สำหรับใครที่ชอบเรือธง Xiaomi Mi 9 แต่ต้องการประหยัดเงินในกระเป๋า Xiaomi มีทางเลือกมาให้แล้ว นั่นก็คือ Xiaomi Mi 9 SE สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมสโลแกน Pocket size. Big picture. บ่งบอกถึงจุดเด่น 2 อย่าง คือ มีขนาดที่พกพาได้สะดวก และ ถ่ายภาพได้อย่างยอดเยี่ยม แต่นอกเหนือจากนี้จะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง เลื่อนลงมาดูรายละเอียดกันได้เลย
มาเริ่มกันที่ตัวกล่องของ Xiaomi Mi 9 SE ที่ออกแบบได้เรียบหรูเป็นกล่องสีขาว มีโลโก้ Xiaomi สีเงินที่มุมขวาบน ตรงกลางมีเลข 9 กับ SE ที่เป็นชื่อรุ่น ด้านข้างจะระบุชัดเจนตรงแถบสีแดงว่า Global Version
ด้านหลังจะบอกชื่อรุ่นสี แรมและความจุ ซึ่งในรุ่นที่ทีมงาน @flashfly ได้มารีวิวนั้นเป็นสีน้ำเงิน Ocean Blue แรม 6GB ความจุ 128GB พร้อม 4 ฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้นั่นก็คือใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 712 กล้องด้านหลัง 3 ตัว ความละเอียดกล้องหลักที่ 48 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide และเลนส์ Telephoto หน้าจอขนาด 5.97 นิ้ว มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอ และขนาดกะทัดรัดใช้งานได้ด้วยมือข้างเดียวดีไซน์กระจกสวยงาม พร้อมฝาหลังยังลงสีแบบ Holographic Spectrum
เมื่อทำการเปิดกล่องออกมานอกจากจะมีตัวเครื่อง Xiaomi Mi 9 SE แล้ว จะมีเคสใส เอกสารคู่การใช้งานเบื้องต้น การรับประกันตัวเครื่อง เข็มจิ้มถาดใส่ซิม เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับสมาร์ทโฟนในยุคนี้
โดยในรุ่นนี้ช่องหูฟังจะเป็นแบบ Type-C และมีสายแปลงจาก USB-C มาเป็นช่องหูฟัง 3.5 มม. ให้มาด้วย
ที่ด้านล่างสุดยังมีอุปกรณ์สำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยแถมมาให้นั่นก็คือสายชาร์จและที่ชาร์จแบบพกพารองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18 วัตต์ ดูจากอุปกรณ์ที่แถมมาให้ก็ต้องถือว่าคุ้มแบบสุดๆ
Xiaomi Mi 9 SE ได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่างที่มีอยู่ใน Xiaomi Mi 9 แต่มีขนาดกระทัดรัดกว่า ด้วยจอแสดงผล 5.97 นิ้ว ขณะที่ Mi 9 มีขนาด 6.39 นิ้ว ถือว่ามีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าเรือธงหลายรุ่น โดยที่ยังคงพกพาได้สะดวก สามารถใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าได้สบาย ถือเล่นได้ด้วยมือข้างเดียว และถึงแม้จะมีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.97 นิ้ว แต่ด้วยดีไซน์จอแสดงผลแบบ Full Screen ทำให้ Xiaomi Mi 9 SE มีขนาดตัวเครื่องใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีขนาดหน้าจอ 5.1 นิ้ว
Xiaomi Mi 9 SE มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED (2340 x 1080 พิกเซล) ขนาด 5.97 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 90.47% สนับสนุน HDR, NTSC 103.8% ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 รองรับ Night mode สำหรับใช้งานในเวลากลางคืน Sunlight mode 2.0 สู้แสงแดดเมื่อใช้งานกลางแจ้ง Reading mode เหมาะสำหรับอ่านอีบุ๊คหรือบทความเป็นเวลานนาน อีกทั้งยังสามารถปรับอุณหภูมิสี และมีฟีเจอร์ Always-On Display
เหนือจอแสดงผลมีรอยบากแบบหยดน้ำ สำหรับติดตั้งกล้องเซลฟี่
ส่วนใต้จอแสดงผลก็มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ได้รับการพัฒนาใหม่เอาไว้ด้วย สามารถปลดล็อคหน้าจอได้อย่างรวดเร็วอย่างมาก แค่วางนิ้วลงไปเบาๆเท่านั้น
