ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ราคาสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ปี 2017 นับตั้งแต่ Apple เปิดตัว iPhone X ที่มีราคาถึงหลัก 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และในปีนี้ Samsung กับ Huawei ได้ทำลายเพดานด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนพับได้ Galaxy Fold และ Mate X ซึ่งมีราคาทะลุ 1,500 ดอลล่าร์สหรัฐ
ราคาสมาร์ทโฟนระดับเรือธงได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับหลายปีก่อน แต่ก็มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Face ID, จอแสดงผล OLED, จำนวนเลนส์กล้องที่มีมากขึ้น รวมไปถึงหน่วยความจำ และชิปประมวลผล จนทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทั่วไป
ที่น่าสนใจก็คือ ตลาดสมาร์ทโฟนโดยรวมกำลังอยู่ในช่วงอิ่มตัว โดยมียอดจัดส่งลดลงจากปีก่อน แต่เมื่อมองเฉพาะสมาร์ทโฟนที่มีราคาสูงกว่า 400 ดอลล่าร์สหรัฐขึ้นไป กลับมียอดขายเติบโตขึ้น และนี่เองที่เป็นสาเหตุว่าทำไมผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจึงแข่งขันกันในด้านนวัตกรรมและพยายามผลักดันสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมให้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยทำกำไรได้มากกว่าสมาร์ทโฟนระดับกลางหรือระดับล่าง
ไม่เพียงแค่ราคาสมาร์ทโฟนที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่ค่าบริการซ่อมแซมสมาร์ทโฟนก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเว็บไซต์ Phonearena ได้รวบรวมค่าบริการซ่อมแซมสมาร์ทโฟนระดับเรือธงจากหลายค่ายออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ถ้าหากเกิดอุบัตเหตุกับ Galaxy S10 series จนต้องเปลี่ยนจอแสดงผล จะต้องจ่ายเงินมากกว่า 200 ดอลล่าร์สหรัฐเป็นอย่างน้อย และถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแผงหลังของ iPhone XS Max จะต้องจ่ายค่าซ่อมแซมเพื่อเปลี่ยนแผงหลังถึง 599 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งสามารถซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ได้เลย
ที่มา – Phonearena
https://www.flashfly.net/wp/247871