Apple เปิดตัว iPhone® 7 และ iPhone 7 Plus ซึ่งเป็น iPhone ที่ดีที่สุดและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา อัดแน่นด้วยนวัตกรรมที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งช่วยยกระดับการใช้งาน iPhone ในทุกๆ ด้านและทุกๆ วัน iPhone ใหม่มาพร้อมระบบกล้องอันล้ำสมัยที่สามารถถ่ายภาพอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ทรงพลังและทรงประสิทธิภาพกว่าเดิมพร้อมด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ตลอดจนลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียงเต็มอิ่มสมจริง ระบบสีขอบเขตกว้างตั้งแต่กล้องจนถึงจอภาพ สองสีใหม่อันสวยงาม และยังเป็น iPhone รุ่นแรกที่กันน้ำและฝุ่นได้อีกด้วย iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะวางจำหน่ายในกว่า 25 ประเทศ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน เป็นต้นไป
“iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน iPhone ในทุกๆ ด้านให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม นับว่าเป็นการก้าวสู่อีกขั้นของคำว่านวัตกรรมและความแม่นยำเพื่อสร้างสรรค์ iPhone ที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยมีมาเลยทีเดียว” Philip Schiller ซึ่งเป็นรองประธานอาวุโสแผนก Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว “กล้องที่ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ในทุกรายละเอียดสามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างสวยงามน่าทึ่งทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ส่วนชิพ A10 Fusion ก็เป็นชิพที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนโดยที่แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมาใน iPhone เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบลำโพงสเตอริโอแบบใหม่หมดที่ให้กำลังเสียงมากกว่าเดิม 2 เท่า และทั้งหมดนี้อยู่ใน iPhone รุ่นแรกที่สามารถทนน้ำและฝุ่นได้”
ระบบกล้องใหม่สุดล้ำ
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นำกล้องที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกมายกระดับให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยระบบกล้องที่ออกแบบขึ้นใหม่หมด โดยกล้องความละเอียด 12 เมกะพิกเซลมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลทั้งบน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รวมถึงรูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ที่ใหญ่ขึ้นและชิ้นเลนส์หกชิ้นที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้สว่างขึ้นและครบถ้วนทุกรายละเอียดยิ่งขึ้น ในขณะที่การบันทึกภาพด้วยขอบเขตสีกว้างช่วยเพิ่มความสดใสให้กับสีสันและถ่ายทอดรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น iPhone 7 Plus มาพร้อมกล้องมุมกว้างความละเอียด 12 เมกะพิกเซลเหมือนกับ iPhone 7 เสริมด้วยกล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 12 เมกะพิกเซลที่จะทำงานร่วมกันเป็นหนึ่ง ช่วยให้สามารถซูมออปติคอลได้ 2 เท่า และซูมดิจิตอลได้ถึง 10 เท่า
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในปีนี้กล้องคู่ความละเอียด 12 เมกะพิกเซลจะสามารถถ่ายภาพด้วยเอฟเฟ็กต์ระยะชัดลึกแบบใหม่โดยใช้กล้องทั้งสองตัวของ iPhone 7 Plus เพื่อเก็บบันทึกภาพ ในขณะที่เทคโนโลยีอันล้ำสมัย เช่น Machine Learning จะแยกฉากหลังออกจากฉากหน้าเพื่อให้สามารถถ่ายภาพบุคคลออกมาได้อย่างสวยงาม จากแต่เดิมที่ต้องถ่ายด้วยกล้อง DSLR เท่านั้น
คุณสมบัติอื่นๆ ของกล้องที่ได้รับการปรับปรุงมีดังนี้
• โปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพใหม่ที่ออกแบบโดย Apple จะประมวลผลการทำงานกว่า 1 แสนล้านขั้นตอนสำหรับภาพเดียวในเวลาเพียง 25 มิลลิวินาที ทำให้ถ่ายภาพและวิดีโอออกมาได้อย่างสวยงาม
• กล้อง FaceTime® HD ความละเอียด 7 เมกะพิกเซลใหม่ มาพร้อมการบันทึกภาพด้วยขอบเขตสีกว้าง เทคโนโลยีพิกเซลอันล้ำสมัย และระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้สวยยิ่งขึ้น และ
• แฟลช True Tone® แบบ LED สี่ดวงใหม่มีความสว่างกว่า iPhone 6s ถึง 50% พร้อมด้วยเซ็นเซอร์สุดล้ำที่จะตรวจจับและชดเชยการกะพริบของแสงไฟขณะถ่ายภาพและวิดีโอ
ประสิทธิภาพการทำงานและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดียิ่งขึ้น