ด้านหลังสวยหรูด้วยดีไซน์กระจก Holographic Spectrum เมื่อมีแสงมาตกกระทบจะเห็นว่าในบางมุมจะมีการสะท้อนแสงเป็นสีรุ้ง (เฉพาะสี Ocean Blue)
และมีไฮไลท์อยู่ที่ระบบกล้อง 3 ตัว วางเรียงเป็นแนวตั้งอยู่ที่มุมบน โดยไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้เห็น เพราะติดตั้งไว้ใต้จอแสดงผล
ปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ถูกวางไว้ที่ด้านข้าง ทางฝั่งเดียวกัน โดยส่วนขอบด้านข้างมีความบางเพียง 7.45 มิลลิเมตร
อีกข้างหนึ่งมีถาดใส่การ์ด รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบนาโน และสนับสนุน VoLTE ทั้ง 2 ซิม
ด้านบนมีเซ็นเซอร์ Infrared สามารถใช้งานเป็นรีโมทคอนโทรลได้ และจุดเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กัน เป็นไมโครโฟนตัวที่สอง
ด้านล่างออกแบบให้สมมาตรด้วยการวางตำแหน่งพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ไว้ตรงกลาง และด้านซ้ายเป็นช่องไมโครโฟน ด้านขวาเป็นช่องลำโพง ดูเรียบหรูมีสไตล์
ขนาดบอดี้ของ Xiaomi Mi 9 SE มีความสูง 147.5 มิลลิเมตร กว้าง 70.5 มิลลิเมตร และ บาง 7.45 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามีขนาดเล็กพอดีมือ เมื่อเทียบกับขนาดจอแสดงผลเกือบ 6 นิ้ว จึงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บ Mi 9 SE ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้ด้วยจุดแข็งในด้านของขนาด
โดยมีน้ำหนักเบา 155 กรัม (รวมแบตเตอรี่) สามารถถือใช้งานด้วยมือเพียงข้างเดียวได้อย่างถนัด โดยมืออีกข้างยังว่างไว้จับเสาระหว่างเล่นบนรถไฟฟ้า หรือถือข้าวของในขณะช้อปปิ้ง และด้วยขนาดจอแสดงผล 5.97 นิ้ว ก็ไม่เล็กจนเกินไป ยังสามารถรับชมคอนเท้นต์ภาพและวีดีโอได้อย่างเต็มตา
Xiaomi Mi 9 SE มาพร้อมระบบกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 กล้องเทเลโฟโต้ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และกล้องมุมกว้างพิเศษ 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพในมุมกว้าง 123 องศา ด้วยโหมด ultra-wide angle
ที่มุมขวาบนจะมีเมนู 3 ขีดเมื่อแตะแล้วจะมีโหมดการถ่ายภาพ 48MP ออกมาให้เลือก รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆไม่ว่าจะเป็นการตั้งเวลาถ่ายภาพ ถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่ม Google lens และที่น่าสนใจสุดคือ Straighten ที่จะทำให้การถือมือถือมุมเอียงแค่ไหน ภาพออกมาตรง
บันทึกวีดีโอแบบ Slow Motion ได้ 960,120 และ 240 เฟรมต่อวินาที ที่ความละเอียด 720p หรือถ่ายวีดีโอทั่วไปได้ถึง 4K ได้ 30 เฟรมต่อวินาที และยังมีโหมด Short video สำหรับแชร์คลิปสั้นๆขึ้นโซเชียลซึ่งใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังอีกด้วย
กล้องหลังของ Xiaomi Mi 9 SE ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจอีกมากมาย อย่างโหมดถ่ายภาพ Portrait เน้นใบหน้าพร้อมละลายฉากหลัง โหมด Full Body Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบเต็มตัว โหมด AI Beautify เพิ่มความงามให้ใบหน้า
โหมด AI Studio Lighting เพิ่มเอฟเฟกต์จัดแสงเหมือนใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพในสตูดิโอมีให้เลือกถึง 7 แบบดังนี้ Natural, Stage, Movie, Rainbow, Blinds, Dots และ Leaves ซึ่งแต่ละแบบนั้นจะเป็นแยกระยะหน้ากับฉากหลังได้อย่างสวยงามแถมยังมีเอ็ฟเฟ็คที่แตกต่างกันอวดเพื่อนได้อย่างสบายๆ แถมยังเลือกระดับความเนียนของใบหน้าได้ 5 ระดับ
