iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานน้ำเหมือนกับ iPhone ในปีที่แล้ว แต่ Apple ยืนยันว่าสามารถทนน้ำได้ดีกว่าเดิม iPhone 11 ทนน้ำถึงระดับความลึก 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ขณะที่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ทนน้ำถึงระดับความลึกถึง 4 เมตร ในเวลา 30 นาทีเช่นกัน
iPhone XR ทนน้ำที่ระดับ IP67 (ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ขณะที่ iPhone XS กับ iPhone XS Max ทนน้ำที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
จะเห็นว่า iPhone XS กับ iPhone 11 Pro ได้รับการจัดอันดับ IP68 เหมือนกัน แต่ทนน้ำไม่เท่ากัน ที่เป็นแบบนี้เพราะระดับ IP68 คือมาตรฐานสูงสุดแล้ว ตัวเลขหลักแรก หมายถึงคุณสมบัติทนทานต่อฝุ่น สูงสุดที่ระดับ 6 และตัวเลขหลักที่สอง หมายถึงคุณสมบัติทนทานต่อน้ำ สูงสุดที่ระดับ 8 ซึ่งปกติสมาร์ทโฟนทั่วไป จะสามารถกันน้ำได้ลึก 2 เมตรเท่านั้น ถึงแม้จะได้รับ IP68 ก็ตาม Apple จึงกล้าบอกว่า iPhone 11 Pro เป็น “iPhone ที่ทนน้ำได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเรา”
ถึงแม้ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะกันน้ำได้ลึกกว่าคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟน แต่ Apple ก็ไม่ได้รับประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับของเหลว นั่นหมายถึงเจ้าของ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max รวมถึง iPhone รุ่นก่อนๆ ที่ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำ ก็ไม่ควรนำไปใช้งานใต้น้ำ เพราะถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา Apple จะไม่รับผิดชอบ
อายุการใช้งานของ iPhone ก็มีผลต่อคุณสมบัติการน้ำ ช่วงแรกๆ หลายคนอาจจะลองนำ iPhone ไปถ่ายภาพในสระน้ำ แล้วก็พบว่า iPhone ยังทำงานได้ปกติเมื่อแห้งแล้ว แต่เมื่อนำลงไปใต้น้ำบ่อยๆ การปิดผนึกภายใน iPhone จะมีประสิทธิภาพลดลง และสามารถลดความแข็งแรงของผนึกกันน้ำได้
เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับของเหลว เจ้าของ iPhone สามารถซื้อบริการ AppleCare+ เพื่อขยายความคุ้มครองได้ โดย AppleCare+ ให้ความคุ้มครอง iPhone จากการโจรกรรม ความเสียหายจากอุบัติเหตุ รวมถึงความเสียหายจากของเหลวทุกชนิด
ที่มา – iPhoneHacks
https://www.flashfly.net/wp/271099