หลังจากที่ Huawei ได้เปิดตัว EMUI 10 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดไปเรียบร้อยแล้วในงาน HDC 2019 ที่ผ่านมา วันนี้ทาง Huawei ก็ได้เปิดให้สื่อมวลชนทั่วโลกเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ใช้งาน EMUI 10 อย่างเป็นทางการแล้วจะมีอะไรที่น่านใจบ้างมาติิดตามอ่านกันได้เลย
โดย EMUI 10 เป็นระบบปฎิบัติการของสมาร์ทโฟน Huawei ทำงานบนพื้นฐาน Android Q พัฒนาต่อยอดจาก EMUI 9.1 ในปัจจุบัน จึงมีประสิทธิภาพโดยรวมสูงขึ้นหรือเร็วขึ้น GPU Turbo (+60%), Link Turbo (+70%) และ EROFS ROM (+20%) แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลชิปใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ก็น่าจะมาพร้อมกับ EMUI 10 อย่างแน่นอน โดยเบื้องต้นใครที่ใช้ Huawei P30 Series จะได้ทดลองใช้งานเวอร์ชั่น Beta ก่อนใครในวันที่ 8 กันยายนนี้
Huawei อธิบายว่า EMUI 10 จะเป็นส่วนประสานผู้ใช้แบบ Distributed OS จึงช่วยให้นักพัฒนาสามารถจำลองรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันได้ และจำลองการทำงานต่อเนื่องระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เสมือนว่านักพัฒนามี Virtual Machine ที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงข้อแตกต่างของฮาร์ดแวร์ สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพียงครั้งเดียวแต่รองรับการทำงานกับทุกอุปกรณ์ได้
ระบบ Deterministic Latency Engine ยังช่วยลดปัญหาระบบค้างจากการจัดสรรทรัพยากรอย่างไม่เหมาะสมในทุกระดับของซอฟต์แวร์ได้ ทำให้มั่นใจได้ว่า EMUI 10 มีความเสถียรตลอดเวลา
EMUI 10 ได้รับการออกแบบใหม่หมดทั้ง UI และ UX นั่นหมายถึง มีการเปลี่ยนแปลงทั้งหน้าตาให้สวยงามกว่าเดิม และให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น โดย Huawei ได้ยึดดีไซน์มากจากการจัดวางเลย์เอ้าท์แบบในนิตยสารแมกกาซีน รวมถึงการจัดเรียงรูปภาพใน Gallery Hightlights ใหม่ให้เป็นสไตล์แมกกาซีนอีกด้วย
ด้าน UI หรือ User Interface มีการออกแบบไอคอนใหม่ โดยทุกไอคอนจะอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีมุมโค้งมนตามสัดส่วนของ Golden Ratio ทำให้ไอคอนทางลัดบนหน้าจอมีความเป็นระเบียบสวยงาม
สีสันของ UI ใหม่ ก็เลือกใช้สีที่สบายตาที่สุดโดย Huawei โดยที่แถบด้านบนเลือกใช้โทนสีที่เรียกว่า Morandi Color System ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินวาดภาพชาวอิตาลี Giorgio Morandi นั่นเอง ซึ่ง Huawei ได้นำเอา 6 เฉดสีมาใส่ในแอพพลิเคชั่นพื้นฐานใน EMUI 10 ตั้งแต่ Contact ,NotePad และ Gallery เป็นต้น
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษใน EMUI 10 ยังมี Dark Mode หรือธีมสีเข้มแบบเต็มระบบ สำหรับแอพพลิเคชั่นอื่นๆใน PlayStore ที่มี Dark Mode ก็จะสามารถใช้งานร่วมกันได้เลย จึงสามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้อย่างสบายตายิ่งขึ้น
ด้าน UX หรือ User Experience เป็นส่วนที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ เพราะ EMUI 10 ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองการใช้งานได้เร็วขึ้น ตั้งแต่การแตะไอคอนแอพที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว มีพื้นที่รองรับการสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่กว้างขึ้น
นอกจากนี้ที่โหมดกล้องถ่ายภาพยังได้มีการออกแบบ UX ใหม่ให้สวยงาม และใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่ม Font ขนาดใหญ่เข้าไปตอนเปลี่ยนโหมด
เบื้องหลังที่ทำให้ EMUI 10 ตอบสนองการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว มาจากการพยายามลดความหน่วงจากการสัมผัสให้มากที่สุด โดยจะตัดการแสดงภาพเคลื่อนไหวออกไป เมื่อมีการแตะหน้าจอและยกนิ้วขึ้นในช่วงเวลา 100 – 130 มิลลิวินาที
EMUI 10 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Always on Display ที่จะแสดงข้อมูลพื้นฐานอย่างวัน เวลา และการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะที่จอแสดงผลถูกปิดอยู่ โดยสามารถกำหนดเวลาการเปิดใช้งาน Always on Display ได้ตามต้องการ หรือตั้งค่าให้เปิดใช้งานตลอดเวลาก็ได้เช่นกัน โดยเฉดสีที่อยู่บนเวลาก็จะเปลี่ยนไปตามเวลาจริงอีกด้วย ตั้งเช้า บ่าย ตอนเย็น จนถึงตอนกลางคืน
EMUI 10 ช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ลำโพงอัจฉริยะ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เข้ากันได้ เพื่อใช้ฟีเจอร์จากสมาร์ทโฟนบนอุปกรณ์อื่น ตัวอย่างเช่น เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และใช้คีย์บอร์ดพิมพ์ข้อความโต้ตอบได้อย่างถนัด หรือรับชมวีดีโอจากสมาร์ทโฟนบนจอแสดงผลที่ใหญ่กว่า เช่นเดียวกับการฟังเพลงจากสมาร์ทผ่านผ่านลำโพงอัจฉริยะที่เชื่อมต่ออยู่
EMUI 10 สนับสนุนการเชื่อมต่อกับระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ ด้วยฟีเจอร์ HiCar สามารถควบคุมการเล่นเพลง ระบบนำทาง รวมถึงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ไม่เพียงแค่นั้น ยังสามารถใช้สมาร์ทโฟนตรวจสอบสถานะรถยนต์ได้แบบเรียลไทม์ และยังมีฟีเจอร์วิเคราะห์คนขับรถว่ามีอาการเหนื่อยล้าหรือไม่
โดย Huawei จะปล่อย EMUI 10 เวอร์ชั่น Beta แรกให้กับผู้ใช้งาน P30 Series ได้ทดลองใช้งานวันที่ 8 กันยายนนี้เป็นกลุ่มแรก และนี่คือรายชื่อสมาร์ทโฟน ที่รองรับการอัพเดท EMUI 10 ในอนาคต
- Huawei P30 Pro
- Huawei P30
- Huawei Mate 20
- Huawei Mate 20 Pro
- Huawei Mate 20 X
- Huawei Mate 20 Porsche Design
- Honor View20
- Honor Magic 2
บทความโดย – www.flashfly.net