หลังจากที่ OPPO ได้ส่ง OPPO F11 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นฮีโร่ลุยตลาดปี 2019 ในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้สร้างปรากฎการณ์ยอดขายถล่มทลายในประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้วแล้ว ที่โดดเด่นด้วยสโลว์แกน “ถ่าย Portrait สวยแม้แสงน้อย” กับกล้องเลนส์คู่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC 3.0 รุ่นแรกในตลาด
ล่าสุดวันนี้ก็ได้วางจำหน่าย OPPO F11 สมาร์ทโฟนที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของรุ่นพี่ OPPO F11 Pro ที่ทำตลาดไปก่อนหน้านี้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยยังคงการออกแบบที่สวยงามพรีเมี่ยม และกล้องคู่หลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซลเน้นเรื่องการถ่ายภาพ Portrait สวยแม้ในที่แสงน้อยเช่นเดียวกัน แต่มีราคาที่จับจองได้ง่ายกว่าในราคาไม่ถึงหมื่นบาท แถมยังมีความจุถึง 128GB ซึ่งวันนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้ตัวเครื่องมาทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาตามดูกันได้เลย
มาเริ่มกันที่ตัวกล่องที่มุมซ้ายบนระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นรุ่นแรม 4GB ความจุ 128GB มีโลโก้ OPPO อยู่ฝั่งขวา และถัดลงมาเป็นโลโก้ F11 และภาพตัวเครื่องที่มาพร้อมกับสีม่วง Fluorite Purple สวยงามอย่างมาก
ด้านหลังระบุฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้เอาไว้ ที่ด้านล่างจะบอกชื่อรุ่น สี ,RAM และความจุของตัวเครื่องซึ่งก็คือ 4GB/128GB
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบตัวเครื่อง OPPO F11 ที่ระบุ 4 ฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้เอาวไว้ก็คือกล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ความจุ 4020mAh รองรับชาร์ไวแบบ VOOC 3.0 หน้าจอแบบหยดน้ำหรือ Waterdrop Screen ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว และเทคโนโลยี Hyper Boost ที่จะมารีดประสิทธิภาพในตัวเครื่องให้ทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 31% ไม่ว่าจะเป็นการปิดเปิดแอพพลิเคชั่น การทำงานตัวเครื่อง แน่นอนฟีเจอร์นี้ช่วยให้การเล่นเกมก็ลื่นไหลแบบสุดๆ เฟรมเรทไม่มีตกอีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดนี้สามารถอ่านได้จากรีวิวด้านล่างได้เลย
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องนอกจากตัวเครื่องแล้วก็จะมีอุปกรณ์พื้นฐานให้มาครบไม่ว่าจะเป็น เข็มจิ้มถาดใส่ซิม เคสใส คู่การใช้งานและเอกสารการรับประกันตัวเครื่อง
ที่ด้านล่างสุดก็จะมีที่ชาร์จ VOOC Flash Charge 3.0 รวมถึงสาย Micro USB ที่รองรับเทคโนโลยี VOOC 3.0 สามารถชาร์จได้เร็วกว่าเดิมถึง 20% ซึ่งฟีเเจอร์นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งแฟนๆ OPPO ชื่นชอบอย่างมาก รวมถึงทีมงาน @flashfly ด้วย
และสุดท้ายกับชุดหูฟัง 3.5 มม. ที่หลังๆมานี่หลายแบรนด์จะทำการลดต้นทุนสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีราคาต่ำหมื่นบาทด้วยการไม่แถมชุดหูฟังมาในกล่องแล้ว แต่สำหรับ OPPO F11 ทาง OPPO ยังคงมีมาให้พร้อมในการใช้งาน
OPPO F11 ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม ด้วยดีไซน์ไล่ระดับสีจากสีม่วง Fluorite Purple ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ขณะที่สีเขียว Marble Green ให้ความคลาสสิคด้วยส่วนผสมของสีดำ และด้านหลังใช้ดีไซน์ 3D Back Cover ถูกหลักสรีระศาสตร์ ช่วยให้จับถือได้อย่างถนัด
ด้านหน้าของ OPPO F11 ยังมีส่วนคล้ายกับรุ่น F9 แต่มีขนาดใหญ่กว่า โดยใช้จอแสดงผล TFT-LTPS Full HD+ (2340 x 1080 พิกเซล) ขนาด 6.5 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้มากกว่า 90% มีรอยบากแบบหยดน้ำ สำหรับวางกล้องเซลฟี่ ขณะที่รุ่น OPPO F11 Pro ไม่มีรอยบาก เพราะย้ายกล้องเซลฟี่ไปซ่อนไว้ด้านบน
