iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มาพร้อมเทคโนโลยี Deep Fusion ที่ช่วยให้ภาพถ่ายมองเห็นรายละเอียดได้คมชัดขึ้น แต่จะสามารถใช้งานได้หลังจาก iPhone รุ่นใหม่ อัพเดทมาใช้ iOS 13.2 ที่ Apple กำลังจะปล่อยออกมาในอนาคตอันใกล้นี้
Deep Fusion เป็นระบบประมวลผลภาพแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย Neural Engine ของ A13 Bionic โดยใช้การเรียนรู้ของระบบที่ล้ำหน้าในการประมวลผลรูปภาพแบบพิกเซลต่อพิกเซล เพื่อปรับรายละเอียด ลวดลาย และนอยซ์ในทุกส่วนของภาพให้สวยงามลงตัวที่สุด
Deep Fusion จะเปิดทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่สามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ตามต้องการ Deep Fusion จะทำงานเมื่อถ่ายภาพภายในอาคาร หรือในที่แสงน้อย ที่ Night Mode ไม่พร้อมทำงาน และจะไม่ทำงานในสภาพแสงกลางแจ้งหรือบริเวณที่มีแสงสว่างมาก เพราะเป็นหน้าที่ของ Smart HDR (Deep Fusion จะไม่ทำงานถ้าหากเปิดฟีเจอร์ Photos Capture Outside the Frame)
Smart HDR ที่นำมาใช้กับ iPhone 11 series ได้รับการพัฒนาเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ ใช้การเรียนรู้ของระบบอันล้ำสมัยเพื่อหาบุคคลในภาพและเพิ่มความสว่างให้กับบุคคลนั้นอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ภาพดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นและเผยให้เห็นรายละเอียดมากยิ่งขึ้น
เจ้าของบัญชี Twitter: Sebastiaan de With มีโอกาสทดลองใช้ Deep Fusion แล้ว และพบว่าภาพถ่ายด้วย Deep Fusion มีความคมชัดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ข้อเสียก็คือ ขนาดไฟล์ภาพจะใหญ่กว่าปกติถึง 2 เท่า
Tyler Stalman ก็เป็นอีกรายที่มีการแชร์ภาพถ่ายที่ใช้ Deep Fusion
In my first tests, Deep Fusion offers fairly modest gains in sharpness (and much larger files — my HEICs came out ~2x bigger). pic.twitter.com/ISclMKT1hK
— Sebastiaan de With (@sdw) October 2, 2019
Very first tests of #DeepFusion on the #iPhone11 pic.twitter.com/TbdhvgJFB2
— Tyler Stalman (@stalman) October 2, 2019
ที่มา – Redmond Pie
https://www.flashfly.net/wp/272812