวด์มุมกว้าง 123 องศา
Samsung Galaxy Z Flip ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 ใช้ชิปประมวลผล 7nm 64-bit Octa-Core ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB แบตเตอรี่ 3,300mAh
Samsung Galaxy Z Flip เปิดราคาที่ 44,900 บาท มีให้เลือก 2 สี Mirror Purple กับ Mirror Black วางจำหน่ายรอบพิเศษวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จำนวนจำกัดเพียง 200 เครื่องเท่านั้น ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วไปในวันที่ 6 มีนาคม 2563 นี้ ที่ Samsung Experience Store 10 สาขา และออนไลน์สโตร์ ของผู้ให้บริการเครือข่าย