Uber เปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งพัฒนามาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว โดยนำเทคโนโลยี Self-Driving ของ Uber มาติดตั้งเข้ากับรถยนต์เอสยูวี XC90 ของ Volvo แต่มีความพิเศษที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะถูกติดตั้งจากในโรงงาน Volvo ไม่ได้เป็นการนำรถที่ผลิตออกมาแล้ว มาปรับแต่งเพิ่มเติมเหมือนรุ่นก่อน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
Uber และ Volvo ร่วมกันสร้างรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นใหม่ ให้มีความซับซ้อนและปลอดภัยมากกว่ารุ่นก่อน ถึงแม้ภายในยังคงติดตั้งพวงมาลัยและแป้นเหยียบมาให้ แต่ผู้ผลิตมุ่งหวังว่าจะเป็นรถยนต์ที่ไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์นั่งควบคุมอยู่หลังพวงมาลัย โดยมีการสำรองข้อมูลของการควบคุมระบบต่างๆ ทั้งการเลี้ยว เบรค และ พลังงานแบตเตอรี่ ถ้าหากระบบใดเกิดขัดข้องหรือล้มเหลว ข้อมูลที่สำรองไว้ก็พร้อมถูกนำมาใช้งานทันที เพื่อให้รถหยุดอย่างปลอดภัย
Uber มีการทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมานานแล้ว แต่ได้หยุดการทดสอบไป 9 เดือน หลังจากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นในเดือนมีนาคม 2018 โดยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Uber เกิดชนเข้ากับ Elaine Herzberg ที่กำลังจูงรถจักรยานข้ามถนน จนเธอเสียชีวิต และจากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติคันดังกล่าว ไม่ได้ชะลอหรือหยุดรถ ส่วนผู้ควบคุมที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ในช่วงที่เกิดเหตุ ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน
ทั้งนี้ มีรายงานว่าระบบ Self-Driving ของ Uber ได้ตัดการทำงานของระบบเบรกอัตโนมัติที่มีอยู่ในรถ Volvo เนื่องจาก Uber ต้องการให้ลดโอกาสในการเกิดพฤติกรรมยานพาหนะที่ผิดปกติ หรือต้องการให้เทคโนโลยีของตัวเองได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยให้มีคนคอยควบคุมอยู่หลังพวงมาลัยแทน อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว Uber ยืนยันว่าจะไม่ปิดระบบเบรกอัตโนมัติของ Volvo อีกแล้ว
ทั้งนี้ Uber จะเริ่มนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นใหม่ มาทดสอบบนถนนสาธารณะในปี 2020 เพื่อแทนที่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นปัจจุบันที่กลับมาทดสอบอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2018
ที่มา – The Verge
https://www.flashfly.net/wp/255395