หลังจาก realme 3 Pro ได้รับการเปิดตัวในประเทศอินเดีย เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา และสามารถขายได้มากกว่า 170,000 เครื่อง ในเวลาเพียง 8 นาที วันนี้ realme 3 Pro พร้อมแล้วที่จะทำตลาดในประเทศไทย โดยมีนักแสดงแถวหน้า ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ มารับหน้าที่เป็น Brand Ambassador คนแรกในประเทศไทย ซึ่งวันนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้ตัวเครื่อง realme 3 Pro มาทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาดูกันเลยว่ามีอะไรที่หน้าสนใจบ้าง
ก่อนที่เราจะพาไปชมดีไซน์ในภาพรวม มาดูกันก่อนว่าภายในกล่อง Realme 3 Pro จะมีอะไรมาให้บ้าง
เริ่มจากตัวกล่องที่มาในธีมสีเทาตัดกับสีเหลืองแบบเดียวกับในรุ่น realme C1 2019 และ realme 3 ซึ่งเป็นธีมสีใหม่ของแบรนด์ realme ที่ด้านบนมีเลข 3 ตามชื่อรุ่น ต่อท้ายด้วย Pro
เปิดฝาออกมาก็จะพบกับซองใส่เอกสารต่างๆ อย่างบัตรรับประกัน และคู่มือ Quick Guide รวมถึงเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
ในกล่องยังคงมีเคสใสมาให้พร้อมใช้งานเช่นเคย
ถัดมาก็จะเป็นตัวเครื่องที่โดนเรื่องการดีไซน์ที่ด้านหลังที่มีการไล่เฉดสี มีการใส่เส้นและเอฟเฟกต์แสงรูปตัว S ที่สวยงามราวกับสนามรถแข่ง
ที่เด็ดสุดคือในกล่องยังแถม Power Adapter ที่ชาร์จไวแบบ VOOC 3.0 ให้มาด้วยเลย รวมถึงสายเคเบิล Micro USB ที่รองรับ VOOC เสียดายที่ไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ด้วย
realme 3 Pro มาพร้อมสโลแกน “Speed Awakens” หรือ “ปลุกความเร็วเหนือระดับ” ดังนั้น ทุกรายละเอียดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะแฝงไปด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “ความเร็ว” ตั้งแต่การออกแบบภายนอก ไปจนถึงประสิทธิภาพภายใน
realme 3 Pro ใช้จอแสดงผล 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.3 นิ้ว ขอบจอบางเฉียบทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้สูงถึง 90.80% ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Glass 5
ขอบบนมีรอยบากแบบหยดน้ำ สำหรับซ่อนกล้องเซลฟี่ และเหนือขึ้นไปจะเห็นตำแกรงลำโพงหูฟัง
ด้านหลังใช้ดีไซน์แบบ 3D Speedway ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสนามรถแข่ง Le Mans และนำโค้งตัว S มาอยู่บนพื้นผิวของด้านหลังอย่างสวยงาม พร้อมด้วยดีไซน์ไล่ระดับสีที่พริ้วไหวไปตามแสงที่ตกลงมากระทบ นอกจากนี้ ยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ด้านหลังด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ realme 3 Pro อยู่ที่กล้องคู่หลัง กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX519 รูรับแสง F1.7 ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน กล้องรอง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ช่วยสร้างเอฟเฟ็กต์ Bokeh จับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วด้วย Dual Pixel รองรับ AI Scene Recognition ช่วยปรับค่ากล้องตามวัตถุหรือฉากที่กล้องจดจำได้ และเก็บภาพในเวลากลางคืนได้อย่างโดดเด่น โดยใช้โหมด Nightscape
กล้องหลังของ realme 3 Pro ยังมีโหมดถ่ายภาพ Ultra HD ให้ภาพถ่ายในความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล และสามารถถ่ายวีดีโอแบบ Super Slo-mo ที่ระดับ 960 เฟรมต่อวินาที ในความละเอียด HD 720p หรือ 120 เฟรมต่อวินาที สำหรับความละเอียด Full HD 1080p
ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 ขนาดพิกเซล 1.8 ไมครอน รองรับโหมดถ่ายภาพ AI Beautification, Smart Groupfie, HDR และยังสนับสนุนฟีเจอร์ AI Facial Unlock ช่วยปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า แทนการใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านหลัง
แบตเตอรี่ของ realme 3 Pro มีความจุถึง 4045mAh ฟังเพลงนานสูงสุด 126 ชั่วโมง ดูวีดีโอใน YouTube นานสูงสุด 9.5 ชั่วโมง ท่องเว็บนานสูงสุด 18.3 ชั่วโมง เล่นเกม PUBG Mobile นานสูงสุด 7 ชั่วโมง และยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
realme 3 Pro ประมวลผลด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 710 AI Engine มาพร้อมจีพียู Adreno 616 เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเล่นเกมด้วย Gameboost 2.0 ส่วนความจำมีให้เลือก 2 รุ่น คือ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 64GB และ RAM 6GB จับคู่กับ ROM 128GB
realme 3 Pro ทำงานบนพื้นฐาน Android 9 Pie สวมทับด้วย ColorOS 6.0 และรองรับการอัพเดทเวอร์ชั่นเป็น Android Q อย่างแน่นอน เพราะ realme 3 Pro เป็นสมาร์ทโฟน 1 ใน 21 รุ่น ที่สามารถอัพเดทมาใช้ Android Q Beta ซึ่งทาง Google ปล่อยออกมาให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทดลองใช้งานก่อนใคร (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://bit.ly/306Hx9j)
สำหรับใครที่สนใจสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อยู่ ก็ติดตามรีวิวฉบับเต็มได้ไม่นานเกินรอ ขอบอกเลยว่าคุ้มค่าเกินราคาอย่างมาก นอกจากจะมีสเปกที่มีประสิทธิภาพสูงแล้ว ยังสามารถเล่นเกมดังๆไม่ว่าจะเป็น PUBG ที่รองรับกราฟฟิกระดับสูงสุด หรืออย่างเกมยอดฮิต ROV ก็เล่นได้อย่างลื่นไหลถึง 62 FPS เลยทีเดียว กล้องด้านหลังก็สามารถถ่ายที่แสงน้อยได้สวยงาม ไม่แพ้รุ่นแฟลกชิปราคาแพงๆในตอนนี้ แถมยังชาร์จไวด้วย VOOC 3.0 เชื่อว่าขายดีไม่แพ้ที่เป็นกระแสอย่างในต่างประเทศอย่างแน่นอน