หลังจากที่ Apple ได้วางจำหน่าย iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้วและ 12.9 นิ้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีมงาน @flashfly ก็ได้เครื่อง iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้วใหม่ล่าสุดมาเป็นที่เรียบร้อย จึงรีบนำมาทดสอบพร้อมพรีวิวการใช้งานมาฝากกันมาดูกันว่า iPad Pro รุ่นใหม่นี้จะแตกต่างจากรุ่นเดิมและมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

อย่างแรกเลยนี่เป็นครั้งแรกกับ iPad หน้าจอขนาด 10.5 นิ้วที่ออกมาต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นยอดนิยมขนาด 9.7 นิ้ว แต่สำหรับใน iPad Pro ขนาด 10.5 นิ้วรุ่นนี้ได้มีการลดขนาดขอบลงเกือบ 40% เพื่อที่จะขยายหน้าจอเพิ่มขึ้นให้ได้ใช้งานกันแบบเต็มตามากยิ่งขึ้น

โดยยังคงความบางและน้ำหนักให้พอๆกับรุ่นเดิมที่ไม่เกิน 500 กรัม ถือได้ว่า iPad Pro ขนาด 10.5 นิ้วมีขนาดที่กะทัดรัดบางเบา พกพาสะดวกไม่ต่างจากรุ่น 9.7 นิ้วเลย

และด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นยังมาพร้อมหน้าจอ Retina ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่มีชื่อว่า ProMotion ที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz (จากปกติ 60Hz)ทำให้หน้าจอลื่นไหลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน การดูภาพเคลื่อนไหลก็เนียนตามากขึ้น

และเมื่อใช้งานกับ Apple Pencil จะทำให้การวาดลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นแบบไม่มีหน่วงอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานกับตัวเครื่องด้วยการปรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอเพื่อให้ตรงกับการเคลื่อนไหวของคอนเทนต์นั้นๆ โดยอัตโนมัติ โดย iPad Pro 10.5 นิ้วใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว

หน้าจอให้สีสันสดใสกว่าเดิมถึง 25% โดยเฉพาะให้สีสันบนหน้าจอได้ในระดับมาตรฐานภาพยนตร์ดิจิตอลเลยทีเดียว แถมยังมีสว่างถึง 600 Nit ถือได้ว่าเป็น iPad ที่มีหน้าจอสว่างที่สุดของ Apple และยังเป็นหน้าจอที่ป้องกันแสงสะท้อนที่ดีกว่าเดิมทำให้มองเห็นได้ง่ายขึ้นทั้งในร่มและกลางแจ้ง

เท่านั้นยังไม่พอด้วยเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ True Tone จะปรับแสงของหน้าจอให้เป็นธรรมชาติเหมาะสมกับสภาวะแสงรอบตัวขณะใช้งาน ซึ่งจะช่วยลดการเมื่อยล้า ทางสายตาได้เป็นอย่างดี

ทางด้านสเปค iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้วนั้นเรียกได้แรงระดับ MacBook Pro เลยทีเดียวด้วยชีพ A10X Fusion แบบ 64 บิตประสิทธิภาพ CPU ที่เร็วขึ้น 30% และประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่รวดเร็วขึ้น 40% ทำงานได้รวดเร็วกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบ Windows ที่ใช้ CPU ระดับ i7 ถึง 10เท่าทำให้ใช้งานสายกราฟิกได้อย่างสบาย

ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งรูปภาพ ตัดต่อวิดีโอ 4K หรือการเรนเดอร์ภาพ 3 มิติ ก็ทำได้อย่างรวดเร็วมากๆ แน่นอนเรื่องการเล่นเกมกราฟฟิกหนักๆ คอเกมแนวฮาร์ดคอต้องชอบมากแน่ๆถือได้ว่า iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว เป็นอุปกรณ์ iOS ที่สเปคแรงที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้

