AIS ประกาศผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิ 16,042 ล้านบาท และรายได้รวมเติบโตขึ้น 6.7% จากปีก่อน เป็นผลมาจากทั้งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre รวมทั้ง AIS ยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ และประกาศจ่ายเงินปันผล 3.78 บาทต่อหุ้น โดยจะจ่ายในวันที่ 29 สิงหาคม 2561
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “สำหรับภาพรวมในครึ่งแรกของปี 2561 AIS มีรายได้รวมเติบโตขึ้น 6.7% จากปีก่อน ขณะที่รายได้หลักจากการให้บริการเพิ่มขึ้น4.9% จากปีก่อน เป็นผลมาจากทั้งบริการอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือและธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre โดยปัจจุบัน AIS มีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ 4G คิดเป็นสัดส่วน 54% ของฐานลูกค้าทั้งหมด 40.1 ล้านเลขหมาย ขณะที่การใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นเป็น 8.9 กิกะไบต์ต่อเดือน จาก 4.7 กิกะไบต์ต่อเดือน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น623,400 และมีรายได้เพิ่มขึ้น 64% จากปีก่อน โดยเน้นการส่งเสริมแพ็กเก็จที่ครอบคลุมการใช้งานของลูกค้า ซึ่งผสมผสานบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เน็ตบ้าน และคอนเทนต์เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ AIS ยังได้รวบรวมทั้งพรีเมียมคอนเทนต์ คอนเสิร์ต และฟรีทีวีกว่า100 ช่อง เพื่อส่งมอบความบันเทิงและข่าวสารความเคลื่อนไหวในประเทศและต่างประเทศ ผ่านทางแอปพลิเคชัน AIS PLAY และAIS PLAYBOX ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ จากการควบคุมต้นทุนและรายได้ที่เติบโตขึ้น ส่งผลให้ในครึ่งแรกของปี 2561 AIS มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16,042 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.6% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 8,005 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในครึ่งแรกของปี 2561 มีการแข่งขันทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง AIS จึงพิจารณาปรับคาดการณ์การเติบโตรายได้ของทั้งปี 2561 เป็น 5-7% โดยคงตั้งเป้าอัตรากำไร EBITDA ที่ 45-47% และเอไอเอสยังคงแผนการลงทุนเช่นเดิม โดยคาดว่างบลงทุนสำหรับปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท
AIS ยังคงเดินหน้าต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งดิจิทัลแพลตฟอร์มและเครือข่าย NB-IoT ที่ครอบคลุมแล้ว 77 จังหวัด รวมถึงเครือข่าย eMTC ที่จะยกระดับบริการ IoT ไปอีกขั้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าองค์กร และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเมื่อผสมผสานเข้ากับขีดความสามารถของซีเอส ล็อกอินโฟร์ ที่เชี่ยวชาญการให้บริการลูกค้าองค์กร ที่ขยายศักยภาพของ AIS ให้สามารถสร้างสรรค์รูปแบบโซลูชั่นที่หลากหลายได้อย่างต่อเนื่อง
“ขณะเดียวกัน AIS ได้ร่วมกับภาครัฐและเอกชนชั้นนำหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซัมซุง และโมไบค์ โดยนำเทคโนโลยี IoT มาเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบและครบวงจรแล้ว โดยตอบโจทย์แต่ละอุตสาหกรรมทั้งในระดับผู้บริโภคหรือในระดับองค์กร ส่งผลให้สามารถบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบ Smart Tracking และ Face Recognition เข้ามาช่วยเสริมด้านความปลอดภัย ระบบ Smart Bike และ ระบบ Smart Lightning ช่วยส่งเสริมด้านการประหยัดพลังงาน นำไปสู่การยกระดับเมืองสู่ Smart City เป็นต้น อันเป็นการช่วยเสริมขีดความสามารถของประเทศอย่างยั่งยืน สอดรับนโนบาย Thailand 4.0” นายสมชัย กล่าวสรุป