ด้านหน้ายังถูกเคลือบด้วยฟิล์มชนิดพิเศษ เพื่อทำให้บริเวณกล้องเซลฟี่เป็นสีดำ ทำให้ด้านหน้าดูสมบูรณ์ขึ้น และติดตั้งลำโพงหูฟังไว้เหนือกล้องเซลฟี่
เมื่อด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผล OPPO จึงติดตั้งเซ็นเซอร์ Light และ Proximity ไว้ที่ด้านบน และยังมีไมโครโฟนตัวที่สองอยู่ที่ด้านบนด้วย
ด้านล่างจะพบกับช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, พอร์ต Micro-USB และลำโพง
ดีไซน์ด้านหลังได้รับการเคลือบผิวให้สะท้อนเงาคล้ายกระจก มาพร้อมกล้องคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล วางไว้ในกรอบที่มีขอบสีทอง ถัดลงมาเป็นตำแหน่งของแฟลช และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ส่วนโลโก้ OPPO ก็ถูกวางเป็นแนวตั้งพร้อมกับคำว่า Designed by OPPO สีทองสวยงามเข้ากับขอบสีทองของกล้องและเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.3 มิลลิเมตร มาพร้อมปุ่มเพาเวอร์ ที่ฝั่งซ้ายของจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียงติดตั้งไว้อีกข้างหนึ่ง
เหนือปุ่มปรับระดับเสียง จะเห็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบไฮบริด รองรับ 2 ซิมการ์ดขนาดนาโน ซึ่งหมายถึง ถ้าต้องการใส่การ์ด MicroSD จะสามารถใส่ซิมการ์ดได้เพียงช่องเดียว
ไฮไลท์ของ OPPO F11 อยู่ที่กล้องคู่หลัง เพราะใช้สเปกเดียวกับรุ่นพี่ F11 Pro มาพร้อมกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.79 กล้องรอง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 และยังนำ AI มาช่วยประมวลผลภาพ ให้ได้ภาพถ่ายที่สวยงาม เหมือนเป็นช่างภาพมืออาชีพ
กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เกิดจากการใช้เทคโนโลยีรวม 4 พิกเซลเป็น 1 โดยใช้เซ็นเซอร์ 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงเท่ากัน ช่วยให้ภาพถ่ายมีจุดรบกวนน้อยที่สุด ส่วนกล้องรอง ช่วยถ่ายภาพแบบโบเก้ หรือละลายฉากหลังอย่างแนบเนียน
สำหรับโหมดถ่ายภาพของกล้องหลังนั้นก็มีให้ใช้งานจุใจได้แก่ Video รองรับที่ความละเอียดสูงสุด 1080p ,Photo และโหมดยอดฮิต Portrait เมื่อกดที่เมนู 3 ขีดทางซ้ายก็จะมีโหมดกล้องให้เลือกอีกคือ Night,Pano,Expert ,Time-Lapse,Slo-Mo และ Google Lens
เช่นเดียวกับ F11 Pro ในรุ่นน้อง F11 ก็รองรับ Ultra Night Mode เช่นเดียวกัน โดยใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมของ AI มาประมวลผลภาพถ่ายในแต่ละฉาก เพื่อปรับปรุงไดนามิค ลดจุดรบกวน พร้อมแยกบุคคลออกจากฉากหลัง เพื่อให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยมีความสมบูรณ์มากที่สุด และยังทำให้ภาพถ่ายในโหมด Portrait ยามค่ำคืนออกมาสวยงามยิ่งขึ้น
ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้สวยงามแล้ว ในตอนกลางวันก็ยังให้ภาพถ่ายออกมาโดดเด่นด้วย Dazzle Color Mode ที่จะช่วยเพิ่มสีสันให้กับภาพถ่ายมีชีวิตชีวามากขึ้น และทำให้นางแบบหรือนายแบบโดดเด่นขึ้นมาจากฉากหลัง
Portrait Mode หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น และถ่ายได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI Scene Recognition ที่สามารถจดจำฉากหรือวัตถุที่กำลังจะถ่ายได้มากถึง 23 แบบ
ได้แก่ ภาพกลางคืน, พระอาทิตย์ขึ้น/พระอาทิตย์ตก, หิมะตก, อาหาร, ท้องฟ้า, ภาพในอาคาร, หญ้า, ข้อความ/เอกสาร, ภูมิทัศน์, ชายหาด, ดอกไม้ไฟ, ทารก, สุนัข, แมว, สปอตไลท์, ภาพบุคคล, ภาพบุคคลแบบกลุ่ม, ภาพมาโคร, แบล็คไลท์, ภาพถ่ายกับพื้นหลังสีเฉดเดียว (สีเหลือง/สีเขียว/สีน้าเงิน), Moire (ภาพหน้าจอ), ดอกไม้ และ ใบไม้
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 มาพร้อม AI ที่สามารถเรียนรู้รูปแบบการถ่ายภาพของผู้ใช้งาน เพื่อปรับการตั้งค่าให้อัตโนมัติในการถ่ายครั้งต่อๆ ไป