เรื่องกล้องดิจิตอลของ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้วก็มาพร้อมกับเทคโนโลยีเดียวกับกล้องของ iPhone 7 รุ่นยอดนิยมนั่นก็คือมีกล้อง
ดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS

ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่กล้องบน iPad มีเทคโนโลยีนี้ ส่วนกล้องหน้า FaceTime HD ความละเอียด 7 ล้านพิกเซลคมชัดแบบเดียวกับ iPhone 7 เลย

ในส่วนอื่นๆนั้น iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้วมาพร้อม Touch ID รุ่นที่ 2 ทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิม ยังคงมาพร้อมระบบเสียง 4 ลำโพงคุณภาพสูงปรับเสียงได้ตามการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน รองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac และ LTE Advanced ในรุ่น Wi-Fi+Cellular

และนี่คือข้อมูลที่น่าสนใจของ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้วที่เมื่อลองใช้งานและสัมผัสตัวจริงแล้วต้องบอกว่า หน้าจอลื่นไหลแบบที่ไม่เคยเห็นหรือสัมผัสที่ไหนมาก่อนจริงๆ ซึ่งในตอนนี้ยังใช้งานบน iOS 10 และจะสุดยอดยิ่งขึ้นเมื่อใช้งานบน iOS 11 ที่ Apple จะปล่อยอัพเดทในช่วงปลายปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นแอพ Files ใหม่, Dock ที่ปรับแต่งได้ การทำงานแบบมัลติทาสก์ที่ปรับปรุงใหม่ ที่จะทำให้ลืมการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ PC กันไปเลยทีเดียวซึ่งทีมงาน @flashfly ก็จะนำมารีวิวให้ชมกันในไม่ช้านี้
โดย iPad Pro ใหม่ทั้ง 10.5 นิ้วและ 12.9 นั้นจะวางจำหน่ายเฉพาะรุ่น Wi-Fi อย่างเดียวก่อนเท่านั้น ใครที่รอรุ่นใส่ซิม Wi-Fi+Cellular ก็อดใจรออีกนิดเพราะจะวางจำหน่ายตามมาในเร็วๆนี้ iPad Pro ขนาด 10.5 นิ้วจะมีให้เลือก 4 สีคือสีเงิน สีทอง สีเทาสเปซเกรย์ และสีโรสโกลด์ ส่วน iPad Pro ขนาด 12.9 นิ้วจะไม่ม่ีสีโรสโกลด์ให้เลือก ส่วนความจุก็จะมี 64GB,256GB และ 512GB เลยทีเดียว
ราคาของ iPad Pro 10.5 นิ้วและ 12.9 นิ้วรุ่น Wi-Fi มีดังต่อไปนี้
- iPad Pro ขนาด 10.5 นิ้วรุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 24,500 บาท
- iPad Pro ขนาด 10.5 นิ้วรุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 27,900 บาท
- iPad Pro ขนาด 10.5 นิ้วรุ่น Wi-Fi ความจุ 512GB ราคา 34,700 บาท
- iPad Pro ขนาด 12.9 นิ้วรุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 30,900 บาท
- iPad Pro ขนาด 12.9 นิ้วรุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 34,300 บาท
- iPad Pro ขนาด 12.9 นิ้วรุ่น Wi-Fi ความจุ 512GB ราคา 41,100 บาท

ทางด้านอุกรณ์เสริมก็มีวางจำหน่ายแล้วเช่นเดียวกันทั้ง Smart Keybord ภาษาไทยราคา 5,900 บาท Apple Pencil ราคา 3,900 บาทใครที่มีอยู่แล้วสามารถนำมาใช้ด้วยกันได้ Smart Cover ราคา 2,100 บาท นอกจากนี้ยังมีซองหนังสำหรับใส่ iPad Pro กับ Apple Pencil ราคา 5,700 บาทเพื่อความสะดวกในการพกพาอีกด้วย ซองใส่เฉพาะ Apple Pencil ก็มีจำหน่ายด้วยเช่นเดียวกันราคา 1,200 บาท
บทความโดย – www.flashfly.net