ส่วนอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ซึ่งยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่สำคัญ เช่น ตัวเมือง หรือนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งโรจนะ ไฮเทค บางปะอิน หรือแฟ็คทอรี่แลนด์ ทีมวิศวกรได้ใช้เครื่องปั่นไฟและพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เครือข่ายยังให้ บริการได้ตลอดช่วงวิกฤติอุทกภัยที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการฟื้นฟูภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีสถานีฐานราว 10% ที่ยังไม่สามารถให้บริการได้ เนื่องจากการงดจ่ายไฟฟ้า
ขณะที่ ชุมสายของเอไอเอสใน พื้นที่อุทกภัยที่รังสิต แจ้งวัฒนะ และทวีวัฒนา ขณะนี้ยังคงปลอดภัย และให้บริการได้อย่างไม่ติดขัด โดยมีทีมวิศวกรเฝ้าระวังอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนเครือข่ายในกรุงเทพฯ ที่กำลังเริ่มได้รับผลกระทบจากอุทกภัยก็มีปัญหาน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่บนตัวอาคาร
นอกจากนี้เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้งานดาต้า อันจะช่วยให้ประชาชน หรืออาสาสมัคร สามารถสื่อสารขอความช่วยเหลือ แจ้งข่าว รวมถึงค้นหาข้อมูลผ่านทางโซเชี่ยล มีเดียได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เอไอเอสจึง ได้ขยายเครือข่าย 3จี 900 เพิ่มเติมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยติดตั้งเพิ่มเติมอีก 763 แห่ง รวมกับที่เคยเปิดให้บริการก่อนหน้านี้เป็น 1,286 แห่ง ครอบคลุม 64 เขต จากเดิม 29 เขต
“ผมขอยืนยันความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและประชาชนอีกครั้งว่า เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเอไอเอส จะยังคงพร้อมเป็นช่องทางในการส่งต่อความช่วยเหลือ ติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง แน่นอน” นายวิเชียร กล่าว