ZTE Corporation ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในรายชื่อผู้ขอจดสิทธิบัตรประจำปีล่าสุดขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของบริษัทที่มีให้กับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียุคใหม่ ทั้งเทคโนโลยี 5G เครือข่ายเสมือน ระบบคลาวด์ และ Internet of Things
ZTE ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (PCT) ทั้งสิ้น 4,123 รายการในปี 2559 ซึ่งมากกว่าบริษัทอื่นๆ โดย ZTE ได้ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ที่หนึ่ง หลังจากครองอันดับ 3 ในปีก่อนหน้านี้ และติดสามอันดับแรกในรายชื่อของ WIPO มาตั้งแต่ปี 2553
Huawei Technologies ซึ่งมียอดขอจดสิทธิบัตร 3,692 รายการในปี 2559 นั้น อยู่ในอันดับ 2 ในรายชื่อของ WIPO ตามมาด้วย Qualcomm Inc. ที่ 2,466 รายการ ขณะที่ Mitsubishi Electric มียอดขอจดสิทธิบัตร 2,053 รายการ และ LG Electronics มี 1,888 รายการ
“การที่ ZTE ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในรายชื่อผู้ขอจดสิทธิบัตรประจำปีล่าสุดของ WIPO นั้น สะท้อนให้เห็นแรงขับเคลื่อนของเราในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมไอซีทีเพื่อพัฒนาเทคโนโลยียุคใหม่” เสิ่น หนาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญาของ ZTE กล่าว “ในฐานะที่เป็นผู้นำโลกด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ZTE จึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา”
ZTE จัดสรรเงินรายได้ปีละ 10% ให้กับการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา โดยบริษัทมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 20 แห่งในเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป และมีนักวิจัยกว่า 30,000 คนที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยียุคใหม่ ทั้ง 5G, IoT, NFV, SDN, คลาวด์คอมพิวติ้ง, บิ๊กดาต้า และสมาร์ทซิตี้
ด้วยยอดขอจดสิทธิบัตรด้าน 5G มากกว่า 1,500 รายการ ZTE จึงเป็นเวนเดอร์รายแรกของโลกที่ได้พิสูจน์เทคโนโลยีหลักๆ ในโครงข่าย 5G Millimetre Wave และความถี่ sub-6GHz ในปี 2559 นอกจากนี้ ZTE ยังประสบความสำเร็จในการคิดค้นเทคโนโลยี 5G แบบ single-point รวมถึงการทดสอบต้นแบบ และได้เข้าสู่ช่วงการพิสูจน์และ R&D แล้ว
ฟรานซิส เกอร์รี ผู้อำนวยการองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก กล่าวว่า “การยื่นขอจดสิทธิบัตรของบริษัทจีนนั้น เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของการจดสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าทั่วโลก ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนาธุรกิจให้มีความเป็นสากล ในขณะที่รัฐบาลจีนมุ่งเน้นการคิดค้นนวัตกรรมโดยเปลี่ยนจาก ‘Made in China’ (ผลิตในจีน) ไปเป็น ‘Created in China’ (สร้างสรรค์ในจีน)”
โซลูชั่น Pre5G ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ ZTE นั้น ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่าย สามารถเร่งกระบวนการใช้เทคโนโลยี 5G บนโครงสร้างพื้นฐาน 4G LTE ที่มีอยู่เดิม โดยปัจจุบัน ผู้ให้บริการรายใหญ่ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวไปติดตั้งใช้งานในกว่า 40 เครือข่ายใน 30 ประเทศ ซึ่งรวมถึง SoftBank, China Mobile และ Telefonica