หลายคนคงทราบกันมาบ้างแล้วว่า Google กำลังเดินหน้าพัฒนา Self-Driving Car หรือ รถยนต์ไร้คนขับ อย่างเต็มที่ และได้เริ่มทดลองวิ่งแล้วในสหรัฐฯ ขณะที่ค่ายรถยนต์ตราใบพัดสีฟ้า ก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับ BMW i NEXT ในปี 2021 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า รวมทั้ง Apple ก็มีข่าวว่ากำลังแอบพัฒนาด้วยเช่นกัน และล่าสุด Uber ผู้ให้บริการรถแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่น ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ว่ากำลังพัฒนา Self-Driving Car
Uber เผยว่ารถยนต์ไร้คนขับของบริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างทดสอบวิ่งบนถนนในเมืองพิตต์สเบิร์ก ในสหรัฐฯ โดยใช้รถยนต์ Ford Fusion Hybrid ที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์พิเศษไว้บนหลังคา ทั้งเซ็นเซอร์, เรดาร์, เลเซอร์สแกนเนอร์ และ กล้อง
รถยนต์ไร้คนขับคันต้นแบบของ Uber เป็นการร่วมกันพัฒนากับมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนในพิตต์สเบิร์ก โดยใช้เทคโนโลยี Advanced Technologies Center (ATC) บันทึกแผนที่ขณะเดินทาง โดยมีพนักงานขับรถที่ผ่านการฝึกอบรม นั่งสั่งการอยู่ตลอดเวลา
ในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์กว่า 1.3 ล้านคน และในจำนวนนั้นมีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของมนุษย์ถึง 94% ซึ่งเราหวังว่าเทคโนโลยี Self-Driving Car จะทำให้สถิติอุบัติเหตุมีจำนวนลดลง ช่วยชีวิตผู้คนได้นับล้าน ส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกดีขึ้น และเชื่อว่าในอนาคตค่าบริการรถยนต์ไร้คนขับจะมีราคาถูก เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ทั้งนี้ Uber ตั้งเป้านำรถยนต์ไร้คนขับของตนเอง ออกให้บริการภายในปี 2020
ที่มา – macrumors