ส่วนการถ่ายภาพเซลฟี่ ก็ยังคงไว้ใจได้เหมือนเดิม ด้วยฟีเจอร์ Beautification 2.1 สามารถจดจำใบหน้าของผู้ใช้งานได้มากขึ้น โดยเฉพาะจุดบริเวณหน้าฝาก สามารถจดจำได้จาก 31 เป็น 137 จุด และยังสามารถระบุผิวตามเพศ และ วัยได้อีกด้วย ทำให้การเซลฟี่แบบกลุ่มออกมาดูดีกันทุกคน
OPPO F11 ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio P70 รุ่นเดียวกับ OPPO F11 Pro จึงตอบสนองการประมวลผลทั้งซีพียูและจีพียูได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังรองรับ Hyper Boost สำหรับรีดประสิทธิภาพของการประมวลผลระหว่างเล่นเกม และปรับปรุงการทำงานของระบบต่างๆ รวมไปถึงการเปิดแอพพลิเคชั่น ก็ตอบสนองได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 31% ทำให้เล่นเกมกราฟิกหนักๆ หรือเล่นออนไลน์กับเพื่อนได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกออกมาให้เห็น เล่นแล้วหัวไม่ร้อนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Game Space ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ รวมถึงตั้งค่าเพื่อป้องกันการรบกวนระหว่างเล่นเกม และยังสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเล่นเกมไว้ในส่วนนี้ได้ด้วย
เล่นเกมได้สนุกและยาวนานขึ้น กับระบบระบายความร้อนด้วยเจล ที่ถูกติดตั้งไว้ใกล้กับชิปประมวลผล สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 4 – 5 องศา ช่วยให้สมาร์ทโฟนไม่ร้อนเกินไปในระหว่างเล่นเกม ส่วนความจำนั้น OPPO F11 มากับ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 128GB และรองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 256GB
OPPO F11 ทำงานบนบนพื้นฐาน Android 9.0 Pie สวมทับด้วย ColorOS 6 ที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้ดีไซน์แบบ Full Screen ไร้กรอบและมีส่วนมุมที่โค้งมน มาพร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะ นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานในรูปแบบการ์ดบนหน้าจอหลัก และยังมีบริการ Cloud Service บริการสำรองข้อมูลต่างๆ ไว้บนคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ, วีดีโอ, รายชื่อ และ ข้อความ SMS
OPPO F11 ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4020mAh สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 ชาร์จเร็วกว่าเวอร์ชั่นก่อนถึง 20% (แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้ในกล่อง)
แถมยังปลอดภัยถึง 5 ขั้นตอนเครื่องไม่ร้อน สามารถเล่นเกมหรือดูหนังเรื่องโปรดไปพร้อมๆกับขณะที่ชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างต่อเนื่อง
และนำ AI มาช่วยจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ เพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากที่สุดสำหรับการชาร์จหนึ่งรอบ โดย AI จะช่วยตรวจจับแอพพลิเคชั่นที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อแจ้งเตือนให้ปิดแอพดังกล่าว AI ยังสามารถทำนายช่วงเวลานอนหลับของผู้ใช้งานได้ด้วย เพื่อลดการทำงานของสมาร์ทโฟนในช่วงเวลานั้น
มาถึงตรงนี้หลังจากทดสอบใช้งาน OPPO F11 มาประมาณหนึ่งสัปดาห์ต้องบอกเลยว่ามีประสิทธิภาพนั้นใกล้เคียงกับรุ่นพี่ OPPO F11 Pro ไม่ว่าจะเป็นระบบกล้อง หรือ ชิปประมวลผล สรุปแล้ว OPPO F11 ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับใครก็ตาม ที่ต้องการความสามารถของ OPPO F11 Pro แต่จ่ายเงินน้อยกว่าแถมยังมาพร้อมความจุถึง 128GB โดย OPPO F11 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ สนนราคา 8,990 บาทเท่านั้น
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องด้านหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดกลางคืน
บทความโดย – www.flashfly.net