หรือจะเลือกปรับความเบลอของฉากให้ละลายได้ตามใจก่อนถ่ายอีกด้วยมีให้เลือกตั้งแต่ F16 ไปถึง F1.0 เลย และเมื่อถ่ายไปแล้วก็ยังสามารถกลับมาแก้ไขภาพได้หมด ไม่ว่าจะเป็น Blur Level การปรับระยะการเบลอของฉากหลัง เลือกสภาพแสงใหม่ของ Studio lighting ได้
และที่เด็ดสุดคือ Light Trails สามารถเปลี่ยนโบเก้ของฉากหลังให้เป็นเอ็ฟเฟ็กดวงไฟเก๋ๆได้อีก 6 แบบ สามารถเซฟเป็นไฟล์วิดีโอได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Panorama และยังมีโหมด Pro สำหรับปรับค่ากล้องอย่างละเอียดก่อนถ่ายภาพได้ด้วย
มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนที่เป็นการรวมภาพถ่ายหลายสภาพแสงเข้ามาเป็นภาพๆเดียวได้ภายในไม่กี่วินาทีให้ใช้งานด้วยทำให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัดทุกสภาวะแสงพกติดตัวไปเที่ยวได้ตามสบายเลย
กล้องหน้าให้ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด AI Beautify ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอสูงสุดที่ 1080P 30fps รองรับโหมด HDR ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้ทุกสภาวะแสง และยังมีโหมด AI Portrait สำหรับเน้นถ่ายใบหน้าให้โดดเด่นกว่าฉากหลังเลือกไฟสตูดิโอได้แบบกล้องด้านหลังคือ Natural, Stage, Movie, Rainbow, Blinds, Dots และ Leaves
เมื่อถ่ายเสร็จแล้วยังสามารถมาปรับระยะความเบลอของฉากหลังได้ตามใจ รวมถึงสามารถเปลี่ยน Studio lighting ได้ใหม่อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายเลนส์มุมกว้าง
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืน
Xiaomi Mi 9 SE มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Android 9.0 ครอบทับด้วย MIUI 10.2 เรียบหรูสวยงาม ใช้งานง่าย
Xiaomi Mi 9 SE ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 712 Octa-core 2.3GHz พร้อมจีพียู Adreno 616 แบบ UFS 2.1 ตอบสนองการเล่นเกมที่ต้องใช้กราฟิกหนักๆ ได้แบบลื่นไหลสุดๆ
ไม่ว่าจะเป็น PUBG Mobile, ROV, Mortal Kombat, Asphalt 9 และอีกหลายเกมที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ โดยมีฟีเจอร์ Game Turbo ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมโดยตรง
ส่วนแบตเตอรี่ให้มา 3070mAh และสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18 วัตต์โดยมีสายชาร์จและอุปกรณ์ชาร์จพกพาแถมมาให้ในกล่องเรียบร้อย
สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน แข่งขันกันที่ขนาดจอแสดงผล จนลืมไปเลยว่าการพกพาก็เป็นสิ่งสำคัญ Xiaomi ไม่ได้ลืมจุดนั้น เพราะถ้าหากคุณต้องการความกระทัดรัดและใช้งานได้คล่องมือ ก็ยังมี Xiaomi Mi 9 SE เป็นอีกตัวเลือก
ด้วยคุณสมบัติที่ถอดแบบมาจากเรือธง ทั้งการออกแบบที่สวยงาม พรีเมี่ยม ประสิทธิภาพของชิปประมวลผล กล้องถ่ายรูปที่วางใจได้ แถมยังมีเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และทั้งหมดถูกรวมไว้ในสมาร์ทโฟนที่มีขนาดกระทัดรัดรุ่นนี้ไว้หมดแล้ว
ราคาและการจัดจำหน่ายXiaomi Mi 9 SE
Xiaomi Mi 9 SE รุ่น RAM 6GB+128GB สี Piano Black และ Ocean Blue จะเริ่มเปิดให้จองอย่างเป็นทางการ (Pre-Order) ผ่านแอปพลิเคชัน Lazada ในวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2562 เวลา 00.00 ในราคาเริ่มต้นเพียง 11,999 บาท พร้อมรับฟรีของแถมสุดพิเศษ Mi Compact Bluetooth Speaker 2 และ Mi Band 3 มูลค่ารวมกว่า 1,489 บาท ของมีจำนวนจำกัด
บทความโดย – www.flashfly.net