ในที่สุดApple ได้ประกาศวางจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการวันที่ 31 ตุลาคมนี้ต้อนรับเทศกาลวันฮาโลวีนพอดี ซึ่งวันนี้ 24 ตุลาคม 2557 ทั้ง 3 ค่ายก็เปิดสั่งจองกันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เวลา 00.01 น.ที่ผ่านมา สำหรับในรุ่น iPhone 6 นั้นทีมงาน @flashfly ได้ทำการแกะกล่องและพรีวิวไปเรียบร้อย ยังเหลือรุ่นหน้าจอใหญ่ยักษ์ iPhone 6 Plus ที่จะนำมาแกะกล่องให้ชมกันดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับตัวกล่องนั้นจะเป็นสีขาวล้วนๆแบบเดียวกับ iPhone 6 ซึ่งจะต่างกันที่ขนาดเท่านั้น ด้านข้างจะมีคำว่า iPhone อยู่เท่านั้น ด้านบนจะเป็นรูปทรงตัวเครื่องที่ปั้มนูนออกมา
ด้านหลังก็จะบอกรายละเอียดและสเปคต่างๆไว้เช่นเดียวกับรุ่นก่อนๆไม่ว่าจะเป็นชื่อรุ่น ความจุและสีของตัวเครื่อง
รวมถึงสิ่งอยู่ในกล่องทั้งตัวเครื่อง iPhone 6 Plus ,หูฟัง Earpods with Remote and Mic, สาย Lightning USB และที่ชาร์จพกพา
การเปิดกล่องออกมานั้นให้ดึงขึ้นด้านบนแบบเดิมซึ่งต้องใจเย็นสักหน่อย ใครที่รีบดึงออกอาจทำให้ตัวเครื่องหล่นออกมาได้ เมื่อเรียบร้อยก็จะพบกับ iPhone 6 Plus สีเทาสเปซเกรย์
วางอยู่ด้านบนอย่างสวยงาม
ตัวเครื่องใหญ่สะใจขนาด 5.5 นิ้วถือในมือจะใหญ่ประมาณนี้ถ้าผู้หญิงให้จะดูใหญ่ไปสักหน่อยหนัก 172 กรัม ( iPhone 6 หนัก 129 กรัมส่วน iPhone 5s หนัก 112 กรัม) ปุ่ม Home ด้านล่างจะเป็นปุ่ม Touch ID รุ่นใหม่ใช้งานสแกนนิ้วมือได้รวดเร็วกว่าเดิม
ด้านหลังเทาสเปซเกรย์ที่ดูสวยงามต่างจากของเดิมที่มีสีดำมาตัด จะเห็นว่ากล้องดิจิตอลด้านหลังยื่นออกมาเล็กน้อยแบบเดียวกับ iPhone 6 และแฟลช 2 สีที่ออกแบบใหม่ให้อยู่ในวงกลม สำหรับใครที่กลัวเลนส์กล้องจะเป็นรอยแนะนำให้ใส่เคสด้านหลังไว้ก็ช่วยได้มาก
ด้านบนตัวเครื่องเกลี้ยงเกลาเพราะทาง Apple ได้ย้ายเอาปุ่ม Power ไปไว้ทางด้านข้างทางขวาแทนเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ตัวเครื่อง iPhone 6 Plus บางเพียง 7.1 มม. ( iPhone 6 บาง 6.9 มม.)ทางด้านซ้ายจะมีปุ่มปิดเสียง และปุ่มเพิ่มลดเสียงที่ออกแบบใหม่
ทางด้านขวาจะมีปุ่ม Power ที่ย้ายมาจากด้านบน และช่องใส่ SIM โดย iPhone 6 Plus นั้นใช้ SIM แบบ Nano SIM
ด้านล่างจะมีช่องใส่หูฟังขนาด 3.5 มม. ,ช่องไมค์, ช่อง Lightning USB และลำโพงที่ออกแบบใหม่
เนื่องจาก iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นั้นมีการออกแบบให้เลนส์กล้องถ่ายรุปยื่นออกมาจากตัวเครื่อง ถาดรองตัวเครื่องจึงต้องเจาะรูบริเวณดังกล่าวเอาไว้
เมื่อนำถาดรองตัวเครื่องออกก็จะพบกับซองใส่เข็มสำหรับนำถาดซิมออก และคู่มือการใช้งาน ที่จะขนาดไมไ่ด้เลยคือสติ๊กเกอร์รุปโลโก้ Apple
มาดูของที่อยู่ในกล่องที่จะขาดไม่ได้เลยทั้ง 3 อย่างซึ่งยังคงเหมือนที่ให้มากับรุ่นก่อนหน้า
ตั้งแต่ที่ชาร์จพกพา 5W USB Power Adapter ถ้าใครอยากชาร์จเร็วให้ใช้ที่ชาร์จไฟของ iPad แทน
สาย Lightning USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
และสุดท้ายกับหูฟัง EarPods with Remote and Mic ที่คุ้นเคยกันดี
จากการใช้งาน iPhone 6 Plus ปัญหาแรกที่พบคือหน้าจอขนาดใหญ่มาก ทำให้ใส่กระเป๋ากางเกงอึดอัดไปสักหน่อย แต่ก็สามารถพกพาไปได้ใครที่ชอบใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังต้องระวังตอนนั่งสักหน่อยมิฉนั้นเครื่องอาจงอตามข่าวก็เป็นได้ ใครที่ใช้รุ่นจอใหญ่ๆมาก่อนคงไม่มีปัญหาในการพกพา ส่วนการใช้งานนั้นรอชมได้จากรีวิวเครื่องศูนย์ประเทศไทยเร็วๆนี้
และสำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แล้วยังจองกับทั้ง 3 ค่ายไม่ทันก็สามารถไปซื้อผ่าน Apple Online Store ในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคมนี้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 24900 บาท
บทความโดย – www.flashfly.net
http://www.flashfly.net/wp/?p=104737