ชิพ A10 Fusion ใหม่ที่ Apple ออกแบบมาโดยเฉพาะใช้สถาปัตยกรรมแบบใหม่ที่เป็นขุมพลังขับเคลื่อนนวัตกรรมเหล่านี้ จึงเป็นชิพที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน และในขณะเดียวกันยังสามารถใช้งานได้นานขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้งด้วย เรียกว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่ iPhone เคยมีมาเลยทีเดียว CPU ของชิพ A10 Fusion ประกอบด้วย 4 คอร์ ได้แก่ 2 คอร์ประสิทธิภาพสูงที่ทำงานได้เร็วกว่า iPhone 6 ถึง 2 เท่า ซึ่งจะผสานการทำงานกับคอร์ประหยัดพลังงานสูงอีก 2 คอร์ที่สามารถทำงานโดยใช้พลังงานเพียง 1 ใน 5 ของคอร์ประสิทธิภาพสูง ส่วนกราฟิกก็ทรงพลังยิ่งขึ้นเช่นกันด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วกว่า iPhone 6 ถึง 3 เท่า แต่ใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว ช่วยยกระดับเกมและแอพสำหรับมืออาชีพให้เหนือชั้นไปอีกขั้น
iPhone ทั้งสองรุ่นรองรับ LTE ถึง 25 ย่านความถี่ จึงสามารถโรมมิ่งทั่วโลกได้ดีที่สุดในอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมี LTE Advanced ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า iPhone 6 ถึง 3 เท่า สูงสุดที่ 450 Mbps1
ประสบการณ์ด้านเสียงอันน่าทึ่ง
ลำโพงสเตอริโอใหม่ให้เสียงที่เต็มอิ่มสมจริงด้วยกำลังเสียงที่ดังกว่า iPhone 6s ถึง 2 เท่า จึงทำให้มีช่วงไดนามิกของเสียงที่กว้างขึ้น และสปีกเกอร์โฟนที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิม นอกจากนี้ iPhone ใหม่ยังมาพร้อม EarPods® พร้อมหัวต่อ Lightning® ที่มีคุณภาพเสียงในระดับสุดยอด รวมถึงอะแดปเตอร์สำหรับแปลงเป็นแจ็คหูฟัง 3.5 มม. ที่ช่วยให้สามารถใช้งานร่วมกับหูฟังและอุปกรณ์เสริมแบบเก่าได้
AirPods™ ใหม่คือหูฟังไร้สายสุดล้ำจาก Apple ที่ผสมผสานความเรียบง่ายและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเพื่อพลิกโฉมประสบการณ์การฟังแบบไร้สายและทำให้หูฟังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย ภายในมาพร้อมชิพ Apple W1 ใหม่ที่ช่วยให้ AirPods สามารถรับส่งสัญญาณไร้สายด้วยประสิทธิภาพสูงสุด จึงเชื่อมต่อได้ดีกว่าและถ่ายทอดเสียงได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่อยู่ในระดับชั้นนำของวงการ ยิ่งกว่านั้น AirPods ยังใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Siri® ช่วยให้คุณเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัวคนโปรดได้ง่ายๆ เพียงแค่แตะสองครั้ง
ดีไซน์ที่ทั้งโดนใจและโดนน้ำได้
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีให้เลือกในสีสันที่สวยเด่นสะดุดตาทั้งสีเงิน สีทอง และสีโรสโกลด์ พร้อมด้วยสีดำแบบใหม่หมดอีกสองสีด้วยกัน นั่นคือสีดำผิวด้านแบบชุบผิวที่สวยงาม และสีดำเจ็ทแบล็คสุดล้ำที่ดำสนิทและมีความมันเงาสูง ซึ่งกว่าจะได้สีดำเจ็ทแบล็คใหม่นั้นต้องผ่านกระบวนการชุบผิวและขัดเงาที่ล้ำหน้าถึง 9 ขั้นตอน เพื่อให้ผิวมีความเงางามเป็นเนื้อเดียวกัน นอกจากนี้ ตัวเครื่องที่รังสรรค์ขึ้นใหม่หมดยังทำให้ iPhone มีความสามารถในการกันน้ำ ช่วยปกป้องเครื่องจากน้ำที่กระเด็นหรือหกใส่และฝุ่นอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน2
iPhone ใหม่มาพร้อมจอภาพ Retina® HD ที่สว่างที่สุดและแสดงสีสันได้มากที่สุดเท่าที่ iPhone เคยมีมา และวันนี้ยังรองรับการแสดงผลด้วยขอบเขตสีที่กว้างในมาตรฐานเดียวกันกับที่ใช้ในภาพยนตร์ มีความอิ่มตัวของสีมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจัดการสีได้ดีที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนด้วยกัน ปุ่มโฮมโซลิดสเตทสุดล้ำแบบใหม่หมดบน iPhone 7 ได้รับการออกแบบมาให้มีความแข็งแรงทนทานและตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ อีกทั้งยังทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกับ Taptic Engine® ใหม่เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างแม่นยำและปรับแต่งการทำงานได้ตามใจชอบ
พบกับ iOS 10 ซึ่งเป็นการเปิดตัว iOS ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อม iOS 10 ซึ่งเป็นการเปิดตัวระบบปฏิบัติการบนมือถือที่ล้ำหน้าที่สุดของโลกแบบยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งใน iOS 10 นั้นมีการอัพเดทแอพ Messages ครั้งใหญ่เพื่อให้คุณส่งข้อความถึงเพื่อนและครอบครัวในรูปแบบที่แสดงความรู้สึกได้มากขึ้นและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี Siri ที่สามารถทำอะไรๆ ได้มากขึ้นโดยทำงานร่วมกับแอพต่างๆ พร้อมด้วยวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับแอพและสามารถใช้ 3D Touch™ ได้หลายที่มากขึ้น หรือจะเป็นแอพ Maps, Photos, Apple Music® และ News ที่ออกแบบขึ้นใหม่อย่างสวยงาม และแอพ Home ที่ช่วยให้คุณมีวิธีที่ง่ายและปลอดภัยในการจัดการกับผลิตภัณฑ์สำหรับระบบอัตโนมัติภายในบ้านในที่เดียว ยิ่งกว่านั้น iOS 10 ยังเปิดโอกาสความเป็นไปได้อีกมากมายให้กับบรรดานักพัฒนาด้วย API สำหรับ Siri, Maps, Phone และ Messages ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งกว่าที่เคยด้วยแอพที่ตนเองชื่นชอบ
ที่มา – Apple
http://www.flashfly.net/wp/?p=158013